ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อร่อยเต็มเปี่ยมโซเดียมเต็มคำ เตือนก่อน "ไตพัง" ปรับเปลี่ยนการกิน

ไลฟ์สไตล์
19 พ.ย. 67
15:09
27,775
Logo Thai PBS
อร่อยเต็มเปี่ยมโซเดียมเต็มคำ เตือนก่อน "ไตพัง" ปรับเปลี่ยนการกิน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การกินเค็มหรือการบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง ผู้ที่มีค่าไตสูงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไตและส่งเสริมให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

"ไต" มีไว้ทำไม

"ไต" เปรียบเสมือนโรงงานบำบัดน้ำเสียภายในร่างกาย มีหน้าที่สำคัญในการกรองเลือด เพื่อกำจัดของเสียต่าง ๆ ที่เกิดจากการเผาผลาญอาหาร เช่น ยูเรีย ครีเอตินิน และสารพิษอื่น ๆ ออกจากร่างกายทางปัสสาวะ นอกจากนี้ ไตยังมีหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกายให้สมดุล ควบคุมความดันโลหิต สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายอีกด้วย

หากไตทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง โรคกระดูก และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายในที่สุด

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

"โซเดียม" กระบวนการทำลายไตในระยะยาว

เมื่อบริโภคโซเดียมหรือเกลือในปริมาณที่สูง ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขจัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย การสะสมของโซเดียมในเลือดจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำในหลอดเลือดเพิ่ม ความดันโลหิตสูงขึ้น และสร้างแรงดันในหลอดเลือดของไต ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมสภาพในระยะยาว นอกจากนี้ การบริโภคโซเดียมมากเกินไปยังส่งผลให้เกิดภาวะต่าง ๆ ที่ทำลายไต เช่น

  • การอักเสบของเนื้อเยื่อไต เกิดจากโซเดียมสะสมที่กระตุ้นการอักเสบ
  • ภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหลอดเลือดไตทำให้เกิดการรั่วไหลของโปรตีน
  • การเกิดนิ่วในไต โซเดียมกระตุ้นการขับแคลเซียมในปัสสาวะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลึกนิ่วได้

แต่โซเดียมก็ไม่ได้เป็นวายร้ายไปซะทีเดียว ยังถือเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และช่วยในการดูดซึมสารอาหารบางชนิด เพียงแต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม 

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

สถิติ "โรคไต" ในไทย

ข้อมูลจากกรมอนามัยและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า

  1. ในปี 2565 มีคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังมากกว่า 11.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 8,000,000 คนในปี 2563
  2. ผู้ป่วยที่ต้องล้างไตเพิ่มขึ้นจาก 80,000 คนในปี 2563 เป็น 100,000 คนในปี 2565

ปัจจัยหลักที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรังคือโรคเรื้อรังอย่าง เบาหวาน และ ความดันโลหิตสูง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของผู้ป่วย นอกจากนี้ พฤติกรรมการกินเค็มเกินพอดี เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยวันละ 3,635 มก. ซึ่งสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ระบุไม่ควรเกินวันละ 2,000 มก. หรือประมาณ 1 ช้อนชา

คำแรกติดใจ คำต่อไป "ไตพัง"

ความเชื่อที่ว่า "การกินเค็ม" ทำให้ไตวายนั้นเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง "เพียงบางส่วน" การรับประทาน "โซเดียม" ในปริมาณมากเกินไปอย่างต่อเนื่องต่างหาก จะส่งผลให้ไตทำงานหนักขึ้น ทำให้ไตเสื่อมสภาพและเกิดโรคไตเรื้อรังได้ การลดการบริโภคโซเดียมสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น

