ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศบ.ทก.แถลงเชื่อคณะทูตเข้าใจไทยไม่ได้เริ่ม ตั้งข้อสังเกตกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือน

การเมือง
19:04
544
ศบ.ทก.แถลงเชื่อคณะทูตเข้าใจไทยไม่ได้เริ่ม ตั้งข้อสังเกตกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือน
ศบ.ทก.แถลงหลังพาคณะทูตและสื่อมวลชนไทย-ต่างชาติ ลงพื้นที่ เชื่อคณะทูตเข้าใจ ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มและเห็นใจไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตกัมพูชาโจมตีพื้นที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร

วันนี้ (1 ส.ค.2568) เวลา 18.00 น.ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง โดยแถลงข่าวถึงการนำคณะ ผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ และสื่อมวลชน สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือน โรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา และรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา 

นายนิกรเดช กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ซึ่งได้นำคณะทูต 11 คน จาก 11 ประเทศ ผู้ช่วยทูต 38 คน จาก 23 ประเทศ และสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรวมกว่า 150 คนเข้าสังเกตพื้นที่ที่พลเรือนได้รับผลกระทบจากการณ์โจมตีไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 

1.ตั้งใจให้ข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับทราบของสาธารณชนอย่างกว้างขวางที่สุด โดยทั้งสื่อไทยและต่างชาติ จะเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกรับทราบ

2.นำคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศลงพื้นที่เพื่อประเมินผลและสังเกตการณ์การปะทะแนวชายแดนเพื่อให้ได้เห็นกับตา

3.การลงพื้นที่ครั้งนี้ฝ่ายไทยต้องการเน้นประสิทธิภาพของการสื่อสารที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อสื่อสารต่อชาวโลกถึงความเสียหายต่อโรงพยาบาล บ้านเรือน ประชาชน และที่สาธารณะต่างๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นและโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หลักการสิทธิมนุษยชน อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ทำให้ประชาชนต้องอพยพไปศูนย์พักพิงกว่า 1.5 แสนคน

ขณะที่ ผลที่ได้รับจากการที่คณะทูตได้รับฟังคำบรรยายการสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากฝั่งกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.68 และได้สังเกตการณ์หลายสถานที่ได้ แก่ 1.ร้านสะดวกซื้อในสถานบริการน้ำมัน จ.ศรีสะเกษ ได้รับความเสียหายจากจรวด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน และมีแม่กับลูกรวม 3 คน ที่เข้าไปซื้อของแล้วไม่ได้กลับมาอีก 2.รพ.สต.บ้านซำเม็ง ที่ถูกโจมตีเสียหาย และ 3.ศูนย์พักพิงใน อ.กันทรลักษณ์ ที่ยังดูแลประชาชนกว่า 5,000 คน

นายนิกรเดช กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ให้ได้เห็นความโปร่งใสของผู้จัดและข้อเท็จจริงของเหตุการณ์โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของคณะ การลงพื้นที่ของฝ่ายไทยคำนึงถึงความโปร่งใสหากเทียบกับฝ่ายกัมพูชา และในการลงพื้นที่สื่อมวลชนสามารถถ่ายทอดสดได้ทุกเวลา และคณะทูตสามารถพูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบได้โดยตรง เห็นความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานและผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะด้านจิตใจที่ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านตัวเอง นอกจากนี้ คณะทูตและผู้ช่วยทูตได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่จัดการลงพื้นที่ด้วยความจริงใจและความโปร่งใส

นายนิกรเดช ย้ำว่า ไทยดำเนินการทุกอย่างตามกรอบกติกา ยึดมั่นในหลักการและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ตามที่ประชาคมโลกได้เห็นจากการลงพื้นที่ เชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วความจริงจะชนะทุกอย่าง

ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง กล่าวว่า สถานการณ์โดยทั่วไปตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.2568 ตามแนวชายแดนอยู่ในความสงบ ทั้ง 2 ฝ่ายตรึงกำลังในที่ตั้งของตนเอง ขณะนี้ตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตคงเดิม มีผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บ 52 คน ส่วนประชาชนที่เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิง 676 แห่ง ขณะนี้มีจำนวน 167,121 คน ลดลง 21,277 คน ในพื้นที่ 5 จังหวัด การดูแลผู้ป่วยชาวไทย ได้จัดบุคลากรทางการแพทย์ในศูนย์พักพิง และได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน จัดกิจกรรมสันทนาการ สร้างความผ่อนคลาย เช่น วาดรูป โดยในวันนี้น้อง ๆ ที่เข้าพักในศูนย์พักพิงได้มอบภาพวาดให้คณะทูตที่เข้ามาเยี่ยมชมในพื้นที่

