วันนี้ (18 พ.ค.2568 ) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ส่งออกไทยเดือน พ.ค. ว่า การค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการชะลอการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ และความต้องการสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และแผงวงจรไฟฟ้า เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สินค้าเกษตร โดยเฉพาะ มันสำปะหลัง ทุเรียน มังคุด และเงาะ ก็กลับมาฟื้นตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,025,477 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ในอัตรา 18.4% ซึ่งนับเป็น อัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่มี.ค. 2565 และถือเป็นมูลค่าการส่งออกรายเดือน สูงสุดในประวัติศาสตร์หากไม่รวมกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกขยายตัวสูงถึง20%
สำหรับภาพรวม 5 เดือนแรกของปี ส่งออกไทยขยายตัว14.9% หากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะขยายตัวที่ร้อยละ 13.9 โดยสินค้าเด่นและตลาดสำคัญที่ขยายตัว เช่น สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 22.9% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 สินค้าเกษตร กลับมาขยายต 6.8% หลังชะลอตัวหลายเดือน โดยเฉพาะผลไม้สด มันสำปะหลัง และมะม่วง
ขณะทีตลาดส่งออกสำคัญที่เติบโตดี ได้แก่ สหรัฐฯ +35.1% (โตต่อเนื่อง 20 เดือน) จีน +28.0% ตะวันออกกลาง +22.8% เอเชียใต้ +22.3% แอฟริกา +21.4% สหภาพยุโรป +16.6% และอาเซียน +8.8%
ทั้งนี้คาดว่าหากแนวโน้มยังคงอยู่ในทิศทางบวก จะเป็นปีทองของการส่งออกไทยอย่างแท้จริง
ปีนี้จะเป็น ปีทองของการส่งออก ไทยไม่ได้เติบโตเพียงเพราะนโยบายต่างประเทศของบางประเทศ แต่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของสินค้าไทยและการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันของทุกกรมในกระทรวงพาณิชย์ ผมมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้ จะเห็นการขยายตัวแตะตัวเลข สองหลัก ได้แน่นอน
รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงฯ ได้เริ่มเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ส่งออกไทยในระยะยาว ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งตัว อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตร โดยเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดีย ที่ค่าเงินอ่อนลงจนสามารถตั้งราคาสินค้าได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาทิศทางค่าเงินอย่างรอบคอบ เพื่อสนับสนุนภาคการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์วิ่งขายของอย่างเดียวไม่พอ ถ้าค่าเงินยังแข็งแบบนี้ผู้ส่งออกโดยเฉพาะเกษตรกรจะได้รับผลกระทบหนัก อยากเห็นค่าเงินอ่อนลงบ้าง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้รอบด้าน ทั้งการส่งออก การลงทุน และรายได้ของประชาชน
ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออก ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ต้องติดตามผลการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้า หลังจากที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่กรุงปารีส
โดยไทยได้จัดส่งข้อเสนอเชิงนโยบายที่มุ่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบความร่วมมือที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีผลตอบรับในเชิงบวกจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะปูทางไปสู่
การเจรจาเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ทางการค้า และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกรอบเจรจาที่เน้นสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงเฝ้าติดตามปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าไทย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ความวุ่นวายในภูมิภาคตะวันออกกลาง และปัญหาการเบี่ยงเบนการค้า ซึ่งทางกระทรวงฯ ให้ความสำคัญสูงสุดและติดตามอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าแก่ทุกฝ่าย
อ่านข่าว:
สงครามปิดด่าน "ไทย-กัมพูชา" เคราะห์ซ้ำการค้า "ตะเข็บชายแดน"
ปรับยุทธศาสตร์ค้าจีน-ไทย รับแรงกระแทก "ภาษีตอบโต้" สหรัฐฯ
เกาะติดสู้รบ อิสราเอล - อิหร่าน พลังงานเตรียมเพิ่มสำรองน้ำมันในปท.หากรุนแรงขึ้น