  • ลดการใช้เครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูง เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรส รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง อาหารรสเค็ม 
  • เลือกอาหารสดแทนอาหารแปรรูป เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์สด
  • อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง
  • ปรุงอาหารเองเพื่อลดการเติมเกลือและซอสต่าง ๆ หรือลองปรุงรสด้วยสมุนไพรแทนการใช้เครื่องปรุงรสสำเร็จรูป
  • หลีกเลี่ยงการเติมเกลือเพิ่มในอาหารสำเร็จรูป
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยในการขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความดันโลหิต และช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยชะลอความเสื่อมของไต
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้ทราบถึงภาวะสุขภาพของไตและสามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

หมั่นคอยดูแลและรักษา "โรคไต" 

โรคไตในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการที่เด่นชัด ทำให้หลายคนอาจมองข้ามและไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคไตอยู่ จนกระทั่งโรคมีความรุนแรงมากขึ้นจึงเริ่มแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ดังนั้น การสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจพบโรคและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที

อาการเบื้องต้นของโรคไตที่พบบ่อย

  • ปัสสาวะผิดปกติ เป็นฟอง มีเลือดปน เปลี่ยนสี
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น หรือปัสสาวะน้อยลง มีอาการปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ
  • อาการบวมที่เท้า หน้า และข้อเท้า
  • ความดันโลหิตสูง เพราะไตมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิต หากไตทำงานผิดปกติ ความดันโลหิตอาจสูงขึ้น
  • รู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อไตทำงานผิดปกติ จะไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นผลจากการสะสมของเสียในร่างกายมากเกินไป 
  • ผิวหนังคัน การสะสมของของเสียในร่างกายอาจทำให้ผิวหนังคัน
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

เหตุใดจึงควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเหล่านี้

- การตรวจพบโรคไตในระยะเริ่มต้น จะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและชะลอความรุนแรงของโรคได้
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากปล่อยให้โรคไตเรื้อรังลุกลาม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง
- รักษาคุณภาพชีวิต การรักษาโรคไตอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ไม่ใช่แค่เค็มที่ทำลาย "ไต"

  • โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุหลักของโรคไตเรื้อรัง
  • ความดันโลหิตสูงเรื้อรังทำลายหลอดเลือดในไต
  • โรคทางพันธุกรรม 
  • การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจลุกลามไปยังไต
  • การใช้ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงต่อไต
  • การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เช่น หินในไต หรือเนื้องอก
  • ภาวะขาดน้ำเรื้อรัง 

อย่าปล่อยให้ไตพังแล้วต้องมานั่งฟอกไต

หลายคนอาจคิดว่า ไตมีตั้ง 2 ข้าง เลยทำให้มองข้ามความสำคัญ แต่รู้หรือไม่ว่า เมื่อเสียไตไปสักข้าง การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง "การฟอกไต" ไม่ใช่เพียงเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว แต่ยังหมายถึงความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า และความรู้สึกโดดเดี่ยวในห้องฟอกไตที่ต้องเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วน "การผ่าตัดเปลี่ยนไต" แม้จะดูเป็นทางรอด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ไตใหม่ และยังต้องต่อสู้กับความเสี่ยงหลังการผ่าตัดอีกมากมาย

ลองคิดถึงการสูญเสียไต 1 ข้างที่อาจมาจากพฤติกรรมเล็ก ๆ เช่น กินเค็มเกินไปหรือดื่มน้ำน้อยในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้ฟังดูธรรมดาแต่สามารถนำไปสู่ความทุกข์ทรมานตลอดชีวิต อย่ารอให้ถึงวันที่คุณต้องนั่งบนเตียงฟอกไตกับคำถามในใจว่า "ทำไมฉันไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่แรก" จงเริ่มดูแลไตตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

อ่านข่าวอื่น :

แต่งตั้ง-โยกย้าย 25 ขรก.มหาดไทย ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ นั่งอธิบดีปกครองส่วนท้องถิ่น

เปิดคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามสมัครรับเลือกตั้ง ส.อบจ.-นายก อบจ.

อย่ามองข้าม "วัณโรคเทียม" มีกว่า 140 สายพันธุ์ ภูมิคุ้มกันต่ำเสี่ยงสูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง