ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิดตำนาน "ช่องบก" สามเหลี่ยมมรกตสมรภูมิรบชายแดน 3 แผ่นดิน

สังคม
16:28
3,087
เปิดตำนาน "ช่องบก" สามเหลี่ยมมรกตสมรภูมิรบชายแดน 3 แผ่นดิน
อ่านให้ฟัง
08:24อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ช่องบกหรือสามเหลี่ยมมรกต พื้นที่รอยต่อไทย-ลาว-กัมพูชา ได้รับความสนใจอีกครั้งหลังเหตุปะทะทหารไทย-กัมพูชาเมื่อ 28 พ.ค. ย้อนไปในอดีต ช่องบกคือสมรภูมิเดือดในปี 2528-2530 ที่ทหารไทยสู้สุดใจขับไล่กองทัพเวียดนาม แลกด้วยเลือด 109 ชีวิต เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

ในมุมเล็ก ๆ ของ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่ที่ชื่อ "ช่องบก" ซึ่งอาจไม่คุ้นหูคนรุ่นใหม่ แต่สำหรับประวัติศาสตร์ชาติไทย "ช่องบก" คือ ชื่อที่จารึกด้วยความกล้าหาญและเสียสละของทหารไทย พื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ "สามเหลี่ยมมรกต (Emerald Triangle)" รอยต่อชายแดน 3 ประเทศ ไทย-ลาว-กัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตารางกิโลเมตร 

ฝั่งไทยอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย (ภู จอง นา ยอย) ฝั่งลาวคือเมืองมูลประโมกข์ แขวงจำปาศักดิ์ และฝั่งกัมพูชาคือเมืองจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร ชื่อ "สามเหลี่ยมมรกต" ตั้งขึ้นเลียนแบบ "สามเหลี่ยมทองคำ" ในภาคเหนือ แต่ที่นี่ไม่ใช่แค่จุดท่องเที่ยว แต่เป็นสมรภูมิที่เคยเดือดพล่านด้วยไฟสงคราม

ช่องบกเพิ่งกลับมาเป็นข่าวเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 จากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่พิพาทที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนชัดเจน การปะทะครั้งนี้เริ่มจากทหารกัมพูชาขุดคูยาว 650 เมตรเพื่อตั้งจุดตรึงกำลัง ซึ่งไทยมองว่าละเมิดข้อตกลง MOU 2543 การเจรจายุติเหตุการณ์ได้ใน 10 นาทีโดยไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า ช่องบกยังคงเป็นจุดเปราะบางที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ

ย้อนเวลา "สมรภูมิช่องบก" การต่อสู้เพื่ออธิปไตย

ย้อนกลับไปในช่วงปี 2528-2530 ช่องบกกลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่ทหารไทยต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเวียดนาม ซึ่งยึดครองกัมพูชาหลังโค่นล้มเขมรแดงในปี 2522 เวียดนามส่งกองกำลังรุกล้ำเข้ามาในชายแดนไทยบริเวณช่องบก อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการแบ่งเขตชัดเจน การรุกล้ำนี้ไม่ใช่แค่การยึดผืนดิน แต่เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของชาติไทย

กองกำลังสุรนารีของไทย ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนภาคอีสาน ถูกส่งเข้าปฏิบัติการทันที สภาพภูมิประเทศของช่องบกเป็นป่าทึบและเทือกเขาพนมดงรักที่สูงชัน เต็มไปด้วยทุ่นระเบิดที่ฝังไว้ตั้งแต่ยุคสงคราม การสู้รบจึงยากลำบาก ทหารเวียดนามสร้างบังเกอร์คอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมปืนใหญ่และจรวดต่อสู้อากาศยาน ที่ได้รับการสนับสนุนจากฐานในลาวและกัมพูชา ขณะที่ฝ่ายไทยต้องเผชิญทั้งศัตรูที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย

ทหารไทยใช้วิธียุทธการที่เรียกว่า "ขุดบ่อเพาะ" โดยขุดหลุมเข้าใกล้ฐานเวียดนามทีละน้อย ไม่เปิดฉากยิง แต่เน้นส่งเสบียงและกำลังบำรุงอย่างต่อเนื่อง วิธีนี้ทำให้ทหารเวียดนาม ซึ่งขาดการสนับสนุน ค่อย ๆ อ่อนล้าและเสียขวัญ ที่สุดแล้วหลังการสู้รบยืดเยื้อถึง 2 ปี ไทยสามารถขับไล่เวียดนามออกจากช่องบกและพื้นที่พิพาททั้งหมดได้ในเดือน ธ.ค.2530

