"อาหาร" ไม่ใช่แค่ของอร่อย แต่คือเชื้อเพลิงหลักของร่างกาย กินดี ร่างกายก็ลุยได้ไม่มีสะดุด แต่หาก "ปล่อยจอย" ไปกับ "ของมัน ของทอด ของหวาน" แบบไม่ยั้ง กินเพราะอยาก ไม่ได้กินเพราะต้องการ ก็เตรียมรับมือปัญหาสุขภาพที่จะค่อย ๆ ย่องเข้ามาไม่ให้รู้ตัว
เริ่มจากน้ำหนักขึ้น อาจตามมาด้วยเบาหวาน ความดัน และที่หลายคนมองข้ามคือ "ไขมันในเลือดสูง" แล้วจะเลือกกินอย่างไรให้ไม่ปัญหาสุขภาพมาคุกคาม แต่ก่อนอื่นชวนไปทำความเข้าใจ "ไขมันในเลือด" คืออะไร และหากอยู่ในระดับที่สูงจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย แล้วระดับไขมัน แค่ไหนปกติ ใครควรเช็กไขมันในเลือด
ไขมันในเลือด คืออะไร สำคัญอย่างไรกับร่างกาย
ไขมันในเลือดสูง ไม่ใช่แค่ตัวเลขในผลตรวจ แต่คือสัญญาณเตือนสุขภาพ
หลายคนอาจได้ยินคำว่า "ไขมันในเลือด" แล้วรู้สึกกลัว แต่อาจไม่ใช่อย่างนั้น ไขมันในเลือด เป็นพลังงานของร่างกาย ยังมีบทบาทต่อการทำงานของสมอง รวมถึงระบบเผาผลาญให้ทำงานได้เป็นปกติ แต่อะไรที่ "มากเกินไป" ก็ไม่ดี ไขมันในเลือดที่มากเกินความจำเป็น มักมาจากการรับประทานอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ติดมัน เนย ไขมันทรานส์ และอาหารรสชาติ หวาน มัน เค็ม กินแบบนี้เป็นประจำ ไขมันในเลือดก็จะพุ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ไขมันในเลือดสูง หรือ ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ อาจเป็นระดับ "คอเลสเตอรอล" หรือระดับ "ไตรกลีเซอร์ไรด์" สูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญทำให้เกิด "โรคหัวใจ" และ "หลอดเลือด" อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ไขมันในเลือด แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1. ไขมันดี หรือ HDL - คอเลสเตอรอลที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากมีค่า HDL หรือ ไขมันดีสูง สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็งบางชนิด และหลอดเลือดสมองได้
- เพศชาย ต้องไม่น้อยกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL)
- เพศหญิง ต้องไม่น้อยกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL)
2. ไขมันเลว หรือ LDL - หากมีค่า LDL หรือ ไขมันเลวสูง เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต
- คนทั่วไป ต้องน้อยกว่า 130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL)
- ผู้ป่วยเบาหวานต้องน้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL)
3. ไตรกลีเซอไรด์ TG - หากมีค่า TG หรือ ไตรกลีเซอไรด์สูง เสี่ยงโรคเมตาบอลิก ไขมันเกาะตับ หลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ
- โดยทั่วไป ต้องไม่เกิน 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL)
สำหรับ "ไตรกลีเซอไรด์" ได้รับจากการรับประทานประเภท แป้ง และ น้ำตาล มีประโยชน์ในการดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค แห่หากมีค่าสูงร่วมกับระดับไขมันเลว LDL สูง จึงเสี่ยงก่อให้เกิดโรคหัวใจ และ โรคหลดเลือดสมอง
ฉะนั้นการดูแลสุขภาพรักษาระดับไขมันในเลือดให้เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะหากมีระดับไขมันในเลือดสูง ก็เปรียบเหมือนมีตะกอนสะสมที่ผนังหลอดเลือด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นเลือดต่าง ๆ ในร่างกาย "ตีบ" และ "ตัน"
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของ "ไขมันในเลือดสูง"
"ภาวะไขมันในเลือดสูง" เกิดได้จากการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันมากไป โดยเฉพาะไขมันชนิดอิ่มตัวและไขมันทรานส์ การไม่ออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รวมถึง กรรมพันธุ์การมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคตับ ตับอ่อน ภาวะพร่องไทรอยด์ โรคเบาหวาน เป็นต้น
ใครควรตรวจเช็ก "ไขมันในเลือด" ได้แก่ ชายอายุ 45 ปี หญิงอายุ 55 ปี ขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติครอบครัว คือ พี่ น้อง พ่อ แม่ เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตเท่ากับหรือมากกว่า 140/90 มม.ปรอท ป่วยเป็นโรคเบาหวาน สูบบุหรี่ มีภาวะอ้วนลงพุง ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
ควบคุมไขมันในเลือด ควรทำอย่างไร
- ลดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน หนังไก่ ไข่แดง เครื่องในสัตว์
- ทานเนื้อสัตว์ ไม่ติดมันเช่น อกไก่ เนื้อปลา
- หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ พบในมาการีน อาหารแปรรูป เบเกอรี่หลายชนิด
- เลือกบริโภคหรือปรุงอาหารด้วยน้ำมันที่มีปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำเช่น น้ำมันคาโนล่า น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันมะกอก
- เพิ่มการรัปทานผัก ผลไม้สด และธัญพืช เช่น งาดำ อัลมอนด์ วอลนัต
- ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม
- ลด และ เลิก สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ ทำให้ระดับไขมัน HDL สูงขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายให้เพียงพอเพื่อเร่งการเผาผลาญไขมัน เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ
เพิ่มสุขภาพดีในทุกมื้อ ด้วยผัก สมุนไพร และเครื่องเทศใกล้ตัว
อาหารมีอิทธิพลโดยตรงต่อสุขภาพ หากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่สมดุล ย่อมส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่าย ในอดีตมีการใช้วิธีปรับสมดุลธาตุภายในร่างกายด้วยการบริโภคผัก สมุนไพรพื้นบ้าน หลายชนิดสามารถช่วยลดไขมันในเลือดได้ตามธรรมชาติ และมักอยู่ในเมนูอาหารไทยที่คุ้นเคยกันดี
จากการรวบรวมข้อมูล พบว่ามีสมุนไพรหลากหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยลดระดับไขมันในเลือด
กระเทียม : สรรพคุณของอาหารป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ช่วยลอดปริมาณคอเลสเตอรอล กลิ่นและรสเผ็ดร้อนของกระเทียมสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด อาหารไทยหลายจานมักมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว เช่น น้ำพริก ผัดผัก และยำต่าง ๆ หากต้องการให้ได้ผลดีที่สุด แนะนำให้บริโภคกระเทียมสดดีกว่า กระเทียมแห้ง หรือถูกความร้อน
ขมิ้นชัน : ขมิ้นเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์หลายด้าน เหง้าขมิ้น ช่วยลดไขมันในเลือด เจริญอาหาร ขับปัสสาวะ และลดการอักเสบ ส่วนใบมีสรรพคุณบำรุงโลหิต และบำรุงผิวพรรณ ขมิ้นยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารไทย เช่น ข้าวหมกไก่ แกงกะหรี่ และปลาทอดขมิ้น ส่วนที่ใช้ คือ ลำต้นใต้ดิน เหง้าสดและแห้ง ควรเก็บเมื่อขมิ้นมีอายุประมาณ 7-9 เดือน
ดอกคำฝอย : นิยมนำเอาดอกชงเป็นเครื่องดื่ม เช่น น้ำดอกคำฝอย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดคอเลสเตอรอล และทำให้เลือดในเส้นเลือดของหัวใจมีปริมาณเลือดไหลเวียนมาขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้ดอกคำฝอยเป็นยาติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ หรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอได้
