วันนี้ (16 มิ.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยระบุว่า
1.การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 ในวันที่ 14 - 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นผลสำเร็จที่ได้คุยกันและยอมรับกรอบ JBC ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงไปแล้ว
และ 2.ได้คุยทุกระดับหน้างาน และระหว่างนายกฯ 2 ประเทศก็ได้มีการสื่อสารต่อเนื่อง และวันนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์ ให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม มอนิเตอร์และดำเนินการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยยืนยันไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และตั้งทีมทำงานแล้วโดยจะปกป้องและตั้งรับอย่างไร รวมถึงหาข้อมูลเพื่อตั้งรับและตอบโต้ โดยมีข้อมูลครบหมดแล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีการปิดด่านชายแดนโดยระบุว่า การปิดด่านไม่ได้ปิดด่านแต่กำหนดเวลาเปิดปิด ซึ่งหลังจากมีการปะทะกันเกิดขึ้น และกรณีดังกล่าวโดยทราบจากเพจกลาโหมกัมพูชา และได้ตกลงและคุยแล้ว และ ก่อนหน้านี้ สมช.มอบอำนาจให้กองทัพแล้ว แต่ เพจกัมพูชา บอกว่าไม่มีการปรับกำลังแต่กำหนดเวลาในการเปิดปิดด่าน ทางกัมพูชาก็เช่นกัน

น.ส.แพทองธารยังกล่าวว่า ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาวันที่ 28 พ.ค.2568 และมีความเห็นร่วมกัน คือ ให้สันติภาพเกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนและทหาร โดยพูดคุยอย่างต่อเนื่อง พยายามคุยในกรอบทวิภาคี เพื่อให้เป็นไปตามกลไกระหว่างประเทศ หลังไมค์มีแน่นอน แต่การสื่อสารในโซเชียลและนอกกรอบและไม่มืออาชีพ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายทั้งในแบบทางการและไม่เป็นทางการซึ่งทำให้เกิดผลลบของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งสิ่งที่กัมพูชาโพสต์นั้นส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เรามีความห่วงใย ทั้งเรื่องการค้าขาย ส่งผลไม้ ผัก ถ้าปิดด่านกระทบแน่นอน ฉะนั้นเราจึงปรับเวลาและไม่ปิดด่าน
ได้แจ้งกัมพูชาว่า จะประชุมก่อนและจะรายงานว่าจะดำเนินการต่อไปและส่งข้อความไปยังนายกฯ กัมพูชา โดยให้มี RBC เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างกองทัพ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

น.ส.แพทองธาร ยังระบุว่า เวที JBC ถือว่าเป็นผลสำเร็จว่าทั้ง 2 ชาติยอมรับกรอบนี้ และจะทำอย่างไรให้สันติภาพเกิดขึ้น และเวที JBC ไม่มีปัญหา และในเนื้อหาได้พิจารณาแล้วไม่มีการพลิกล็อกอย่างไร
ขณะที่ กรณีกัมพูชาสื่อสารแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงการปล่อยข่าวได้เคยบอกว่าแล้วว่า อย่าเพิ่งออกข่าว เพราะบางส่วนหน้างานอาจยังไม่ทราบและสถานการณ์จริงยังไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และการกำหนดเวลาปิด-เปิดด่าน เพราะเห็นว่ามีอาวุธไกล อาวุธหนักที่มากขึ้นจึงนำมาสู่การกำหนดเวลาเปิด-ปิด ด่าน

ทั้งนี้ สิ่งที่ได้หารือในเวที JBC จะถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร หรือจะ JBC หรือ RBC ก็จะเป็นสิ่งที่ประชุมจะถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร และในช่วงบ่ายวันนี้ กต.จะเรียกประชุมทูตต่างประเทศทั้งหมดเพื่อชี้แจงให้รับทราบ และได้คุยกับทูตกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.แล้ว แต่สิ่งที่อาจจะทำน้อยเพราะสื่อสารต่อสาธารณะเพราะเคารพกรอบทวิภาคและให้เกียรติระหว่างประเทศ ซึ่งต้องยึดกรอบทวิภาคีเป็นสำคัญ
"เราต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกันว่า เราไม่เคยยั่วยุหรือพูดให้เกิดการปะทะใดทั้งในและต่างประเทศ ถ้าจะต้องตกลงว่าจะเกิดการปะทะ จะต้องมีการพูดคุยกับทหารด้วยว่าพร้อมหรือไม่ เราอยู่ในสถานะใดและเขาอยู่ในสถานะใด ไม่ใช่จู่ ๆ จะมีเรื่องจะจุดให้ไฟติดได้เลย นี่คือกรอบที่เราต้องยึด การไม่ปล่อยข่าวที่ส่งผลกระทบ ที่ไม่เกิดผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ"
เราต้องปกป้องอธิปไตยของเรา แต่จะทำอย่างไรให้ยืดออกไป ให้การปะทะ การเสียเลือดเนื้อให้ไม่เกิดขึ้น แต่ยังคงรัก เห็นตรงกันทั้งกองทัพทั้งรัฐบาล ตรงนี้รัฐบาลกับกองทัพพูดคุยกันเสมอ
อ่านข่าว :
มทภ.2 ยันกองทัพยึดแผนที่ 1 : 50,000 จ่อคุย RBC
นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก หารือหน่วยงานความมั่นคง แก้ปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา