Loading...

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้างคลิปเกาหลีใต้เตรียมใช้กองกำลังทหารกับกัมพูชา แท้จริงเป็นคลิปเดินขบวนพาเหรดวันกองทัพ

17 ต.ค. 6820:02 น.
รอบโลก#ข่าวบิดเบือน
ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้างคลิปเกาหลีใต้เตรียมใช้กองกำลังทหารกับกัมพูชา แท้จริงเป็นคลิปเดินขบวนพาเหรดวันกองทัพ

ตรวจสอบพบคลิปอ้างขบวนรถทหารติดอาวุธของเกาหลีใต้ พร้อมข้อความว่า “รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมใช้กำลังทางทหารต่อกัมพูชา” จากกรณีพลเรือนเกาหลีตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชา แท้จริงคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ “ขบวนพาเหรดวันกองทัพเกาหลีใต้ ครบรอบ 76 ปี” เมื่อปี 2024 ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในกัมพูชาแต่อย่างใด

ส่วนข้อเสนอการใช้กำลังทางทหาร เป็นเพียงความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางราย ไม่ใช่มติจากรัฐบาลหรือฝ่ายบริหาร ขณะนี้เกาหลีใต้ยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการช่วยเหลือพลเมืองของตนในกัมพูชา

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : X

Thai PBS Verify ตรวจสอบพบบัญชีผู้ใช้บนแอปพลิเคชัน X รายหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอขบวนรถทหารติดอาวุธของเกาหลีใต้ พร้อมข้อความอ้างว่า “รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมใช้กำลังทางทหารต่อกัมพูชา” จากกรณีที่พลเรือนชาวเกาหลีใต้จำนวนหนึ่งตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์โดยถูกหลอกลวงไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา รวมถึงกรณีนักศึกษาเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวและทรมานจนเสียชีวิต เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ ได้ประกาศภารกิจพิเศษ เพื่อช่วยเหลือพลเมืองให้สามารถเดินทางกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย

โดยบัญชีผู้ใช้บนแอปพลิเคชัน X รายหนึ่งได้โพสต์อ้าง ระบุว่า

เกาหลีใต้บอกไทย  มึงต้องทำอย่างกูนี่ 

ซึ่งภายในคลิปมีการระบุข้อความว่า “ด่วน ! เกาหลีใต้ เตรียมใช้กำลังทหารกับเขมร อยากให้ไทยเป็นแบบนี้บ้าง”

พร้อมภาพประกอบข่าวภาพ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ อีออนจู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลขณะนี้ พร้อมคำบรรยายว่า สส.เกาหลีใต้ เดือด ถ้าเขมรไม่ร่วมมือจี้รัฐบาลพิจารณาใช้กำลังทหาร !

พร้อมเสียงคำบรรยายในคลิปว่า

สภาเกาหลีใต้ออกมาจี้รัฐบาลตัวเองแล้วว่า ถ้าใช้การทูตแล้วไม่เวิร์ก ถ้ากัมพูชายังเพิกเฉย ไม่ยอมคืนคนของเรา ก็ต้องใช้ปฏิบัติทางการทหารไปเลย ต้องใช้ไม้แข็ง งานนี้เดือด และงานนี้เขมรอาจมีหนาว เมื่อเกาหลีใต้ของขึ้น

ตรวจสอบแล้วเป็นคลิปพาเหรดวันครบรอบสถาปนากองทัพเกาหลีใต้ เมื่อปี 2024

นอกจากนี้โพสต์ดังกล่าวยังนำคลิปขบวนทหารพร้อมยุทโธปกรณ์เคลื่อนตัวอยู่บนถนนมาประกอบข้อความอ้าง ว่าเกาหลีใต้เตรียมใช้กำลังทหารกับกัมพูชา 

เมื่อนำภาพบางส่วนจากในคลิปดังกล่าวมาลบข้อความและภาพประกอบออก ด้วยโปรแกรม Pixelcut จากนั้นนำภาพไปค้นหาด้วยเครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens พบว่า เป็นเหตุการณ์การเดินขบวนพาเหรดวันกองทัพเกาหลีใต้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันกองทัพและแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ครบรอบการสถาปนากองทัพเกาหลีครบรอบ 76 ปี (국군의 날 시가행진) เมื่อวันที่  1 ต.ค. 67 (ปี 2024) นอกจากนี้จากการตรวจสอบภาพประกอบข่าวภาพในคลิปดังกล่าว ที่ปรากฏภาพ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ อีออนจู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปไตย ที่อยู่ในคลิปพบว่า เป็นภาพรายงานของข่าวสด

บันทึกภาพหน้าจอเมื่อนำภาพบางส่วนไปค้นหาแล้วพบภาพดังกล่าวแบบไม่มีข้อความทับ จากเฟซบุ๊กที่มีข้อความภาษากัมพูชา

จากนั้นนำภาพที่พบจากเฟซบุ๊กของบัญชีรายหนึ่งชาวกัมพูชา ไปค้นหาด้วย Google Lens อีกครั้ง พบว่าไปตรงกับคลิปที่มีมุม สถานที่ สภาพแวดล้อมที่คล้ายกับโพสต์ที่อ้างว่าเกาหลีใต้ เตรียมใช้กำลังทหารกับกัมพูชา

เมื่อค้นหาคลิปที่เกี่ยวข้องในบัญชีผู้ใช้ TikTok รายนี้ พบว่าได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับกิจกรรมจัดขบวนพาเหรดวันครบรอบการสถาปนากองทัพเกาหลีใต้จำนวนหลายคลิป และหนึ่งในนั้นพบคลิปต้นฉบับที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 (2024)

ตรวจสอบพบคลิปต้นฉบับจากบัญชีผู้ใช้รายนี้ใน TikTok ซึ่งเผยแพร่วิดีโอเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 (ปี 2024) ซึ่งตรงกับวันครบรอบการสถาปนากองทัพเกาหลีครบรอบ 76 ปี (제76주년 국군의 날 시가행진)

คลิปต้นฉบับ

@seoulcalledlife

♬ original sound – realseoulreels – seoulcalledlife

 

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง (ซ้าย) ที่ปรากฏจุดสังเกตสำคัญในคลิปคือ ตัวอักษรบนของยานพาหนะทางการทหาร ที่ระบุภาษาเกาหลีว่า 공대지유도탄 หรือ Air-to-Surface Missile (ขีปนาวุธอากาศสู่พื้น) พบว่าข้อความดังกล่าวตรงกันกับภาพส่วนหนึ่งของคลิปต้นฉบับ (ขวา)

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง (ซ้าย) ที่ปรากฏจุดสังเกตเป็นสถานที่ในคลิปคือ ร้านซูชิ ชื่อ 은행골 초밥&참치 시청점 และ สถาบันสอนไวโอลิน ซึ่งสถานที่ดังกล่าวตรงกันกับภาพส่วนหนึ่งของคลิปต้นฉบับ (ขวา) บ่งชี้ว่าเป็นคลิปเหตุการณ์เดียวกัน

 

โดยบริเวณที่ขบวนพาเหรดดังกล่าวเคลื่อนขบวน คือ ถนนเซจงแดโร เขตจุงกู กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

ย้อนคำกล่าวของเหล่า สส. เกาหลี เรียกร้องให้พิจารณามาตรการทางทหาร

วันที่ 11 ต.ค. 68 – อีออนจู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปไตย กล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีการพิจารณามาตรการทางการทหาร ว่าหากทางการกัมพูชามีท่าทีเพิกเฉยต่อการดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ หรือไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือเหยื่อชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา เราควรจำเป็นต้องพิจารณามาตรการที่เด็ดขาดขึ้น   

ส่วนหนึ่งของโพสต์ระบุถึงการเรียกร้องให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเกาหลีใต้ดำเนินมาตรการอย่างเด็ดขาด ต่อเหตุการณ์อาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาเกาหลีที่เสียชีวิตในกัมพูชา รวมถึงกล่าวว่า ควรกำหนดให้ กัมพูชาเป็นเขตห้ามเดินทาง 

แม้ว่าชาวจีน 3 คนจะถูกอัยการกัมพูชาฟ้องข้อหาฆาตกรรมแล้ว แต่ไม่ควรจบแค่นั้น ต้องติดตามให้ถึงที่สุด จนกว่าจะมีการพิพากษาโทษประหารและดำเนินการตามโทษนั้นจริง ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนี ต้องถูกจับกุมให้หมด หากการดำเนินการไม่เพียงพอ ควรพิจารณามาตรการทางการทูตที่เข้มงวดขึ้นอีก

กลุ่มอาชญากรข้ามชาติในกัมพูชา ก็คือกลุ่มมาเฟียระหว่างประเทศหรือคล้ายกับผู้ก่อการร้าย ควรขอความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงรัฐบาลจีนและญี่ปุ่น เพื่อดำเนินปฏิบัติการร่วมกันในการกวาดล้าง หากรัฐบาลกัมพูชามีท่าทีที่ไม่จริงจังกับการดำเนินการในเรื่องนี้ เราควรจำเป็นต้องพิจารณามาตรการที่เด็ดขาดขึ้น เช่น การปกป้องตนเอง รวมถึง มาตรการทางทหาร

ต้องแสดงให้โลกเห็นว่า หากมีอาชญากรรมหรือการก่อการร้ายต่อคนเกาหลี จะไม่มีวันรอดพ้นจากการถูกลงโทษ เหมือนเช่นกับปฏิบัติการยามรุ่งสางในอ่าวเอเดน ที่ช่วยตัวประกันจากโจรสลัดโซมาเลียในปี 2011 และความพยายามของสหรัฐฯ ในการช่วยนักศึกษาอเมริกันที่ถูกเกาหลีเหนือจับตัวในปี 2016

อีออนจู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปไตย ระบุส่วนหนึ่งในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 68 ว่า หากรัฐบาลกัมพูชามีท่าทีที่ไม่จริงจังกับการดำเนินการในเรื่องนี้ เราควรจำเป็นต้องพิจารณามาตรการที่เด็ดขาดขึ้น เช่น การปกป้องตนเอง รวมถึง มาตรการทางทหาร

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 68 – รายงานของ Yonhap News ระบุว่าซงออนซอก หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พรรคแกนนำฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ประธานาธิบดี อีแจมยองต้องเข้ามาจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวโดยตรง พร้อมกล่าวว่า

เราต้องระดมช่องทางการทูตทุกช่องทาง รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วทั้งรัฐบาล การส่งทูตพิเศษ และการโทรศัพท์หารือระหว่างผู้นำ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

รวมถึงรายงานจาก The JoongAng ระบุว่า ซงออนซอกได้กล่าวว่า “รัฐบาลของเรามีประวัติในการช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกลักพาตัวผ่านปฏิบัติการ ปฏิบัติการยามรุ่งสางในอ่าวเอเดน เราไม่ควรมีข้อจำกัดในการปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของพลเมือง”

ตามหลักการสากล สามารถกองส่งทหารไปช่วยเหลือพลเมืองได้หรือไม่ ?

พล.อ. พงศกร รอดชมภู ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร-การเมืองสายทหาร ให้ข้อมูลกับ Thai PBS Verify ว่าการส่งกองกำลังทหารข้ามประเทศนั้นมีเงื่อนไข และข้อกำหนดรวมถึงข้อตกลงระหว่างประเทศ ไม่สามารถทำได้โดยทันที

“โดยปกติ เหตุการณ์ลักษณะนี้จะใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องของความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ เรามักได้ยินเกี่ยวกับ ตำรวจสากลและการร่วมมือด้านอาญา ซึ่งประเทศเจ้าภาพจะเป็นผู้ให้ความร่วมมือ”

คำถามคือ การใช้กำลังทหารเป็นไปได้หรือไม่ คำตอบคือ “เป็นไปได้” แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น

  • มีมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ปฏิบัติการทางการทหาร
  • ประเทศเจ้าภาพร้องขอความช่วยเหลือด้านกองกำลังทหารโดยตรง
  • มีข้อตกลงร่วมกันในการลาดตระเวนหรือปฏิบัติการทางการทหาร เช่น ไทย–กัมพูชา มีข้อตกลงลาดตระเวนร่วมกันบริเวณพรมแดน เป็นต้น

ซึ่งหากทาง UN ไม่ได้อนุมัติ การส่งกำลังทหารโดยตรงจะละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งกรณีที่เคยมีการอนุมัติให้ส่งกองกำลังช่วยเหลือในหน้าประวัติศาสตร์นั้นมีน้อยมาก ซึ่ง พล.อ. พงศกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น คือ กรณีสงครามเกาหลี 

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้ระบุว่า การใช้มาตรการทางการทหารระหว่างประเทศนั้น ถือว่าเป็นเรื่องยาก และถือเป็นการละเมิดอธิปไตยดินแดนของประเทศนั้น ๆ 

ตามรายงานของสำนักข่าว โซล ชินมุน ระบุว่า คิม ยอลซู ผู้อำนวยการสถาบันการทหารเกาหลี กล่าวว่า การที่กองกำลังทหารเข้าประเทศอื่นถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและดินแดนของประเทศนั้น ๆ

รวมถึง ออม ฮโย-ซิก เลขาธิการฟอรัมกลาโหมและความมั่นคงเกาหลี กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการใด ๆ ระหว่างประเทศนั้น ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องมีการตกลงร่วมกัน และหากทางกัมพูชาไม่เห็นด้วย จะถือว่าเป็นการรุกราน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากในเชิงโครงสร้าง

ลำดับเหตุการณ์ความคืบหน้าล่าสุด

วันที่ 15 ต.ค. 68 – สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ชี้แจงว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังดำเนินความพยายามทางการทูตทุกวิถีทางเพื่อคุ้มครองพลเมือง อย่างไรก็ตาม ข้อความในบทความของสื่อที่ระบุว่า “เกาหลีใต้อาจใช้กำลังทางทหารต่อกลุ่มสแกมเมอร์ข้ามพรมแดน” และ “คำขู่ว่าจะใช้กองทัพจัดการกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค” นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

วันที่ 16 ต.ค. 68 สำนักข่าว Yonhap รายงานว่า เกาหลีใต้ยังคงใช้วิธีทางการทูตในการเจรจากับทางกัมพูชา นอกจากนี้ทางกัมพูชา เตรียมส่งชาวเกาหลีใต้ 59 คนที่เคยทำงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์กลับประเทศ หลังคณะทำงานฯ เกาหลีใต้ เดินทางไปพบผู้นำกัมพูชา ย้ำความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมที่พุ่งเป้าชาวเกาหลีใต้  ทีมปฏิบัติการจากเกาหลีใต้ ที่นำโดยคิม จินอา รัฐมนตรีต่างประเทศคนที่ 2 เข้าพบฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมด้วยเลขาธิการคณะกรรมการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์กัมพูชาที่กรุงพนมเปญ เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมที่พุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ รวมถึงการช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้กลับประเทศ หลังกรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ เมื่อเดือน ส.ค. 68 ที่ผ่านมา

วันที่ 17 ต.ค. 68 สำนักข่าว Yonhap รายงานว่า จะมีการส่งตัวชาวเกาหลีใต้ 64 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชากลับเกาหลีด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ โดยจะเดินทางถึงสนามบินอินชอน ในวันที่ 18  ต.ค. 68 เวลาเช้า 08.00 น.

วันที่ 18 ต.ค. 68 สำนักข่าว Yonhap รายงานว่าชาวเกาหลี 64 คน เดินทางถึงสนามบินอินชอนเป็นที่เรียบร้อยตามกำหนด

เรื่องจริงเป็นอย่างไร

คลิปขบวนพาเหรดรถทหารเกาหลีพร้อมยุทโธปกรณ์เคลื่อนตัวอยู่บนถนนใจกลางเมืองกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ที่ถูกแชร์บนแพลตฟอร์ม X พร้อมข้อความอ้างว่า “รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมใช้กำลังทางทหารต่อกัมพูชา” ไม่เป็นความจริง โดยคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ “ขบวนพาเหรดวันกองทัพเกาหลีใต้ ครบรอบ 76 ปี” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 68 ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในกัมพูชาแต่อย่างใด ส่วนกรณีการใช้กำลังทางทหารนั้น เป็นเพียงข้อเสนอและความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่มติจากฝ่ายบริหารแต่อย่างใด ซึ่งตรงตามคำกล่าวอ้างของผู้ใช้แอปพลิเคชัน X ที่กล่าวว่า สส.เสนอให้รัฐบาลใช้มาตรการทางการทหาร แต่การใช้คลิปประกอบดังกล่าว อาจนำไปสู่การเข้าใจผิดได้ ซึ่งข้อเท็จจริงคือ ขณะนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ ยังคงดำเนินการทางการทูตเพื่อช่วยเหลือพลเมืองของตนในกัมพูชา ไม่มีการใช้มาตรการทางการทหารแต่อย่างใด

