ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"แพทองธาร" บนทางสองแพร่ง ชิงลาออก หรือ สู้รอวันพิพากษา 29 ส.ค.

การเมือง
14:14
269
"แพทองธาร" บนทางสองแพร่ง ชิงลาออก หรือ สู้รอวันพิพากษา 29 ส.ค.
อ่านให้ฟัง
06:59อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย คำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรี เหตุจากคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุน เซน วันที่ 29 ส.ค.นี้ แต่สัปดาห์หน้าวันที่ 21 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งนัดไต่สวน ผู้ถูกร้อง และ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. แต่ก็เปิดทางไว้ ว่าถ้าไม่มา ก็ถือว่า "ไม่ติดใจ"

แต่จนถึงขณะนี้ กระแสนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจ "ลาออก" ก่อนมีคำวินิจฉัยออกมา ยังคงมีอยู่ และเริ่มจะมีแนวโน้มความเป็นจริงได้ โดยเฉพาะกับห้วงเวลาที่จะตัดสินใจ คือหลังร่างกฎหมายงบประมาณ ปี 2569 ผ่านความเห็นชอบ หรือวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร ท่ามกลางข้อสังเกตถึงจุดเปลี่ยนทางการเมือง ที่แตกต่าง

จะลาออกก่อนหรือหลังคำวินิจฉัย เทียบแล้วสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไม่ต่างกันมาก แต่กระแสและความนิยมของพรรคเพื่อไทย รวมถึงบริบทที่จะเกิดขึ้นกับ นายกฯ แพทองธาร ต่างกัน ส่วนกรณีที่จะตัดสินใจ "ลาออก" หลังงบฯ 69 ผ่านสภาฯ ก็น่าจะหลังวันที่ 15 ส.ค. และก็ยิงยาวไปได้ถึง 21 ส.ค.

นั่นเพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งไต่สวนพยานบุคคล 2 ปาก เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา โดย 2 ปากที่ว่าคือ ผู้ถูกร้อง ซึ่งก็หมายถึง นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ซึ่งปัจจุบันคือ นายฉัตรชัย บางชวด เข้าไต่สวนวันที่ 21 ส.ค.2568 เวลา 10.30 น.

อ่านข่าว : ศาล รธน.นัดชี้ชะตา "แพทองธาร" ปมคลิปเสียง "ฮุนเซน" 29 ส.ค.

โดยศาลรัฐธรรมนูญอ้างอิงไว้ในเอกสารข่าวว่า หากพยานบุคคลที่เรียกหา "ไม่มา" ตามกำหนดนัด ถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล ในขณะเดียวกันก็มีคำสั่ง ให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ซึ่งอาจหมายถึง พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ตัวแทน 36 สว. ถ้าประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดี ให้ยื่นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลฯ ภายในวันพุธที่ 27 ส.ค.นี้

เช่นกันถ้า "ไม่ยื่น" ภายในกำหนดเวลา ถือว่าไม่ติดใจ จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษา-หารือ และลงมติ เวลา 09.30 น. ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค.2568 พร้อมกำหนดออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย 15.00 น.

นอกจากไล่ขั้นตอน-กำหนดการแล้ว เอกสารข่าวของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ยังทวนคำร้องที่สมาชิกวุฒิสภา 36 คน โดยผู้ร้องอ้างอิงตามคลิปเสียงการสนทนา ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่ปรากฏในข่าวและสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2568 เป็นเหตุให้ยื่นคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรี

โดยผู้ร้อง ระบุว่า นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวยอมรับว่า "เป็นเสียงการสนทนาของตนเองจริง" และแม้จะแถลงในเวลาต่อมา ว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว มีเจตนาเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุข และอธิปไตยไทย แต่ผู้ร้องเห็นว่า นายกรัฐมนตรี นิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติตามหน้าที่โต้ตอบ

จะด้วยการกำหนดมาตรการ รวมถึงเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามความรับผิดชอบ ที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์ แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัว ในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการ ตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด

ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ร้องชี้ว่านายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม นายกรัฐมนตรี ไม่มีความซื่อสัตย์-สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องที่ว่านี้

แม้จะอยู่ในช่วง "หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว" แต่ช่วงเช้า-วานนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ก็เดินทางไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ ปี 2569

และเมื่อนักข่าว ถามถึง "กำลังใจ" ก็ยิ้มและพยักหน้ารับเท่านั้น ก่อนรถมารับเพื่อออกจากอาคารรัฐสภา ที่ชั้นใต้ดิน เหมือนเจตนาจะหลบออกไป

และหลังศาลฯ รับคำร้อง ต้องบอกว่า ฝ่ายผู้ถูกร้อง หรือ ทีมกฎหมายของนายกรัฐมนตรี โต้แย้งความชอบด้วยกฎหมายของคลิปเสียง โดยเฉพาะการได้มาโดยมิชอบ และยืนยันว่า เป็นบทสนทนาในลักษณะส่วนตัว ไม่มีผลผูกพันใดๆ ทางราชการ

และข้อสังเกตมติเอกฉันท์ รับคำร้อง 9 : 0 แสดงว่า "มีมูล" หรือไม่? มติสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว 7 : 2 เป็นไปได้ว่า ข้อกล่าวหาสะท้อนชัดหรือเปล่า ขณะที่มติให้ขยายเวลาครั้งที่ 2 คือ 5 : 4 จะฉิวเฉียดหรือไม่ สำหรับการวินิจฉัยแต่ก็น่าจะแค่เปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีมากกว่า

ทางหนึ่งก็คงต้องเน้นย้ำว่า กระแสนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจ "ลาออก" ยังคงอยู่ และเริ่มหนาหูมากขึ้น โดยเฉพาะการตัดสินใจ หลังร่างกฎหมายงบประมาณ ปี 2569 ผ่านความเห็นชอบ หรือวาระ 3 ของสภาฯ แต่อีกทางหนึ่ง ก็ชี้ว่านายกรัฐมนตรี พร้อมจะลุยไฟ ตามความเห็นของพ่อ และเพื่อพรรคเพื่อไทย ยังไม่คิดจะลาออก ตามคำแนะนำของแม่

ลาออกก่อนหรือหลังมีคำวินิจฉัย การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจไม่ต่างกัน แต่บริบททางการเมืองที่เกิดกับนายกฯ แพทองธาร จะต่างกันแน่นอน

อ่านข่าว :

รอดหรือร่วง ? “แพทองธาร” บนทางวิบาก

"แพทองธาร" ตอบสื่อ "21 วันเกิดพอดี" หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีคลิปเสียง

วิเคราะห์ "แพทองธาร" แม้รอดศาลรัฐธรรมนูญ แต่อาจไม่รอด ป.ป.ช.