ความขัดแย้ง ระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการค้าการขายที่อาจจะชะลอส่งผลกระทบไปถึงประชาชนทั้ง 2 ประเทศที่ไม่ได้รับความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อหาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดด่าน ทั้ง 18 แห่ง ใน 7 จังหวัด ชายแดนกัมพูชา คือ จ.ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี แบ่งเป็น จุดผ่านแดนถาวร 8 แห่ง จุดผ่อนปรนการค้า 9 แห่ง และจุดผ่อนปรนเพื่อการ ท่องเที่ยว 1 แห่ง

ปัจจุบัน เปิดทำการอยู่ 16 แห่ง และปิดทำการ 2 แห่ง คือ จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหมื่นด่าน จ.ตราด และ จุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการค้าด้านชายแดนไทย - กัมพูชา
แหล่งข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะยังไม่ได้รับผลกระทบด้านการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย-กัมพูชา มาก การค้าขายยังสามารถดำเนินได้ตามปกติ รวมทั้งสินค้าไทยยังคงเป็นที่ต้องการและนิยมในตลาดกัมพูชา แต่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชามากนัก

โดยที่ผ่านมาไทยมีการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาสูงถึง 41%ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด แต่หากมีการปิดด่านถาวรจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องของไทยทำให้เกิดความล่าช้าส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งทำให้ห่วงโซ่การผลิตสะดุด
4 เดือน ส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชา สูง 5 หมื่นล้านบาท
ในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.2568) พบว่า การส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 50,225 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30 % ของมูลค่าการส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น นม นมถั่วเหลือง เครื่องดื่มไม่อัดลม/อัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง ในขณะที่สินค้า อุตสาหกรรมที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบรถยนต์/จักรยานยนต์ เครื่องยนต์ และเครื่องจักรกลการเกษตร
ส่วน การนำเข้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 14,387 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 86 % ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด สินค้าอุปโภคบริโภคที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นผักและของปรุงแต่งจากผัก เช่น มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นเศษโลหะ (อลูมิเนียม ทองแดง) และลวดสายไฟ

ขณะที่การค้าผ่านแดนไปยังประเทศที่ 3 ที่ต้องผ่านจุดผ่านแดนไทย - กัมพูชา ประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม และจีน ปี 2567 มูลค่าการค้าผ่านแดนไทย - กัมพูชา มีมูลค่า 6,790 ล้านบาท คิดเป็น 0.4 % ของ มูลค่าการค้ารวมชายแดนและผ่านแดนทั้งหมดของไทย มูลค่า1,815,666 ล้านบาm
นอกจากนี้ ยังมีจุดผ่านแดนด้าน อื่น อาทิ สปป.ลาว เป็นทางเลือกในการค้ากับจีน และเวียดนาม ดังนั้น การปิดด่านชายแดนด้านกัมพูชาจึงไม่กระทบการค้าผ่านแดนของไทยอย่างมีนัยสำคัญ
ชี้ “ปิดด่านอย่างถาวร” กระทบเชื่อมั่นของนักลงทุนพรมแดน
แม้ว่ารัฐบาลจะปรับวันและเวลาเปิด-ปิดด่าน ยังไม่กระทบกับการค้าสินค้าโดยรวม แต่หากมีการปิดด่านอย่างถาวรหรือปิดหลายด่านพร้อมๆกัน แน่นอนว่า จะส่งผลกระทบทันที ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบไว้ 3 ระยะ ดังนี้

ระยะสั้น (0-3 เดือน) ธุรกิจรายย่อยข้ามแดน เช่น ตลาดชายแดนหยุดชะงัก เนื่องจากประชาชนทั้งสองฝั่งมีความกังวล ว่าสถานการณ์อาจยกระดับ จึงงดเว้นที่จะเดินทางข้ามแดนมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ (สินค้าหิ้วมีสัดส่วนไม่เกิน 10 % ของการค้าชายแดนด้านกัมพูชา) ระบบโลจิสติกส์หยุดหรือเบี่ยงเบนเส้นทาง
ดังนั้นผู้ประกอบการต้องวางแผนการขนส่งสินค้าให้สอดคล้องกับการ ปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน เพื่อป้องกันปัญหาสินค้าถูกตีกลับหรือติดค้างที่ด่านชายแดน รวมถึงการปรับเปลี่ยนเส้นทางหรือรูปแบบการขนส่งสินค้าหากมีการปิดด่านชายแดนหลายด่านพร้อมกัน เช่น ทางน้ำ อย่างท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือกรุงเทพ และทางอากาศ เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งอาจกระทบต่อ ต้นทุนและราคาขายสินค้า จนทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด (Market Share)
ระยะกลาง (3-12 เดือน) ผู้ส่งออกต้องหาตลาดหรือเส้นทางใหม่ หากสถานการณ์ยังคงอยู่ ผู้ประกอบการควรมีการแสวงหา ตลาดใหม่เพื่อทดแทนตลาดกัมพูชาที่อาจจะได้รับผลกระทบในวงกว้างและทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สินค้าไทยยังคงมีศักยภาพในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ

โดยเฉพาะ สปป.ลาว และเมียนมา - อุตสาหกรรมไทยที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากกัมพูชาเริ่มกระทบโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องใช้มัน สำปะหลังเป็นวัตถุดิบ มูลค่าการนำเข้า 5,817 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40.4 % รวมถึงสินค้าประเภทวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูป อาทิ เศษอะลูมิเนียม มูลค่า2,777 ล้านบาท ลวดและสายเคเบิลที่หุ้มฉนวน มูลค่า 1,101 ล้านบาท และ ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม (576 ล้านบาท)
ระยะยาว (มากกว่า 1 ปี) หากความขัดแย้งยืดเยื้อ จะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพพรมแดนลดลง อาจเกิดการโยกย้ายสถานประกอบกิจการ เพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลกระทบต่อการถูกเลิกจ้างงานของแรงงานในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ความสัมพันธ์ทางการค้าอาจเปลี่ยนไปสู่ช่องทางทางทะเลหรือผ่านประเทศอื่นแทน เช่น ทางน้ำ และทางอากาศ เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการต้องพิจารณาหาแนวทางเพิ่มเติมในการดำเนินธุรกิจเพื่อรักษาส่วนแบ่ง ตลาด (Market Share) ต่อไป

นอกจากผลกระทบต่อการค้าสินค้า การปิดด่านอย่างถาวรหรือปิดหลายด่านพร้อมกันจะส่งผลกระทบ ทางอ้อมต่อภาคธุรกิจบริการและภาคแรงงาน เนื่องจากประชาชนชาวกัมพูชาเดินทางข้ามมาฝั่งไทยเพื่อ รักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสถานพยาบาลและที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับแรงงานกัมพูชาที่ ข้ามมาทำงานฝั่งไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน
แนะผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยงส่งออกสินค้าผ่านแดน
ทั้งนี้หากการปิดจุดผ่านแดนทางบกเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ภาคเอกชนควรเตรียมความ พร้อมโดยพิจารณาแนวทางสำรองอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อการค้าและธุรกิจ โดยอาจปรับเปลี่ยนช่องทางการ ขนส่งสินค้าไปยังกัมพูชาเป็นช่องทางการขนส่งทางน้ำหรือทางอากาศแทน โดยผ่านช่องทางสำคัญ เช่น ท่าเรือ แหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือกรุงเทพ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้น

การเลือกใช้ช่องทางควรพิจารณาอย่างรอบด้าน คำนึงถึงต้นทุนการดำเนินการ ความ คุ้มค่า ความเสี่ยง และความเหมาะสมของแต่ละช่องทาง เพื่อให้สามารถรักษาความต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทานและ ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด
ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาความไม่สะดวกทางการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถดำเนินการเชิงบูรณาการ ผ่านเวทีความร่วมมือพหุภาคีในระดับอนุภูมิภาคที่ไทยและกัมพูชาเป็นภาคีร่วม เช่น เวทีคณะทำงานด้านการค้าและ การลงทุน (WGTI) ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS)
และเวที คณะกรรมการประสานงานด้านการอำนวยความสะดวกความเชื่อมโยงทางกฎหมายและระเบียบภายใต้เสาที่สอง การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันและเพื่อแยกความขัดแย้งเรื่องเขตแดนออกจากการค้า อันจะนำไปสู่การ กระชับและพัฒนาความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชาให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว

สำหรับแนวโน้ม มูลค่าการค้าไทย-กัมพูชา ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่า การค้าระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา มีมูลค่ารวม 126,283 ล้านบาท ขยายตัว +2.3 % ในขณะที่การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มูลค่า 64,612 ล้านบาท ขยายตัว +12.4 %
โดยการค้าชายแดนคิดเป็นร้อยละ 51.2 % แบ่งเป็น ไทยส่งออกโดยรวมไปกัมพูชา 108,383 ล้านบาท (+1.6 %) และส่งออกชายแดน มูลค่า 50,225 ล้านบาท (+9.7 %) ขณะที่การส่งออกผ่านทางชายแดนคิดเป็น 46.3 % และการนำเข้าไทยนำเข้าโดยรวมจากกัมพูชา 17,900 ล้านบาท (+6.9 %) และนำเข้าชายแดนและ ผ่านแดน 14,387 ล้านบาท (+22.4 %)เป็นการนำเข้าผ่านทางชายแดนคิดเป็น 46.6 %

นอกจากนี้ การค้าผ่านแดนด้านกัมพูชาไปยังประเทศที่ 3 ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ก็ขยายตัวเช่นกัน มีมูลค่า 2,458 ล้านบาท (+15.2 %) เป็นการส่งออก 315 ล้านบาท (+3.3 %) และการ นำเข้า 2,143 ล้านบาท (+17.2 %) ประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม และจีน
ล่าสุดวัน 13 มิ.ย.2568 กรมการค้าต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด ได้รับแจ้งว่าจุดผ่านแดนต่าง ๆ ยังคงเปิดทำการตามปกติตามมาตรการของฝ่ายความมั่นคง การเข้าออกของคนและสินค้ายังคงเป็นไปตามปกติทั้งนี้ ในช่วงเวลา 10.00 น. ฝั่งกัมพูชามีการปิดประตูด่านเป็น การชั่วคราว (ประมาณ 30 นาที) ที่บ้านแหลม และบ้านผักกาด จ.จันทบุรี เนื่องจากมีคณะฝ่ายปกครองของ กัมพูชาลงตรวจพื้นที่ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็เปิดประตูด่านตามปกติ
ชี้ กระแสแบนสินค้าไทยไม่ส่งผลกระทบ
ส่วนกรณที่ทีมีกระแสแบนสินค้าไทยนั้น แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกสินค้าไทยกล่าวว่า ยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะกลุ่มแต่คงต้องติดตามต่อว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ขณะนี้ยังเร็วไป ประเมินเบื้องต้นได้ตามตัวเลขการค้าได้เท่านั้น หลังการเจรจา JBC พรุ่งนี้ จะเห็น ภาพชัดขึ้นว่ามาตรการที่สองฝ่ายจะใช้ต่อกันจะเป็นอย่างไร หรืออาจได้ข้อสรุปที่เป็นทางออกที่ดีก็ได้
ทั้งนี้สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในกัมพูชา ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค และของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องดื่ม (นม นมถั่วเหลือง เครื่องดื่มไม่อัดลม/อัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง) กาแฟที่ผสมได้ทันที นมผง บุหรี่ และ อาหารปรุงแต่งอื่นๆ (เช่น ครีมเทียม กะทิสำเร็จรูป)

การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)
การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)
ดังนั้นผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)ในวันนี้ (14 มิ.ย.68)ทุกฝ่ายต่างหวังว่าจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เพื่อให้เกิดความเป็นปกติสุขระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในการประคับประคองมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเกิดแนวทางความร่วมมือทุกระดับ เพื่อสันติสุขของประชาชนทั้งสองประเทศ ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าว:
เศรษฐกิจชายแดน ระส่ำ หวั่นปิด16 ช่องการค้า กระทบวิถีชายขอบ
กรมการค้าต่างประเทศวิเคราะห์ผลกระทบ ปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา
เปิดตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 68 ไทยได้ดุลการค้า 3.5 หมื่นล้าน