ในวันที่ "โลก" เริ่ม "ส่งเสียงเตือน" ถึงมนุษย์ดังขึ้นทุกวัน ทุกคนต่างสัมผัสและรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงรอบตัว แผ่นดินที่สั่นไหวบ่อยขึ้น อากาศที่ร้อนขึ้นทุกปี พายุที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ ระบบนิเวศที่กำลังเสื่อมถอย
ทะเลไม่ได้มีแค่คลื่นอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งไว้ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ "ถุง" หรือ "ขวด" เท่านั้น หนึ่งในภัยเงียบที่กำลังล้อมอยู่ทุกทิศทุกทาง ก็คือ "ไมโครพลาสติก" พลาสติกจิ๋ว ที่กำลังคุกคามสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ ทั้งมนุษย์ สัตว์บก สัตว์น้ำ แม้แต่สิ่งมีชีวิตในห่วงโซ่อาหารลึกสุดก็ไม่รอดพ้น
ไมโครพลาสติกแทรกซึมไปทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ก้อนน้ำแข็งในแอนตาร์กติกา ไปจนถึงหิมะบริสุทธิ์ในอาร์กติก สิ่งที่น่าตกใจคือ มนุษย์กำลัง "กิน-ดื่ม-หายใจ" เอาไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกายโดยไม่รู้ตัว

ในปี 2566 นักวิทยาศาสตร์จาก รพ.ปักกิ่ง อันเซิน ในประเทศจีน และนักวิจัยจาก ACS' Environmental Science & Technology ตรวจพบ "ไมโครพลาสติก" ใน อุจจาระ ปอด และ รกของมนุษย์ รวมถึงในช่องปาก ช่องทวารหนัก โพรงมดลูก และ ช่องคลอด ซึ่งคาดว่าได้รับมาจากการสัมผัสโดยตรงกับสิ่งแวดล้อม
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเนบราสกา-ลินคอล์น สหรัฐอเมริกา ในปี 2563 พบว่า ความร้อนจากการเวฟอาหารด้วยไมโครเวฟ ทำให้เกิดการปล่อย "ไมโครพลาสติก" และ "นาโนพลาสติก" ในอาหารจำนวนมาก
พื้นที่พลาสติกเพียง 1 ตร.ซม. หากเวฟด้วยความร้อนนาน 3 นาที จะมีไมโครพลาสติกออกมา 4.22 ล้านชิ้น และนาโนพลาสติกมากถึง 2.11 พันล้านชิ้น
ส่วน การศึกษาล่าสุดในรัฐออริกอน สหรัฐฯ พบว่า 98.9% ของตัวอย่างอาหารทะเลมีไมโครพลาสติก โดยเฉลี่ยแล้ว คนทั่วไปอาจได้รับไมโครพลาสติกจากการกิน ดื่ม หรือหายใจ ระหว่าง 78,000 ถึง 211,000 ชิ้นต่อปี
เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกแล้ว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหันมารับฟังเสียงเตือนของโลก และลุกขึ้นมาตระหนักถึงภัยจากไมโครพลาสติก ก่อนที่มันจะฝังรากลึกไปกว่านี้ ทั้งในธรรมชาติและในตัวเราเอง ชวนมาใส่ใจธรรมชาติ และเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ "ไมโครพลาสติก" รอบตัว
อ่านข่าว : ครั้งแรกของโลก! นักวิจัยพบ "ไมโครพลาสติก" ในหัวใจมนุษย์
ทำไมต้องรู้เรื่อง "ไมโครพลาสติก"
ไมโครพลาสติก พลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มม. ถึง 0.001 มม.
ไมโครพลาสติก หรือ Microplastics คือ มักเกิดจากการย่อยสลายหรือแตกหักของขยะพลาสติกขนาดใหญ่ หรือเกิดจากพลาสติกที่มีการสร้างให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ส่วนใหญ่มีรูปร่างทรงกลม ทรงรี หรือบางครั้งมีรูปร่างไม่แน่นอน แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ไมโครพลาสติกเป็นพลาสติกที่ผลิตขึ้นมาให้มีขนาดเล็กโดยตรงตั้งแต่แรกเพื่อใช้งาน เช่น พวกไมโครบีดส์ ในโฟมล้างหน้า เครื่องสำอาง สครับขัดผิว หรือยาสีฟัน โดยทั่วไปผลิตจากโพลีเอทิลีน
- ไมโครพลาสติกที่เกิดจากการแตกหักหรือผุกร่อนของชิ้นส่วนพลาสติกจากคลื่น แสงอาทิตย์ หรือแรงบีบอัด จนกลายเเป็นชิ้นเล็ก ๆ
ไมโครพลาสติก มีอีกชื่อที่เรียกว่า "ค็อกเทลสารพิษ" ที่ถูกตั้งชื่อเรียกนี้ เพราะดูดซับและปล่อยสารพิษได้ดีมาก อีกทั้งด้วยขนาดที่เล็กลง กระจายไปในท้องทะเล และเป็นไปได้อย่างมากที่จะหลุดรอดเข้ามาในห่วงโซ่อาหารจากปลาเล็ก ปลาน้อย ปลาใหญ่ และถ่ายทอดมาสู่มนุษย์ในที่สุด

แหล่งกำเนิดของ "ไมโครพลาสติก"
แหล่งกำเนิดของไมโครพลาสติกมีมากมาย เช่น การสึกหรอของยางรถยนต์ เป็นแหล่งกำเนิดหลักของไมโครพลาสติกทุติยภูมิ โดยมีอัตราการปล่อยอยู่ที่ 0.23 - 4.7 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 0.81 กิโลกรัมต่อคนต่อปี การสึกหรอของยางรถยนต์เป็นแหล่งที่มาของไมโครพลาสติกที่สูงกว่าแหล่งอื่น ๆ
ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น ไมโครบีดส์ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ยาสีฟัน และกลิตเตอร์ ซึ่งมักถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ, เส้นใยจากสิ่งทอ โดยเฉพาะไมโครไฟเบอร์ที่หลุดออกมาจากการซักล้างเสื้อผ้า และหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว, วัสดุก่อสร้าง เช่น การเสื่อมสภาพของวัสดุก่อสร้าง และสีที่มีส่วนผสมของพลาสติก, ขยะพลาสติกในหลุมฝังกลบ ที่มีการย่อยสลาย

ไมโครพลาสติกเดินทางในสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร
ไมโครพลาสติกสามารถกระจายตัวไปในสิ่งแวดล้อมได้หลายช่องทาง อาทิ "ทางน้ำ" โรงบำบัดน้ำเสียเป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมทางน้ำ จากนั้นพวกมันจะไหลลงสู่แม่น้ำ ปากแม่น้ำ และมหาสมุทร นอกจากนี้ยังพบไมโครพลาสติกในน้ำแข็งทะเลอาร์กติก ซึ่งบ่งชี้ถึงการแพร่กระจายทั่วโลก และแน่นอนว่าพบในน้ำดื่มด้วย
"ทางอากาศ" ไมโครพลาสติกสามารถเคลื่อนที่ในชั้นบรรยากาศได้เป็นระยะทางไกล โดยถูกลมพัดพาไป มีการประมาณการว่า 3-7% ของฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศประกอบด้วยยางรถยนต์ที่สึกหรอ และ "ทางดิน" ปุ๋ยอินทรีย์บางชนิดสามารถนำไมโครพลาสติกเข้าสู่สิ่งแวดล้อมในดินได้
การแพร่กระจายของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมและในห่วงโซ่อาหารเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและท้าทาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศและอาจรวมถึงสุขภาพของมนุษย์ แม้จะมีการศึกษาและข้อมูลจำนวนมาก แต่ก็ยังคงมีช่องว่างของความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลกระทบที่แท้จริงต่อสุขภาพของมนุษย์และปริมาณไมโครพลาสติกที่สะสมในร่างกาย การลดการใช้พลาสติกและพัฒนาแนวทางการจัดการของเสียอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อลดภัยคุกคามที่มองไม่เห็นนี้
ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและห่วงโซ่อาหาร เมื่อเข้าสู่สิ่งแวดล้อม
การกินเข้าไป สิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น ปลาโคม ซึ่งเป็นสัตว์กินแพลงก์ตอน และเป็นเหยื่อหลักของปลาเศรษฐกิจ เช่น ปลาทูน่าและปลา Swordfish ก็พบการสะสมของพลาสติกในกระเพาะ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบไมโครพลาสติกในทางเดินอาหารของปลาทะเล 11 ชนิดที่ชายฝั่งอาร์เจนตินา ซึ่งมีพฤติกรรมการกินที่แตกต่างกัน นับเป็นหนึ่งในการศึกษาเพียงไม่กี่ชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงการกินไมโครพลาสติกโดยสิ่งมีชีวิตในน้ำจืด อนุภาคไมโครพลาสติกขนาดเล็กจะเข้าถึงแพลงก์ตอนได้ง่ายกว่า

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 (สิงหาคม - ธันวาคม) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับสถาบันทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้ร่วมกันศึกษา การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในกระเพาะอาหารของปลาเศรษฐกิจ ในเขต อ่าวไทยตอนล่าง ครอบคลุมทั้งปลาหน้าดิน ปลาผิวน้ำ และปลาแนวปะการัง
แม้ในตอนนั้นจะพบไมโครพลาสติกในระดับ "ไม่มากนัก" แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนชัด ๆ ว่า พลาสติกกำลังเล็ดลอดเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของเราแบบเงียบ ๆ
1.ปลาหน้าดิน พบปริมาณไมโครพลาสติกเฉลี่ย 0.9-3 ชิ้นต่อตัว เช่น Alepes apercna ปลาหางแข็ง เฉลี่ย 2 ชิ้นต่อตัว (พบมากสุด), Dasyatis zugei ปลากระเบน เฉลี่ย 0.3 ชิ้นต่อตัว, Dendrophysa russellii ปลากะพงแดงข้างปาน เฉลี่ย 0.3 ชิ้นต่อตัว, Leiognathus sp. กลุ่มปลาแป้น เฉลี่ย 0.9 -1.3 ชิ้นต่อตัว
2. ปลาผิวน้ำ พบปริมาณไมโครพลาสติกเฉลี่ย 0.3- 4.3 ชิ้นต่อตัว เช่น Scomberomorus commerson ปลาอินทรีย์ เฉลี่ย 4.3 ชิ้นต่อตัว, Rastrelliger brachysoma ปลาทู เฉลี่ย 1 ชิ้นต่อตัว, Alepes sp. ปลาสีกุน เฉลี่ย 1.3 - 1.7 ชิ้นต่อตัว, Anodontostoma chacunda ปลาโคก เฉลี่ย 2 ชิ้นต่อตัว, Johnius sp. ปลาจวด เฉลี่ย 1-3.8 ชิ้นต่อตัว, Scomberomorus sp. กลุ่มปลาอินทรีย์ เฉลี่ย 0.6 ชิ้นต่อตัว
3. ปลาแนวปะการัง พบปริมาณไมโครพลาสติกเฉลี่ย 0.3 - 2.3 ชิ้นต่อตัว เช่น Sardinella albella ปลาหลังเขียว เฉลี่ย 2.3 ชิ้นต่อตัว, Megalaspis cordyla ปลาแข้งไก่ เฉลี่ย 1.6 ชิ้นต่อตัว, Scomberoides tol ปลาสละ เฉลี่ย 2.2 ชิ้นต่อตัว, Terapon theraps กลุ่มปลาข้างตะเภา เฉลี่ย 0.8 ชิ้นต่อตัว
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลากว่า 7 ปีผ่านไป โลกหมุนเร็วขึ้น พร้อมกับจำนวนพลาสติกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน คำถามสำคัญคือ ปริมาณไมโครพลาสติกในตัวปลา วันนี้จะเป็นอย่างไร

มนุษย์รับไมโครพลาสติกเข้าร่างกายนับหมื่นอนุภาคต่อปี
นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ไมโครพลาสติกยังคงเป็นปัญหาสําคัญระดับโลก โดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์ได้รับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายประมาณ 50,000 ชิ้นต่อคนต่อปี
ปัญหาหลักมาจากการแตกสลายของพลาสติกทุกประเภท โดยเฉพาะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastic) เช่น หลอด หรือ ถุงบางๆ ซึ่งจะย่อยสลายได้เร็วกว่าพลาสติกประเภทอื่น และเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารได้ง่ายขึ้น พลาสติกเหล่านี้จะถูกพัดพาจากแม่น้ำลงสู่ทะเล เมื่ออยู่ในทะเล พลาสติกจะสลายตัวและถูกสัตว์น้ำกินเข้าไป ทำให้ไมโครพลาสติกเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำ
โดยส่วนใหญ่จะพบในอาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ก่อนที่จะกลับมาสู่การบริโภคของมนุษย์ มลพิษจากพลาสติก โดยเฉพาะไมโครพลาสติกที่มาจากพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ได้กระจายไปทั่วโลกในมหาสมุทร

นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2568
นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2568
ทั่วโลกได้เน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหามลพิษจากพลาสติกนี้ โดยมีธีมของวันสิ่งแวดล้อมโลก ปี 2018 คือ "Beat Plastic Pollution" และ "Ending Global Plastic Pollution" เป้าหมายคือการใช้พลาสติกอย่างคุ้มค่าและจำเป็น รวมถึงการนำกลับไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง มีความพยายามที่จะทดแทนพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วยวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่าย และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาวต่อห่วงโซ่อาหาร
สำหรับพลาสติกที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีความพยายามที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้พลาสติกที่มีความทนทาน เช่น โพลิโพรไพลีน ซึ่งสามารถนำกลับมาแปรรูปใหม่ได้ ประเทศไทยเองก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในการจัดการปัญหา โดยเคยอยู่ในลำดับที่ 6 ของประเทศที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเล แต่ปัจจุบันมีแผนที่นำทางการจัดการขยะพลาสติกและแผนปฏิบัติการรองรับไปจนถึงปี 2570 โดยตั้งเป้าหมายที่จะนำพลาสติกทั้งหมดกลับมารีไซเคิลให้ได้ 100% ส่งผลให้ลำดับของไทยในการปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลอยยู่ที่ลำดับที่ 10 หรือต่ำกว่า ซึ่งถือว่าการปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลของไทยลดลง
5 มิถุนายน ของทุกปี "วันสิ่งแวดล้อมโลก
และในวันที่ 5 มิถุนายน คือ วันสิ่งแวดล้อมโลก หรือ World Environment Day วันที่ทั่วโลกจับมือกันหันมาใส่ใจโลกใบนี้มากขึ้น วันสำคัญนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1972 ระหว่างการประชุมสุดยอดสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ที่จัดขึ้น ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน การประชุมครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก และยังเป็นที่มาของการก่อตั้งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP อีกด้วย
วันสิ่งแวดล้อมโลกไม่ใช่แค่วันรณรงค์ธรรมดา ๆ แต่มันคือโอกาสสำคัญในการกระตุ้นให้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือประชาชน ลุกขึ้นมาร่วมกันคิด วางแผน และลงมือทำ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของเราอย่างจริงจัง

ในวันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ 2025 UNEP ได้ประกาศธีมสำคัญ คือ "Ending global plastic pollution" หรือ "ยุติมลพิษพลาสติกทั่วโลก" พร้อมแคมเปญหลัก #BeatPlasticPollution โดยมี ประเทศเกาหลีใต้ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก ซึ่งเน้นย้ำถึงปัญหาเร่งด่วนของมลพิษจากพลาสติกที่กำลังคุกคามโลก ทั้งระบบนิเวศ และสุขภาพของมนุษย์เอง
มลพิษจากพลาสติกที่แทรกซึมเข้าสู่ทุกระบบนิเวศ ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพมนุษย์ในวงกว้าง แล้วเราทำอะไรได้บ้างเริ่มง่าย ๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้พลาสติกในชีวิตประจำวันให้น้อยลง เช่น พกถุงผ้า ใช้ขวดน้ำส่วนตัว หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง เลือกซื้อสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าปริมาณการผลิตพลาสติกทั่วโลกจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ ทุกการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จากแต่ละคน ก็สามารถรวมพลังเป็นแรงกระเพื่อมใหญ่ เพื่อปกป้องโลกของเราได้เช่นกัน
อ้างอิงข้อมูล : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, weforum.org (1, 2, 3, 4)
อ่านข่าว :
5 มิ.ย. วันสิ่งแวดล้อมโลก ชวนใส่ใจสถานการณ์สิ่งแวดล้อมไทย 2568