สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ช่วงกลางดึกต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันพฤหัสบดี 24 เม.ย.2568 ตามเวลาท้องถิ่น รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธอย่างน้อย 70 ลูก และโดรนอีกไม่ต่ำกว่า 145 ลำ โดยมีกรุงเคียฟเป็นเป้าหมายหลัก เกิดแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งท้องฟ้า พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นหลายต่อหลายครั้ง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยในกรุงเคียฟ ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง หลังเหตุโจมตีทำให้อาคารสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งพังถล่มเสียหายอย่างหนักและเกิดเพลิงไหม้ 40 จุด
การโจมตีครั้งนี้นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของปี และเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตในกรุงเคียฟอย่างน้อย 12 คน และผู้บาดเจ็บอีก 90 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดว่าอาจพบผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกจากใต้ซากอาคาร
โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุบนสื่อสังคมอนไลน์ว่า รายงานเบื้องต้นชี้ว่ารัสเซียใช้ขีปนาวุธที่ผลิตในเกาหลีเหนือในการโจมตีครั้งนี้ด้วย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
"ทรัมป์" วอน "ปูติน" หยุดโจมตียูเครน
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมาวิจารณ์ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียอีกครั้ง หลังรัสเซียเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟอย่างหนัก โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และเรียกร้องให้ปูตินหยุดได้แล้ว เนื่องจากทุกสัปดาห์มีทหารสูญเสียชีวิตถึง 5,000 นาย พร้อมเรียกร้องให้ปูตินมาทำข้อตกลงสันติภาพกับสหรัฐฯ
การออกมาวิจารณ์ปูตินของทรัมป์เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และยังเกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ทรัมป์วิจารณ์เซเลนสกีว่ากำลังทำให้การยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นเรื่องยาก และกำลังยืดเยื้อความขัดแย้งออกไปอีก หลังจากเซเลนสกีย้ำจุดยืนไม่ยอมรับการยึดครองไครเมียของรัสเซีย
ระหว่างให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) ผู้นำสหรัฐฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ตนเชื่อว่าปูตินจะฟังสิ่งที่ตนเรียกร้อง พร้อมเปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพกับยูเครนมีความคืบหน้าและรัสเซียเองก็ยอมอ่อนข้อลง โดยเปิดกว้างต่อการยุติสงครามและจะไม่ยึดครองยูเครนทั้งประเทศ พร้อมทั้งระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ใช้แรงกดดันอย่างหนักต่อรัสเซียและย้ำว่าตนไม่พอใจการโจมตียูเครนของรัสเซีย
ด้านนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ ระบุว่า การมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สงครามเดินหน้าไปสู่จุดจบ และทรัมป์ทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้และมันกำลังเกิดขึ้น ทั้งนี้ในวันนี้ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์มีกำหนดเดินทางไปรัสเซียเพื่อหารือกับปูตินรอบใหม่เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง
"เซเลนสกี" วอนพันธมิตรเพิ่มแรงกดดันรัสเซียยุติสงคราม
ก่อนหน้านี้ผู้นำยูเครนตั้งคำถามว่าชาติพันธมิตรดำเนินการเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้ปูตินยอมรับข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข โดยระบุว่า ตนไม่เห็นว่าจะมีการใช้แรงกดดันอย่างหนัก หรือมีมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อการรุกรานของรัสเซีย
การโจมตียูเครนครั้งใหญ่ของรัสเซียทำให้เซเลนสกีต้องยุติภารกิจเยือนแอฟริกาใต้กลางคัน และเดินทางกลับประเทศโดยด่วน พร้อมทั้งระบุว่า การโจมตีของรัสเซียระลอกนี้มีเป้าหมายเพื่อกดดันสหรัฐฯ เป็นหลัก
ผู้นำยูเครน เปิดเผยเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ยูเครนกับเจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกที่กรุงลอนดอนของอังกฤษเมื่อวันพุธ 23 เม.ย. ที่ผ่านมาด้วยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งระบุว่า ตนเชื่อว่ารายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากการเจรจาดังกล่าวจะส่งไปถึงผู้นำสหรัฐฯ แล้ว
อ่านข่าว : รถบรรทุกชนท้ายรถยนต์ บนถนนมอเตอร์เวย์ เสียชีวิต 8 เจ็บ 3 คน
สภาพอากาศวันนี้ เหนือ-อีสาน-กลาง อากาศร้อนจัด
ส่อง "กฎหมายสัตว์เลี้ยง" 10 ชาติอาเซียน ใครคุ้มครองสัตว์ดีสุด ?











