วันนี้ (23 ก.ค.2568) คณะทำงานคดีพระสงฆ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง พุทธอุทยาน และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร. วิทยาเขตนครสวรรค์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสอบปากคำและตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากยังคงมีข้อสงสัยหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องบัญชีรายรับ-รายจ่าย
ประเด็นที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ เงินบริจาคของ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม หรือ พระราชมงคลวัชราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า มีการบริจาคเงินเมื่อใด และมีการนำเงินเข้าบัญชีของวัดนครสวรรค์หรือไม่
โดยจะตรวจสอบ รายการเดินบัญชี และรายละเอียดการถวายเงิน เพื่อหายอดเงินรวมทั้งหมด ที่หลวงพ่อพัฒน์ได้ถวาย รวมถึงช่วงเวลาที่ถวาย และเหตุใดเงินจำนวนดังกล่าว จึงไม่ปรากฏในรายการบัญชีวัด
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบหลักฐานว่า หลวงพ่อพัฒน์ได้ถวายเงินให้วัดนครสวรรค์ จำนวน 30 ล้านบาท ขณะเดียวกันจากการสืบสวนยังพบว่า นายสฤษดิ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้เข้าพบหลวงพ่อพัฒน์เป็นการส่วนตัวหลายครั้ง ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดว่า มีการมอบเงินให้กันในระหว่างการพบกันเหล่านั้นหรือไม่
เนื่องจากข้อมูลระบุว่า หลวงพ่อพัฒน์เป็นพระที่ไม่หวงเรื่องเงินทอง และมักจะมอบเงินในตู้เซฟให้เสมอ หากมีการนำไปใช้ประโยชน์ แต่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งว่า ผู้ที่ได้รับเงินไปจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่
ขณะนี้พบว่า เงินบริจาคจากหลวงพ่อพัฒน์ ยังไม่ปรากฏในรายการเดินบัญชีวัด เจ้าหน้าที่จึงกำลังตรวจสอบบัญชีทั้งหมดอย่างละเอียด ทั้งบัญชีของวัดนครสวรรค์ บัญชีของ มจร.วิทยาเขตนครสวรรค์ และบัญชีการก่อสร้างพุทธอุทยาน โดยเฉพาะ มจร. เนื่องจากมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องการเรียนการสอนและการก่อสร้างอาคาร
นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่าง มจร. กับอดีตเจ้าคณะจังหวัด เนื่องจากสีกาคนใกล้ชิดของอดีตเจ้าคณะจังหวัด ก็ทำงานอยู่ใน มจร.แห่งนี้ด้วย โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งเชื่อมโยงพยานหลักฐานเพื่อดูว่า มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร หรือมีการทุจริตในส่วนใดบ้าง เนื่องจากวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เป็นวัดที่มีประชาชนเดินทางไปกราบไหว้จำนวนมาก แต่เงินบริจาคจำนวนมหาศาลจากประชาชนเหล่านี้หายไปไหน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบในส่วนอื่น ๆ ที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามา คือเรื่องสถานที่การปล่อยเช่าพื้นที่ของวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง และจากการตรวจค้น เมื่อวาน (22 ก.ค.) พบโฉนดที่ดินภายในวัด ที่มีชื่อสีกาคนสนิทอีกคน ของอดีตเจ้าคณะจังหวัด ก็จะต้องตรวจสอบต่อไปถึงที่มาที่ไปของโฉนดเหล่านั้น
สำหรับประเด็นวัดม่วงพระ ทางพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องยังคงอ้างว่าหลงลืม เรื่องทรัพย์สินที่หายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดทรัพย์สินที่หายไปว่า อยู่ตรงไหนบ้าง แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นยืนยันว่า ทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวมีอยู่จริง
ขณะนี้ยังคงมีประชาชนส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า จะมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ ขอให้ประชาชนโปรดติดตามความคืบหน้าของคดี
อ่านข่าว : "พายุวิภา" ถล่มลาว ฝนตกหนัก-น้ำป่าหลาก รถไฟไปจีน หยุดให้บริการ
น่านฝนตกหนักน้ำหลากท่วมหลายพื้นที่ เตือน ปชช.เตรียมพร้อมอพยพ
"พายุวิภา" อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชัน ศูนย์กลาง สปป.ลาว ห่าง จ.น่าน 180 กม.