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า กลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง ใบมะรุมและผลมะระขี้นก มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ HMG-CoA reductase เช่นเดียวกับยาลดไขมันกลุ่มสแตติน เช่น พราวาสแตติน ทำให้การสังเคราะห์โคเลสเตอรอลในร่างกายลดลง
ขิง : ในเหง้าขิง มีสารสำคัญในกลุ่มน้ำมันหอมระเหยและยางเรซิน ซึ่งไม่ค่อยละลายในน้ำ เมื่อนำมาต้มและให้สัตว์ทดลองที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง กินในขนาดสูง (500 มก./กก.) พบว่าสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลได้ แต่ไม่มีผลลดระดับไตรกลีเซอไรด์
พริกชี้ฟ้า : สีแดงของพริกชี้ฟ้ามาจากสาร แคปแซนติน ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ทำให้ระดับไขมันชนิดดีในสัตว์ทดลองสูงขึ้น
ใบผักบุ้ง : ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ของหนูแรทที่ทำให้มีไขมันสูงได้ทั้งในเลือด ตับ ไต และหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ
ลูกเดือย : งานวิจัยในปี 2555 พบว่า ลูกเดือย มีสารในกลุ่มโพลีฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
มะเขือเทศ : มะเขือเทศอุดมไปด้วย ไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันชนิดเลว (LDL) ได้ดี การศึกษาโดยการสังเกตและวิเคราะห์ไปข้างหน้า (Prospective cohort) พบว่า หญิงที่กินมะเขือเทศอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 7-10 มื้อ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย
จากข้อมูลข้องต้น สมุนไพรและผักพื้นบ้านหลายชนิดนอกจากจะเป็นส่วนประกอบในอาหารประจำวันแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ โดยมีงานวิจัยรองรับในหลายกรณี ฉะนั้น การเลือกบริโภคอย่างเหมาะสม กับแต่ละบุคคลจึงจะทำให้ดีต่อสุขภาพ
เลือกกิน สมุนไพรและผักพื้นบ้าน ลดไขมันได้แบบไม่รู้ตัว
เห็นได้ว่า แค่เติม พริกไทย ลงในอาหาร ก็ได้ทั้งกลิ่นหอมและความเผ็ดเบา ๆ ที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร หรือจะเป็นเมนูง่าย ๆ อย่าง แกงจืดใบตำลึง หรือ น้ำพริกแนมใบมะรุม มะระขี้นก ก็ช่วยให้กินผักเยอะขึ้นแบบไม่ฝืนใจ น้ำพริก ของไทยก็ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกมะม่วง น้ำพริกกะปิ ที่ ล้วนจับคู่กับผักสด ผักลวกหลากหลายชนิด เป็นการเพิ่มใยอาหารให้มื้ออาหารแบบง่าย ๆ
นำผักและเครื่องเทศมาใส่ในเมนู เช่น เติมพริกไทยลงในอาหาร เพิ่มกลิ่นหอมและรสเผ็ดนิด ๆ ที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร หรือเมนูบ้าน ๆ อย่างแกงจืดใบตำลึง น้ำพริกที่แนมกับผักอย่างใบมะรุม ผลมะระขี้นก ก็ช่วยให้เราบริโภคผักได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ยำตะไคร้กุ้งสด รสจัดจ้าน ก็ทำให้กินสมุนไพรได้แบบเพลิน ด้านเครื่องดื่มก็เปลี่ยนง่าย ๆ จากน้ำหวานเป็น น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะขามป้อม สดชื่น แคลอรีต่ำ ที่ขาดไม่ได้คือดื่มน้ำเปล่าให้ได้ปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวันดีต่อสุขภาพ แน่นอน
พืชผักสมุนไพร เช่น ขิง กระเทียม ขมิ้น ใบบัวบก มะขามป้อม และตะไคร้ เป็นทางเลือกที่หาได้ง่าย และมีประโยชน์ในการช่วยลดไขมันในเลือด อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรควรทำด้วยความระมัดระวังและควบคู่กับการดูแลสุขภาพ
อ้างอิงข้อมูล : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
อ่านข่าว : "ทนายเดชา" มั่นใจหลักฐาน รอศาลชี้ประมาท-อุบัติเหตุ คดีแตงโมเสียชีวิต
เช็กเงื่อนไข "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ใช้สิทธิ์ค่าเดินทาง 750 บาท ซื้อตั๋ว บขส.
แท็กที่เกี่ยวข้อง: