EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: เพจกัมพูชาโพสต์ระบุ “ลาว-ไทย-เวียดนาม” ยึดพื้นที่กัมพูชารวม 62 จังหวัด แท้จริงบิดเบือน

6 ต.ค. 6821:18 น.
รอบโลก#ข่าวบิดเบือน
ตรวจสอบแล้ว: เพจกัมพูชาโพสต์ระบุ “ลาว-ไทย-เวียดนาม” ยึดพื้นที่กัมพูชารวม 62 จังหวัด แท้จริงบิดเบือน

เพจเฟซบุ๊กของกัมพูชา โพสต์ระบุ "ลาว-ไทย-เวียดนาม" ยึดพื้นที่กัมพูชารวม 62 จังหวัด พร้อมวอนเด็กกัมพูชาให้จดจำ นักวิชาการระบุ เป็นประวัติศาสตร์สมัยโบราณที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน อีกทั้งเป็นประวัติศาสตร์ก่อนเกิดประเทศกัมพูชา

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงโพสต์อ้าง “ลาว ไทย เวียดนาม” ยึด 62 จังหวัดของกัมพูชา

เพจเฟซบุ๊กของกัมพูชาที่ชื่อ មេផ្ទះ Housewife โพสต์ข้อความระบุว่า

ខេត្តក្រុងខ្មែរដែលបាត់ពីជំនាន់មុនសរុប ៖
ឡាវ: ៦ខេត្ត
សៀម: ៣៦ខេត្ត ក្រុង១
វៀតណាម: ២០ខេត្ត ក្រុង១ កោះ២ កំពង់ផែ២ ប្រាសាទ១ កូនខ្មែរគួរចងចាំ

ทั้งนี้เมื่อนำมาแปลเป็นภาษาไทยพบโพสต์ดังกล่าวอ้างว่า

รวมจังหวัดและเมืองเขมรที่หายไปจากรุ่นก่อน:
1.ลาว: 6 จังหวัด
2.สยาม: 36 จังหวัด 1 เมือง
3.เวียดนาม: 20 จังหวัด, 1 เมือง, 2 เกาะ, 2 ท่าเรือ, 1 วัด เด็กเขมรควรจำไว้ 

โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าไปแสดงความรู้สึกแล้วถึง 9,100 ครั้ง รวมถึงแชร์ออกไปกว่า 3,800 ครั้งด้วยกัน

ประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกับความจริง

Thai PBS Verify ตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวกับ ดร.ยิ่งยศ บุญจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากโพสต์ดังกล่าวคิดว่า เป็นการอ้างถึงความยิ่งใหญ่ในสมัยพระนคร ที่ตรงกับยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่มีการบันทึกว่า เมืองไหนเคยอยู่ใต้อำนาจของเมืองพระนครบ้าง ซึ่งพบว่ามีการกินพื้นที่เข้ามาถึงในประเทศไทย เช่น เมืองเพชรบุรี และเมืองกาญจนบุรี ถือว่าเป็นหัวเมืองใหญ่ ๆ ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เลยคิดว่าโพสต์ดังกล่าวใช้การตีความแบบนี้ เพราะว่าหลังจากสมัยพระเจ้าเยอรมันที่ 7 หรือประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 อำนาจของกัมพูชาก็เสื่อมลง จนดินแดนต่าง ๆ มีการแยกตัวเป็นอิสระ มีการตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ไทย หรือกลุ่มคนที่เคยอยู่ภายใต้หน้าการปกครองเขมร ก็ตั้งตัวเป็นอิสระ จึงเป็นที่มาของการที่บอกว่าไทยเอาพื้นที่ไปกี่จังหวัด

ดร.ยิ่งยศ บุญจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

อย่างกรณีของเวียดนาม เช่น เมืองไซ่ง่อน หรือ นครโฮจิมินห์ ในปัจจุบัน ก็เคยอยู่ในเขตอำนาจการปกครองของกัมพูชามาก่อน แต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 ขณะนั้นกษัตริย์กัมพูชาอ่อนแอ จึงถูกเวียดนามเข้ามาปกครอง และได้พื้นที่ตรงนี้ไป ซึ่งไซ่ง่อนในอดีตคือศูนย์กลางการปกครองของฝรั่งเศสในสมัยยึดอินโดจีนเป็นอาณานิคม

ขณะที่กรณีของลาวนั้น ลาวในหลาย ๆ พื้นที่ก็เคยอยู่ในเขตอำนาจที่เคยมีวัฒนธรรมเขมร โดยสามารถพบร่องรอยได้ขึ้นไปถึงจำปาสัก จึงคิดว่าโพสต์ดังกล่าวน่าจะตีความผ่านประวัติศาสตร์ในอดีต ว่าดินแดนเขาเคยขยายใหญ่ขนาดไหน แล้วปัจจุบันมันหายไป ซึ่งทำให้มีคำว่าจังหวัด แต่ในอดีตไม่มีคำว่าจังหวัด และในอดีตก็ไม่มีคำว่าพื้นที่ของใครอย่างชัดเจน แต่พื้นที่ต่าง ๆ จะถูกยึดครองตามรัชสมัยของกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์นึงตามความเข้มแข็งของตัวกษัตริย์

อย่างไรก็ตามในอดีตไม่ได้มีการเรียกว่า กัมพูชา แต่ใช้คำเรียกว่าเมืองเขมรโบราณ และจะไม่ใช้คำว่าขอม ซึ่งคำว่าเขมรโบราณก็คืออาณาจักรของกัมพูชา แต่เป็นอาณาจักรคือตั้งแต่ประมาณก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15 ขึ้นไป ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น ไทยเรายังไม่มี แต่ไม่ได้หมายถึงว่า คนไทยไม่มีอยู่แถวนี้มาก่อน แต่อาจจะไม่ได้มีบทบาท หรือมีอำนาจทางการเมือง เมื่อเทียบกับกลุ่มชาติพันธุ์ มอญ-เขมร ที่มีอาณาจักรอย่างชัดเจน อย่างอาณาจักรพุกามในพม่า เป็นต้น

ดังนั้นหากจะตีความว่า กัมพูชาเสียพื้นที่เหล่านั้นไปก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะเป็นความเข้าใจของชาวเขมรต่อพื้นที่ในอดีตของกัมพูชา ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการสูญเสียดินแดน ในเมื่อในอดีตไม่เคยมีดินแดนของใคร อีกทั้งคำว่า กัมพูชา เพิ่งปรากฏเป็นเพียงชื่อของแคว้นนึง ในช่วงประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 หรือในตอนที่กัมพูชาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และพื้นที่ของกัมพูชาก็เหลืออยู่แค่เท่าที่ปัจจุบันตามที่ฝรั่งเศสเขากำหนดให้

ส่วนตัวผมมองว่ามันไม่ใช่การสูญเสียดินแดนของกัมพูชาในอดีต แต่คือการเอาประวัติศาสตร์มาอธิบายว่า ตัวเองเคยมีพื้นที่การปกครองเท่าไหร่ ซึ่งมันไม่ตรงกับขอบเขตจริง ๆ ของกัมพูชา

ไม่มีหลักฐาน 36 จังหวัดไทยเคยถูกปกครองโดยกัมพูชา

ขณะที่ ผศ. ดร.ธิบดี บัวคำศรี อาจารย์ภาคประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความคิดเห็นถึงโพสต์ดังกล่าว โดยระบุว่า เรื่องของการถูกยึดพื้นที่ เท่าที่ทราบในส่วนของเวียดนาม ในการยึดพื้นที่จากกัมพูชาไปจริงราว 20 จังหวัด ส่วนของลาวนั้นยังไม่เคยพบหลักฐานการยึดพื้นที่ของกัมพูชาตามที่กล่าวอ้าง ขณะที่การกล่าวอ้างว่า ไทยยึดพื้นที่ของกัมพูชาไป 36 จังหวัดนั้น เข้าใจว่าเป็นการย้อนประวัติศาสตร์กลับไปถึงสมัยที่กำลังรุ่งเรืองเต็มที่ ที่มีการขยายอำนาจ ขยายขอบเขต ขยายอิทธิพลในทางวัฒนธรรมออกไป แต่ว่ากรณีของไทยนั้นต่างจากเวียดนาม โดยเฉพาะในแง่ที่ว่า คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดที่กัมพูชาเคลม เพราะถ้าหากดูตัวเลข 36 จังหวัด จะพบว่า มีอาณาเขตเลยไปจากจังหวัดตามแนวชายแดนเยอะ ซึ่งคนที่อยู่นอกเขตจังหวัดตามแนวชายแดน ก็ไม่ได้มีแค่คนที่พูดภาษาเขมร แต่หากไปนอกพื้นที่ชายแดน จะไม่มีแค่ชาวเขมรเคยตั้งชุมชนหรืออาศัยอยู่ ซึ่งต่างจากที่เวียดนามเป็น

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ผศ. ดร.ธิบดี บัวคำศรี อาจารย์ภาคประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นการเคลมบนพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน โดยการเคลมจังหวัดในประเทศไทยนั้น อาศัยอำนาจในทางการเมืองและวัฒนธรรม ว่าเขาเคยมีอำนาจทางการเมืองและวัฒนธรรมเหนือพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งเขาคิดออกมา 36 จังหวัด ส่วนในกรณีของเวียดนาม เคยมีชุมชน มีคนเขมรอยู่ที่ตรงนั้น รวมถึงเคยมีอิทธิพลในทางการเมืองและวัฒนธรรมของเขมรอยู่ด้วย แต่สำหรับของไทยนั้นจะไม่มีเรื่องคนเขมรมาอาศัยอยู่

สำหรับประเทศลาว ตนไม่เห็นว่าจังหวัดอะไรบ้างที่เขาเคลม แต่พบว่าเคยมีบทความตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว รวมถึงหลังจากนั้น ที่พูดถึงอิทธิพลทางการเมืองของกัมพูชาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ที่อิทธิพลของเขมรขึ้นไปถึงเวียงจันทน์ รวมถึงพบหลักฐานจากนักวิชาการฝรั่งเศสเขียนบันทึกเอาไว้ ซึ่งก็พบจริง แต่ว่าพบแล้วสามารถบอกได้ไหมว่า อำนาจในทางการเมืองของของเขมรเหนือพื้นที่นั้นเข้มแข็ง หรือจริง ๆ แล้วเป็นแค่คนทางนั้นรับเอาวัฒนธรรมแบบเขมรเข้าไป ซึ่งก็ยังถกเถียงกันอยู่ แต่หากจะเคลมว่า เจอวัฒนธรรมเขมรหรือไม่ในลาว ก็ต้องบอกว่าเจอปราสาท เจอรูปเคารพ

แต่หากจะบอกว่า 36 จังหวัดของไทยเป็นของกัมพูชามาก่อนหรือไม่ ตนคิดว่า มันไม่มีหลักฐาน ไม่มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่หนักแน่น ที่บอกว่า 36 จังหวัดนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งในทางการเมือง หรือถูกปกครองโดยกัมพูชา

กระบวนการตรวจสอบ

Thai PBS Verify ได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ดร.ยิ่งยศ บุญจันทร์ และ ผศ.ดร.ธิบดี บัวคำศรี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสองยืนยันว่า ข้อมูลในโพสต์นั้น อิงจากการตีความประวัติศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์ และ ขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน อีกทั้งข้อมูลที่อ้างว่า ดินแดนหลายจังหวัดเป็นของกัมพูชาในอดีตนั้น มักอิงจากช่วงเวลาที่เขมรมีอำนาจ เช่น สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แต่ในอดีตยังไม่มีแนวคิดเรื่อง “พรมแดนประเทศ” แบบปัจจุบัน โดยยังคงเป็นการปกครองเป็นแบบอาณาจักร และขึ้นกับอำนาจของกษัตริย์แต่ละยุค และแม้ว่าบางพื้นที่อาจเคยรับวัฒนธรรมเขมร เช่น พบโบราณสถานหรือศิลปวัตถุ แต่ไม่ได้แปลว่า เคยอยู่ภายใต้การปกครองของกัมพูชาแต่อย่างใด

ผลกระทบจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

  1. กระตุ้นความเกลียดชังและความเข้าใจผิดในสังคม

    • การนำเสนอข้อมูลว่าประเทศเพื่อนบ้าน “ยึดครองดินแดน” อาจทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ และสร้างความเกลียดชังโดยไม่ตั้งใจ

  2. บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    • แม้ข้อมูลจะดูเหมือนเพียงแค่ “เล่าอดีต” แต่หากไม่ได้ตีความอย่างระมัดระวัง อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างประเทศ

  3. ทำให้สื่อหรือบุคคลอื่นหลงเชื่อและแชร์ต่อ

    • เมื่อข้อมูลเท็จถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก (เช่น กรณีนี้มีแชร์กว่า 3,800 ครั้ง) อาจกลายเป็น “ความจริงทางสังคม” ที่ผู้คนเชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงความคิดเห็นภายในโพสต์

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. ตั้งคำถามก่อนเชื่อ

    • ข้อมูลที่อ้างถึงประวัติศาสตร์และดินแดนเป็นเรื่องอ่อนไหว ควรถามว่า “ข้อมูลนี้มาจากไหน?” และ “มีหลักฐานหรือไม่?”

  2. ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ

    • เช่น อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์, หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

  3. หลีกเลี่ยงการแชร์ต่อโดยไม่ตรวจสอบ

    • อย่าช่วยขยายข้อมูลที่อาจเป็นเท็จ หรือสร้างความขัดแย้งโดยไม่ตั้งใจ

  4. รายงานโพสต์ที่เป็นเท็จหรือชี้นำผิด

    • แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, TikTok หรือ X (Twitter) มีระบบรายงานเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง

  5. สนับสนุนการเรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบรอบด้าน

    • การเข้าใจอดีตต้องพิจารณาหลายมุม ทั้งด้านการเมือง วัฒนธรรม และบริบทในแต่ละยุคสมัย