หลังจากสหรัฐฯ ประกาศ บรรลุการเจรจาภาษีศุลกากร กับอินโดนีเซีย ร้อยละ 19 ทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศ และ เวียดนาม ล้วนถูกเก็บภาษีต่ำกว่า ไทย ทั้งสิ้น
นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการหารือกับ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ ยอมรับได้หากรัฐบาล ยกเว้นภาษีสินค้าบางรายการ เพื่อเปิดตลาดสหรัฐฯมากขึ้น แต่ยอมไม่ได้ หากทีมเจรจาฯ ยื่นข้อเสนอเปิดเสรีนำเข้าสินค้า 0% ทั้งหมด เหมือนเวียดนาม และอินโดนีเซีย เพราะได้ไม่คุ้มเสีย
ขณะที่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ไทยกลายเป็นประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงสุด ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% อาจกลายเป็นข้อเสนอมาตรฐานของภูมิภาคนี้ จึงแนะให้ ทีมไทยแลนด์ อย่าทำข้อเสนอแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เลือกปกป้องอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง 2-3 กลุ่ม ที่ใช้งบประมาณในการเยียวยาน้อยที่สุด เพื่อแลกกับการ ปกป้องระบบเศรษฐกิจโดยรวม เพราะหากไทยถูกเก็บภาษีที่ร้อยละ 36 จะกระทบภาคการส่งออกทั้งหมด ซึ่งจะใช้เงินเยียวยาจำนวนมหาศาล และการลดดอกเบี้ยจะไม่ช่วยอะไร
ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แบงก์ชาติ ยังคงรอความชัดเจนผลการเจรจา ก่อนประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือ การเตรียมมาตรการสนับสนุนการปรับตัว และเยียวยาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ จากการไหลทะลักเข้ามาของสินค้า โดยเฉพาะกลุ่ม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องนุ่งห่มพร้อมย้ำว่า การปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ใช่เครื่องมือหลักในการรับมือผลกระทบ และแบงก์ชาติ ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการปล่อยสินเชื่อ แต่เป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่สะสมมานาน จนกระทบความสามารถแข่งขัน
สำหรับความคืบหน้า การเจรจาภาษีสหรัฐ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ เตรียมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เพื่อยื่นข้อเสนอยกเว้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ หลายหมื่นรายการ แต่อาจไม่ได้ข้อสรุปถึงผลการเจรจาทันที
อ่านข่าว : อ่านเกม "ทรัมป์" หลังอินโดนีเซียปิดดีลกำแพงภาษี 19%
กมธ.ทหารฯ วุฒิสภาถกอนาคตชาติ ใกล้สงครามโลก-ภาษีสหรัฐฯ กดดันหนัก
มองมหาอำนาจ "สหรัฐอเมริกา" ใช้อะไรกดดันต่างชาติ ?