วันนี้ (27 พ.ค.2568) กรณีเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ถูกบริจิตต์ มาครง สุภาพสตรีหมายเลข 1 ผลักหน้าบนเครื่องบินประจำตำแหน่ง เพียงไม่นานหลังเดินทางถึงสนามบินในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อเริ่มต้นการเยือนเวียดนาม จนทำให้ผู้นำฝรั่งเศสเซไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะหันมาโบกมือให้กับกล้องของสื่อมวลชน โดยหลังจากนั้น ผู้นำฝรั่งเศสและภริยาได้เดินลงจากเครื่องบิน แต่ทั้งคู่ไม่ได้จับมือหรือควงแขนกันแต่อย่างใด
สำนักประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยอมรับว่า ภาพที่ถูกเผยแพร่ตามสื่อสังคมออนไลน์ขณะนี้เป็นภาพจริง พร้อมทั้งระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้นำฝรั่งเศสและภริยาอยู่ในอิริยาบทผ่อนคลาย ก่อนเริ่มต้นภารกิจและแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมกันของทั้งคู่

ด้านผู้นำฝรั่งเศสออกมาปฏิเสธกระแสข่าวเรื่องการทะเลาะกัน โดยระบุว่าไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับภริยา พร้อมทั้งยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงการหยอกล้อกันเท่านั้น หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง
ภารกิจเยือนเวียดนามของผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศแรกในแผนการเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเวลา 6 วันครั้งนี้ ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันที่มีมูลค่ามากกว่า 9,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 330,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ การทหาร การขนส่งระบบราง การคมนาคมทางทะเล ไปจนถึงดาวเทียมสำรวจและวัคซีน
ขณะที่หลังเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนาม ผู้นำฝรั่งเศสจะเดินทางต่อไปยังอินโดนีเซีย ซึ่งมีกำหนดเข้าพบเลขาธิการอาเซียนด้วย จากนั้นจะปิดท้ายแผนการเยือนภูมิภาคนี้ที่สิงคโปร์ โดยจะเข้าร่วมการประชุมด้านความมั่นคง Shangri-La Dialogue ในวันที่ 30 พ.ค.นี้
อ่านข่าว
อิสราเอลถล่มกาซา โรงเรียนที่พักผู้อพยพถูกโจมตี เสียชีวิต 20 คน
ทรัมป์พลิกท่าที เลื่อนเก็บภาษี 50% EU ยืดเวลาเจรจาถึง 9 ก.ค.
ยุคเปลี่ยนผ่านดิจิทัล! เจน XYZ จะรอดไหมในโลกที่ AI ครองใจมนุษย์