EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้างคลิปคนไทย “จัดฉากหลบภัย” แท้จริงเป็นคลิปเก่าไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา

7 ส.ค. 6814:52 น.
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้างคลิปคนไทย “จัดฉากหลบภัย” แท้จริงเป็นคลิปเก่าไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา

คลิปอ้างไทยจัดฉากให้ประชาชนหลบในหลุมหลบภัย เป็นคลิปเก่าและไม่มีความเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา

Thai PBS Verify พบการเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีคำบรรยายหรือคำกล่าวอ้างว่า เป็นภาพเหตุการณ์ที่คนไทยจัดฉากประชาชนอพยพลงหลุมหลบภัย จากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปดังกล่าว จากทีม Thai PBS Verify พบว่า คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่นั้น ไม่ใช่คลิปเหตุการณ์ล่าสุด และไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา แต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นคลิปเก่าที่เคยปรากฏในโลกออนไลน์มาก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก: X

ตรวจสอบพบว่า มีผู้ใช้แอปพลิเคชัน X ชาวต่างชาติรายหนึ่งโพสต์ข้อความพร้อมคลิป อ้างว่า ประเทศไทยมีการจัดฉากถ่ายทำภาพประชาชนที่หลบในหลุมหลบภัย จากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยปรากฏยอดรีโพสต์จำนวน 1,700 ครั้งและถูกใจ 1,600 ครั้ง

โดยระบุข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ว่า

Thailand people are skilled in storytelling and entertaining the world  just observe them playing the role of the victim #ThailandCambodiaWar #ThailandOpenedFire #ThailandStartedTheWar

(คนไทยมีความสามารถในการเล่าเรื่องและสร้างความบันเทิงให้กับโลก สังเกตได้จากรับบทเป็นเหยื่อ ที่กำลังแสดงอยู่ในขณะนี้ )

ภาพบันทึกจากแอปพลิเคชัน X ที่โพสต์อ้างว่าไทยจัดฉากให้ผู้คนหลบในหลุมหลบภัย

จากการตรวจสอบคลิปวิดีโอที่แนบมาด้วยคำสำคัญ จากชื่อเจ้าของบัญชีที่อยู่ในคลิปดังกล่าว พบว่า ตรงกับวิดีโอที่เคยถูกโพสต์ผ่านเพจ Facebook ของแรปเปอร์ชาวชนเผ่าพื้นเมืองกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 68 และเจ้าของโพสต์ได้แชร์คลิปดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 68  ภาษาที่ใช้สนทนาในคลิปวิดีโอดังกล่าวคือภาษากะเหรี่ยงปกาเกอะญอ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันในกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง

ซ้าย – ภาพที่ถูกแชร์ใน X อ้างว่าไทยจัดฉากหลบภัยในหลุมหลบภัย ขวา – ภาพบันทึกคลิปจากโพสต์ facebook ซึ่งเคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 68

สำหรับเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา เริ่มมีรายงานการยกระดับสถานการณ์ของความรุนแรง จนประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 บริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากนั้น ชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ได้มีการยิงปะทะกันที่ปราสาทตาเมือนธม จึงขอให้ประชาชนใน อ.พนมดงรัก หลบอยู่ในหลุมหลบภัยใกล้บ้าน และเตรียมอพยพไปศูนย์พักพิงชั่วคราว

ซึ่งคลิปวิดีโอที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นการจัดฉากประชาชนไทยในหลุมหลบภัยนั้น แท้จริงแล้วเป็นคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและถูกเผยแพร่ก่อนหน้ามีเหตุการณ์การปะทะและสั่งอพยพประชาชน บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา

ภาพบันทึกหน้าจอเปรียบเทียบยืนยันว่าคือคลิปเดียวกัน ระหว่าง ซ้าย- ภาพจาก Facebook ที่ถูกเผยแพร่ก่อนในวันที่ 1 ก.ค. 68 คำบรรยายใต้ภาพคือ Behide the scene ขวา- ภาพจาก X ที่เผยแพร่พร้อมข้อความกล่าวอ้างว่าไทยจัดฉากให้ประชาชนหลบภัย

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ใช้คำสำคัญในการตรวจสอบ : ตรวจสอบโดยใช้คำสำคัญ อย่าง ชื่อบัญชีในคลิปที่อ้างว่าไทยจัดฉากอพยพประชาชน นำไปค้นหาพบคลิปเดียวกันแต่เผยแพร่ก่อนจะมีการเกิดเหตุการณ์สั่งอพยพประชาชน จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

ผลกระทบจากการรับข้อมูลนี้

  1. สร้างความเข้าใจผิดในวงกว้าง : คลิปที่ถูกนำมาอ้างว่าเป็นเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา สร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ชมจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ตรวจสอบแหล่งข้อมูล และปรากฏยอดการรีโพสต์และกดถูกใจบนแพลตฟอร์ม X นับพันครั้ง ส่งผลให้ข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจายรวดเร็วในวงกว้าง

  2. ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ : คำกล่าวอ้างที่ใช้ภาษาอังกฤษ พร้อมติดแฮชแท็กเกี่ยวกับชายแดน ส่งผลให้ผู้ใช้ต่างชาติที่ไม่ทราบบริบท เข้าใจผิดว่าไทยมีพฤติกรรมจัดฉากหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง

  3. อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ : การโยงเนื้อหาว่าประเทศไทยเริ่มต้นความขัดแย้ง หรือสร้างภาพลวงตาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ อาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างประเทศ และยกระดับความตึงเครียดในสถานการณ์ชายแดน

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  • ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนเชื่อและแชร์: ก่อนที่จะเชื่อหรือแชร์ข้อมูลใด ๆ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของข่าวนั้น ๆ เสมอ

  • สังเกตความผิดปกติของภาพและเนื้อหา: ข่าวปลอมมักเกิดใช้ภาพหรือคลิปที่ไม่เกี่ยวข้องหรือขาดการตรวจสอบที่มาของภาพก่อนเผยแพร่

  • ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ: ควรติดตามข่าวสารจากสำนักข่าวที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง

  • สังเกตรูปแบบของข่าวปลอม: ข่าวปลอมมักใช้ถ้อยคำเร้าอารมณ์ ใช้คำกล่าวอ้างทั่วไปโดยไม่มีหลักฐาน หรือใช้คลิป/ภาพที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน