วันนี้ (10 ก.ย.2568) นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย แถลงการณ์ในนามสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยว่า ขอแสดงความ ห่วงใยและความกังวลอย่างยิ่ง ต่อสถานการณ์การแข็งค่าของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก และรายได้ของเกษตรกรไทยนับล้านครัวเรือน
นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่า 7% ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ เช่น อินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน ต่างมีค่าเงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ความแตกต่างด้าน อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับคู่แข่งสูงมากถึงกว่า10 %

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน (ที่มา: xe.com) โดยค่าบาทไทย (THB)เดิมอยู่ที่ 34.33 /USD ปัจจุบันแข็งค่าที่ 31.68 /USD เป็นการแข่งค่าขึ้น +7.7% ขณะที่ ค่าเงินรูปีอินเดีย (INR) อยู่ที่ 85.57/USD กลับอ่อนค่าลงที่ 88.19 /USD หรืออ่อนค่าลง -3.1%
เช่นดียวกับดองเวียดนาม (VND) : 26,269 /USD อ่อนค่าอยู่ 26,396 /USD หรืออ่อนค่าลง–3.6% รวมถึงค่าเงินรูปีปากีสถาน (PKR) : 283.69 /USD อ่อนค่าที่ 283.53 /USD หรือ อ่อนค่า –1.8% จะเห็นได้ว่าส่วนต่างค่าเงินเมื่อเทียบกับไทย ของอินเดีย10.8% เวียดนาม 11.3% และปากีสถาน 9.5%
นายเจริญ กล่าวอีกว่า เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน หากผู้ส่งออกไทย อินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน ต่างขายข้าวขาว 5% ในราคา FOB 350 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เท่ากัน รายได้ที่แปลงเป็นเงินบาทจะแตกต่างกัน ดังนี้ ไทย มีรายได้จากการขาย 11,025 บาทต่อตัน ในขณะที่อินเดีย มีส่วนต่างค่าเงินเมื่อเทียบกับไทยที่ 10.8% รายได้จากการขายข้าวอยู่ที่ 12,216 บาทต่อตัน มีรายได้มากกว่าไทยถึง 1,191บาท ต่อตัน

เช่นเดียวกับคู่แข่งสำคัญของไทยอย่างเวียดนาม ที่มีส่วนต่างค่าเงิน ถึง11.3% รายได้จากกการขายข้าว อยู่ที่ 12,271 บาทต่อตัน มีรายได้มากกว่าไทยถึง1,246บาทต่อตัน หรือแม้แต่ปากีสถาน ที่มีส่วนต่างค่าเงิน 9.5% มีรายได้จากการขายข้าว 12,072 บาทต่อตัน มีรายได้มากกว่าไทย 1,047บาทต่อตันแสดงให้เห็นว่า แม้ราคาขาย FOB เท่ากัน แต่ประเทศคู่แข่งได้รับเงินมากกว่าไทยถึง 1,000–1,250 บาท/ตัน
หมายความว่า ชาวนาไทยได้รับรายได้น้อยกว่าชาวนาประเทศคู่แข่งทันทีจากผลของค่าเงินบาทแข็ง ไม่ใช่เพราะราคาข้าวต่ำกว่า แต่เป็นเพราะความเสียเปรียบด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง เมื่อคำสั่งซื้อลดลง ผลกระทบจะตกสู่เกษตรกรโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงนาปีปลายปีนี้ที่ผลผลิตกำลังจะออก หากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศชะลอตัว จะยิ่งซ้ำเติมให้ราคาข้าวในประเทศลดต่ำลงอย่างรุนแรง

สถานการณ์นี้ถือเป็น วาระเร่งด่วน หากไม่มีการแก้ไขทันท่วงที ค่าเงินบาทที่แข็งและผันผวน จะเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก และสร้างผลกระทบเชิงลบต่อรายได้ของเกษตรกรไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจึงขอให้ รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย เร่งดำเนินมาตรการอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม เพื่อดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท ไม่เพียงแต่ป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปเท่านั้น แต่ยังควรดำเนินการให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงสู่ระดับที่สามารถแข่งขันได้ และคงความมั่นคงไม่ให้เกิดความผันผวนรุนแรง
อ่านข่าว:
ชาวนาไทยหวัง รบ.ใหม่ แก้ปัญหา "ราคาข้าว" ตกต่ำสุดรอบ 20 ปี
หอการค้า จี้รัฐเร่งแก้ “บาทแข็ง” ฉุดส่งออกแข่งขันยาก
"ข้าวไทย" หืดจับ พณ.-เอกชน กระชับส่วนแบ่ง "ตลาดข้าว"ส่งออก