กระบวนการตรวจสอบ

1.ใช้เครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens: เมื่อนำภาพบางส่วนในคลิปวิดีโอจากโพสต์อ้างว่าเกาหลีเตรียมใช้มาตรการทางทหารกับกัมพูชา รวมไปถึงมีข้อความประกอบบดบังคลิปว่า “ด่วน ! เกาหลีใต้ เตรียมใช้กำลังทหารกับเขมร อยากให้ไทยเป็นแบบนี้บ้าง” นำภาพบางส่วนลบข้อความโดยใช้โปรแกรม Pixelcut จากนั้นนำไปค้นหาใน Google Lens ทำให้พบที่มาของคลิปคือ เหตุการณ์การเดินขบวนพาเหรดวันกองทัพเกาหลีใต้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันกองทัพและแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ครบรอบการสถาปนากองทัพเกาหลีครบรอบ 76 ปี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 (ปี 2024) 

2.สอบถามนักวิชาการด้านความมั่นคง: กรณีนำกองกำลังทหารไปช่วยเหลือพลเมืองในต่างประเทศโดยทันทีมีความเป็นไปได้หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและความมั่นคงกล่าวว่า ตามหลักสากลสามารถส่งกำลังทหารไปช่วยพลเมืองได้ แต่เป็นไปได้ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด และต้องได้รับการอนุมัติหรือความชอบธรรมระหว่างประเทศ เช่น มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ, คำร้องขอหรือความยินยอมจากประเทศเจ้าภาพ, หรือข้อตกลงระหว่างประเทศที่ชัดเจน เพราะการส่งทหารข้ามแดนจะถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นในทางปฏิบัติมักใช้วิธีการทางการทูตและความร่วมมือทางอาญา (ส่งตำรวจ/ทีมเฉพาะกิจร่วม) มากกว่า การใช้กำลังทหารเป็นมาตรการสุดท้ายที่เกิดขึ้นได้ยากและมีตัวอย่างที่ได้รับอนุมัติในประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่กรณีเท่านั้น

 

ผลกระทบจากการรับข้อมูลเท็จ 

  1. เกิดความเข้าใจผิดทางการเมืองระหว่างประเทศ ข้อมูลเท็จที่อ้างว่าเกาหลีใต้เตรียมใช้กำลังทางทหารต่อกัมพูชาพร้อมใช้คลิปขบวนกองกำลังทหารประกอบเนื้อหา อาจสร้างความเข้าใจผิดภายใต้การเจรจารระหว่างสองประเทศ และเพิ่มระดับความรุนแรงของสถานการณ์
  2. สร้างความตื่นตระหนกและความกังวล การแชร์คลิปพร้อมข้อความบิดเบือนอาจกระตุ้นให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เกิดอารมณ์ร่วม เช่น ความโกรธ ความกลัว หรือความไม่ไว้วางใจของประชาชนระหว่างประเทศ
  3. ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ข่าวปลอมประเภทนี้มักถูกสร้างเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น สร้างความเกลียดชัง ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
  4. ทำให้สังคมขาดภูมิคุ้มกันข้อมูลข่าวสาร เมื่อผู้คนรับและแชร์ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ จะกลายเป็นวงจรข่าวปลอมที่แพร่ต่อเนื่อง ส่งผลให้สังคมยากต่อการแยกแยะความจริงและตกเป็นเหยื่อของการบิดเบือนในอนาคต

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนเชื่อหรือแชร์ โดยสังเกตและตรวจว่าข้อมูลมาจากหน่วยงานทางการหรือไม่ 
  2. ตรวจสอบภาพหรือคลิป ด้วยเครื่องมืออย่าง Google Lens เพื่อดูว่าภาพนั้นเคยถูกใช้ในบริบทอื่นหรือไม่
  3. อ่านเนื้อหาให้ครบถ้วน ไม่สรุปจากพาดหัวหรือข้อความในโพสต์เพียงอย่างเดียว
  4. ติดตามข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อเปรียบเทียบและตรวจสอบความสอดคล้องของข้อเท็จจริง รวมถึงติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เป็นทางการ
  5. หยุดแชร์ทันที หากพบว่าข้อมูลมีลักษณะบิดเบือนหรือยังไม่ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้