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในวันนี้ คณะทูตานุทูต ทูตทหาร ได้เยี่ยมชมและเห็นถึงผลกระทบที่ฝ่ายกัมพูชาโจมตีอย่างไม่มีเป้าหมาย สร้างความเสียหายต่อชีวิต บ้านเรือนประชาชน ร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน โรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชน

อีกทั้งคณะทูตานุทูต ยังได้รับทราบว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการในลักษณะปกป้องตนเองเพื่อรักษาอธิปไตย โดยไม่มีความต้องการที่จะรุกรานประเทศใด

โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุม GBC ระหว่างไทย-กัมพูชา ในช่วงวันที่ 4-7 ส.ค.นี้ ว่า ปัจจุบันได้รับการยืนยันว่า จัดการประชุมดังกล่าวที่มาเลเซีย โดยกำหนดการวันที่ 4-6 ส.ค. จะเป็นการประชุมของเลขานุการทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหารือประเด็นที่จะหยิบยกมาพูดคุยในเวที GBC จากนั้นวันที่ 7 ส.ค.จะเป็นการประชุม GBC โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งฝ่ายไทย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานร่วมในการเจรจาครั้งนี้

นายนิกรเดช ยังตอบคำถามสื่อมวลชนว่านอกเหนือจากการขอบคุณในการลงพื้นที่ได้คณะทูตได้แสดงท่าทีในการสนับสนุนไทยหรือไม่ โดยกล่าวว่า ไม่ได้แค่ขอบคุณแต่ได้เห็นกับตาถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยเฉพาะที่ไม่ใช่ทหาร การมาครั้งนี้มันสำคัญมาก เพราะไม่เพียงได้เห็นสถานที่ที่พังเสียหาย ยกตัวอย่าง ร้านสะดวกซื้อได้เห็น ได้คุยกับญาติผู้เสียชีวิต คุยกับประชาชนที่ต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่

หากถามว่า คณะทูตรู้สึกอย่างไร ซึ่งไม่ขอระบุประเทศว่า เขาก็รู้สึกว่าเห็นใจเรา ว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่คนเหล่านี้จะต้องเป็นเหยื่อจากการมีปัญหาระหว่างกัน ไม่เห็นประเด็นว่า ทำไมไทยจะเป็นผู้เริ่ม เป็นไปไม่ได้ เขามีความเห็นอกเห็นใจและแสดงท่าทีในการสนับสนุนสิ่งที่ไทยทำและชื่นชมสิ่งที่ไทยดูแลครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ และผู้ที่ต้องย้ายไปอยู่ศูนย์พักพิงซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และคำนึงถึงปลอดภัย

ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวเสริมว่า ผู้แทนฝ่ายทหารต่างประเทศก็ได้ถามว่า ไม่เข้าใจว่าเป้าหมายการโจมตีโดยเฉพาะเป้าพลเรือนโดยเฉพาะการโจมตีจุดสถานีบริการน้ำมัน ที่พาไปดู ทำไมต้องโจมตีตรงนี้ เพราะเมื่อดูแผนที่ไม่มีเป้าหมายทางการทหารในแผนที่ในบริเวณใกล้เคียงกันเลย หรือเป็นเพราะว่าไม่มีหลักการทางการเล็งหรือตั้งใจที่จะโจมตี ซึ่งตนเองให้คำตอบไม่ได้ แต่การพาเยี่ยมชมพื้นที่พื้นที่ใกล้เคียงไม่มีสถานที่ทางการทหารเลย

นายนิกรเดช ยังกล่าวว่า การพาทูตลงพื้นที่ครั้งนี้ทิศทางเป็นไปในทางที่ดีทั้งหมด และเห็นอกเห็นใจอย่างมาก และดูเหตุผลทุกประการไม่มีเหตุผลที่เราต้องเริ่มก่อน และชัดเจนมากว่ากัมพูชาล้ำเข้ามาเขตไทยเกือบ 30 กม.โดยจะเหมือนไม่เล็งหรือตั้งใจเล็งมาที่ประชาชนที่ไม่ใช่ทหาร ยืนยันว่า ไทยทำตามบนหลักการ และสิ่งที่กัมพูชาทำไม่อยู่บนหลักการไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ซึ่งผู้ช่วยทูตทหารได้เห็นความจริง ได้เห็นพื้นที่ ได้เจอญาติ ได้เจอคนไทยที่ต้องย้ายถิ่นฐานและได้ตอกย้ำถึงสิ่งที่เราพูดมาตลอด เราพูดจริง สิ่งที่เรียกร้องการสนับสนุนจากเขาก็น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี

อ่านข่าว : "ฝ่ายไทย" บอกอะไรกับทูตทหาร-สื่อต่างชาติ เหตุขัดแย้งไทย-กัมพูชา

 ทภ.2 เผยส่งทหาร 2 นายกลับประเทศ ให้คำสัตย์สาบานจะไม่เข้าทำการรบกับไทยอีก  

คณะทูตานุทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา