รายงานของหน่วยงานระหว่างประเทศหลายชิ้น ชี้ว่าอำนาจทางการเมืองนี้ยังเอื้อประโยชน์ในการสร้างอำนาจทางการเงินให้กับตระกูลนี้อีกด้วย
อาจจะตอบตัวเลขจริงๆ ไม่ได้ แต่จากการประเมินเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ตระกูลนี้อาจมีมูลค่าทรัพย์สินทะลุ 30,000 ล้านบาท
ในยุคที่การเมืองโลกกำลังเข้มข้นและมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์แบบที่ไม่ได้เห็นกันในรอบหลายสิบปี ตระกูลฮุนของกัมพูชาก็ตกอยู่ท่ามกลางวังวนของการช่วงชิงอิทธิพลระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ซึ่งจุดนี้อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกมการเมืองของตระกูลฮุน ทั้งในและนอกประเทศ ดุเดือดมากขนาดนี้

จับตาอาณาจักรตระกูลฮุนสะเทือนจากพิษเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาทวีความตึงเครียดมากขึ้น แม้เราจะได้เห็นทางการกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และ อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ออกมาเคลื่อนไหวถี่ยิบในระยะนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่าทีดังกล่าวยกระดับความเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ฝ่ายไทยเริ่มดำเนินมาตรการปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน และตัดระบบสาธารณูปโภคที่ส่งข้ามแดนไปยังกัมพูชา ซึ่งจุดนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจสีเทาในฝั่งกัมพูชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ หรือ scammer มีการประเมินว่า สร้างเม็ดเงินให้กับกัมพูชาปีละกว่า 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ากับมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ 1 ใน 3 ของทั้งประเทศ ซึ่งธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้มีส่วนเชื่อมโยงกับชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชาจำนวนไม่น้อย

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC จัดทำแผนที่ระบุตำแหน่งที่ตั้งของศูนย์หลอกลวงออนไลน์ระดับโลก ซึ่งพบว่ามีอยู่หลายจุดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยรายงานวิจัยฉบับนี้ ชี้ว่าในขณะนี้ กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ ผิดไปจากในอดีตที่เข้าใจกันว่า เมียนมาคือจุดใหญ่
ที่น่าสนใจ คือ อุตสาหกรรมผิดกฎหมายนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณพรมแดนเท่านั้น แต่ยังขยับตัวเข้าไปลึกถึงใจกลางประเทศด้วย ทั้งกรุงพนมเปญ บาเวต และ พระสีหนุ
หนึ่งในข้อกังวลสำคัญของประชาคมระหว่างประเทศ มหาอำนาจโลก และ UNODC นั่นคือปัจจุบันมีการพบหลักฐานที่ชี้ถึงความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างชนชั้นนำทางการเมืองกัมพูชากับอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมนี้เดินหน้าต่อไปได้ด้วยการสวมรอยเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย
บางบริษัทที่ถูกสหรัฐฯ และชาติตะวันตกขึ้นบัญชีดำ หรือคว่ำบาตรจากกรณีการฟอกเงินและยักยอกทรัพย์ ก็พบความเชื่อมโยงกับคนตระกูลฮุนด้วย ดังนั้น นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งจึงมองว่า ตอนนี้อาณาจักร ฮุน เซน อาจกำลังเผชิญกับทางสองแพร่ง นั่นคือ จะเอาใจมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ และจีนที่ต้องการจะจัดการกับธุรกิจหลอกลวงออนไลน์อย่างเด็ดขาด หรือว่าจะปกป้องแหล่งรายได้สำคัญของครอบครัวเอาไว้
ชนชั้นนำทางการเมืองหลายตระกูลในหลายประเทศมักจะมาพร้อมทั้งอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งตระกูลฮุนก็ไม่เว้น โดยนี่เป็นสาแหรกตระกูลที่จัดทำขึ้นโดย Global Witness องค์กรภาคประชาสังคมระหว่างประเทศที่ดูเรื่องสิทธิมนุษยชน เมื่อปี 2016 ซึ่งรวบรวมรายชื่อคนในตระกูลฮุนที่มีอำนาจในหลายวงการ ทั้งการเมือง ตำรวจ กองทัพ สื่อและภาคธุรกิจ

โดยมีการประเมินว่า ผลประโยชน์จากธุรกิจของคนในครอบครัวและญาติสนิทของสมเด็จฯ ฮุน เซน อาจมีมูลค่ารวมตั้งแต่ 500 ล้าน ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยสูงกว่า 32,000 ล้านบาท
รายงานของ Global Witness ฉบับนี้จัดขึ้นทำขึ้นตั้งแต่ปี 2016 และถูกระบุว่า เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ชี้ถึงภาพรวมการเงินของตระกูลฮุน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากเชื่อว่า มีการใช้บริษัทบังหน้า หรือ นอมินี ในการทำธุรกิจบางอย่าง ทำให้การประเมินมูลค่าทรัพย์สินจริงๆ ทำได้ยาก
โดยแม้ว่าสมเด็จฯ ฮุน เซน จะระบุว่า ตัวเขามีรายได้จากตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็หลักแสนบาท แต่รายงานของ Global Witness ชี้ว่า ตระกูลฮุนมีหุ้นในบริษัท 114 แห่ง ใน 20 ภาคธุรกิจ
ขณะที่หุ้นของบริษัทต่างๆ รวมมูลค่าในตอนนั้นมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 6,500 ล้านบาท และมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจแบรนด์ระดับโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Apple, Visa, P&G, Nestle และ Honda ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา เมื่อปีที่แล้ว จะสูงแตะ 5% แต่รายได้ของประเทศก็กระจุกตัวอยู่กับชนชั้นนำที่มีสายสัมพันธ์กับการเมือง ในขณะที่ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับภาระหนี้ก้อนใหญ่ และต้องปากกัดตีนถีบเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ได้ในแต่ละวัน ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว กัมพูชามีหนี้สาธารณะทะลุ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าว :
โฆษก "ฮุน เซน" ชี้ไทยกลัวกัมพูชามากที่สุดในยุคตระกูลฮุน
ส่องบทบาท "ฝ่ายค้านกัมพูชา" หายไปไหนในความขัดแย้งเขตแดน ?
"ฮุน มาเนต" ย้ำข้อพิพาทชายแดนไม่ใช่ละครการเมือง ชาวกัมพูชาเดินขบวนหนุน