แต่ชัยชนะนี้ต้องแลกมาด้วยราคาแสนแพง ทหารไทยเสียชีวิต 109 นาย และบาดเจ็บ 664 นาย การรบครั้งนี้ใช้กระสุนปืนใหญ่ถึง 21,791 นัด สะท้อนถึงความดุเดือดของสมรภูมิ ช่องบกจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวีรกรรมทหารไทยที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องผืนดิน

อดีต-ปัจจุบัน ความซับซ้อนของ "ชายแดน" 

ช่องบกไม่ใช่แค่สมรภูมิในอดีต แต่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ซับซ้อนมานานนับศตวรรษ ย้อนไปในสมัยอาณานิคมฝรั่งเศส ไทยต้องสูญเสียเมืองพระตะบอง เสียมเรียบ และศรีโสภณให้ฝรั่งเศส ซึ่งปกครองกัมพูชา ตามสนธิสัญญาในปี 2450 และ 2466 แม้ในปี 2484 ไทยจะได้ดินแดนบางส่วนคืนผ่านอนุสัญญาโตเกียว แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยต้องคืนดินแดนเหล่านี้ให้ฝรั่งเศสอีกครั้ง ปัญหาการปักปันเขตแดนที่ไม่ชัดเจนตั้งแต่ยุคนั้นยังคงส่งผลถึงปัจจุบัน

กรณีพิพาทปราสาทพระวิหารในปี 2505 ซึ่งศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่รอบ ๆ ยังเป็นที่ถกเถียง เป็นตัวอย่างของความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ช่องบกเองก็อยู่ในเขตที่ทั้งไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ทับซ้อน สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนในช่วงสงครามกัมพูชา (2522-2534) ที่ทำให้ผู้อพยพกัมพูชาหลั่งไหลเข้าสู่ไทย สร้างความท้าทายในการจัดการศูนย์พักพิงและความมั่นคงชายแดน

ในช่วงนั้น ชายแดนกลายเป็นพื้นที่กันชนระหว่างความขัดแย้ง ผู้คนในพื้นที่ต้องเผชิญกับการสู้รบ ความเสียหายต่อบ้านเรือน และอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังหลงเหลืออยู่จนถึงทุกวันนี้ การค้าขายชายแดนที่ใช้ทองคำหรือเงินไทยเป็นสื่อกลางช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชั่วคราว แต่เมื่อศูนย์พักพิงปิดตัวลง ชาวบ้านจำนวนมากเผชิญภาวะยากจนทันที

จากสมรภูมิสู่แหล่งท่องเที่ยว ?

หลังสงคราม ช่องบกและพื้นที่ชายแดนได้รับการฟื้นฟู รัฐบาลไทยพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพื้นที่จากสมรภูมิสู่แหล่งท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ซึ่งครอบคลุมช่องบก ถูกพัฒนาเป็นจุดชมวิวสามเหลี่ยมมรกตและแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โครงการพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตชาวบ้านผ่านการส่งเสริมอาชีพ

นอกจากนี้ รัฐยังผลักดันความร่วมมือสามเหลี่ยมมรกตระหว่างไทย ลาว และกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2543 เพื่อส่งเสริมการค้าและท่องเที่ยวใน 7 จังหวัด/แขวง รวมถึงอุบลราชธานี ศรีสะเกษ จำปาศักดิ์ และพระวิหาร ด่านผ่านแดนถาวร เช่น ช่องเม็ก (ไทย-ลาว) และช่องสะงำ (ไทย-กัมพูชา) กลายเป็นประตูสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ความตึงเครียดชายแดนยังคงมีให้เห็น เช่น การเผาศาลาตรีมุขเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งสะท้อนว่าปัญหาพื้นที่พิพาทยังไม่จบ

จนถึงวันนี้ "ช่องบก" ไม่ใช่แค่ผืนดินขนาด 12 ตารางกิโลกเมตรเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่ออธิปไตยและความซับซ้อนของความสัมพันธ์ชายแดน สมรภูมิช่องบกในปี 2528-2530 แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของทหารไทยที่ยอมเสียสละเพื่อชาติ ขณะที่เหตุการณ์ปะทะล่าสุดในปี 2568 เตือนใจว่าพื้นที่นี้ยังคงเปราะบาง การเจรจาสันติภาพและการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งที่ทั้ง 3 ประเทศต้องเร่งดำเนินการ

แหล่งข้อมูล : วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 15 ฉบับที่ 2, วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีที่ 24 ฉบับที่ 46, Wikipedia

อ่านข่าวอื่น : 

"ทักษิณ" เผยคุย "สมเด็จฮุนเซน" จบแล้วปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา

ชาวบ้านชายแดนไทย - กัมพูชา คลายความกังวล หลังผลเจรจายึดแนวทางสันติวิธี