นอกจากคำร้องและคดีความที่ไล่งวดกันเพื่อชี้ถูกชี้ผิด อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ในช่วงสัปดาห์-สองสัปดาห์ นับจากนี้แล้ว ต้องบอกว่าคดีความ-คำร้องที่เกี่ยวข้องก็ไล่หลังกันมาด้วย โดยเฉพาะปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ น่าจะพูดได้ว่าเซ่นสรวงสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง
นั่นเพราะการประชุม คณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้ง ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ล่าสุดนี้ ทำเอา 2 นายตำรวจใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ "ชวด" เลื่อนขั้นไปแล้ว
เพราะเดิมมติแพทยสภา กำหนดโทษ พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เหตุเอื้อให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้าพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เท่ากับ มีความบกพร่องทางจริยธรรมไปแล้ว
ทำเอา พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งปัจจุบันเป็น "ผู้ช่วย ผบ.ตร." ก็ไม่ได้เลื่อนเป็น "รอง ผบ.ตร." และน่าจะถูกแขวนยาว ถึงเกษียณอายุราชการ ปี 2569
ไม่ต่างกับ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจคนปัจจุบัน ก็น่าจะถูกฟีด ไว้ที่เดิมตามข่าว ไม่ได้เลื่อนขั้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. นี่ละคือที่มาของเซ่นสรวงปมชั้น 14
ปมชั้น 14 ในมือ ป.ป.ช. ที่สอบเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ 12 คน ถึงตอนนี้ก็ยังคงบอกว่าใกล้เสร็จ แต่ในมือของ ศาลฎีกานักการเมืองฯ นัดชี้ขาดคำร้องการบังคับโทษนายทักษิณ ชินวัตร ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 9 ก.ย.นี้ ซึ่งหลายคน หลายเสียง วิเคราะห์ว่าโอกาสรอดน้อย แต่หมายถึงผู้บังคับโทษ
ผู้บังคับโทษ ที่อาจหมายถึง "พยาบาล-แพทย์-เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้บัญชาการเรือนจำ" ด้วยประเมินกันจากการไต่สวนแล้ว ย้อนแย้งกันอยู่หลายประเด็น และเป็นเหตุให้ "โอกาสรอดน้อย" แต่สำหรับ ผู้ถูกบังคับโทษ
เสียงหนึ่งว่า ต้องออกหมายจับ นำตัวกลับไปบังคับโทษใหม่ อีกเสียงหนึ่งเหตุมิชอบ เกิดจากผู้บังคับโทษ จึงต้องยกประโยชน์ให้ผู้ถูกบังคับโทษ ซึ่งหมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร
ส่วนคดีหมิ่นสถาบันหรือไม่นั้นศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา 10.00 น. วันศุกร์ที่ 22 ส.ค.นี้ เสียงสะท้อนตรงกันว่าโอกาสนายทักษิณ ชินวัตร รอดสูง เพราะ "ผู้กล่าวหา-ข้อกล่าวหา-พยานหลักฐาน" ไม่ชัด
สืบเนื่องจากพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ในความผิดฐาน ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ สืบเนื่องจากปี 2558 นายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ต่างประเทศ หรือสื่อของเกาหลีใต้ พาดพิงและดูหมิ่นสถาบันฯ
ทั้งนี้สืบพยาน 7 นัด แบ่งเป็นพยานโจทก์ 10 ปาก 3 นัด พยานจำเลย 14 ปาก 4 นัด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็กำหนดเป็นการพิจารณาลับ ขณะที่ทนายความนายทักษิณ ก็ออกมาย้ำทุกนัดว่าข้อมูลหักล้างแน่น
แต่เอาว่า 2 - 3 สัปดาห์แล้ว ที่นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ลาประชุม ครม. 2 นัด คือ 5 กับ 19 ส.ค. ส่วนวันที่ 12 ส.ค. วันหยุดราชการ งดประชุม ครม.ในสัปดาห์นั้น ส่วนเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ก็ลาประชุมพรรคเพื่อไทย
ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เข้าประชุมพรรคเพื่อไทย ไปให้กำลังใจ สส. และแกนนำพรรค โดยปฏิเสธที่จะพูดเรื่องคดีความ แม้แต่การเดินทางไปศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาคดี มาตรา 112 โดยบอกแต่เพียงว่า "เขาไม่พูดกัน"
จะว่าไป ระดับข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐ อาจต้องเซ่นสรวงปมคดีความการเมือง ทั้งที่เป็นของอดีตนายกฯ ทักษิณ และนายกฯ แพทองธาร และคงจะได้มีให้เห็นอีก ไม่ใช่แค่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะนอกจากคดีความในชั้นศาล ที่ทยอยวินิจฉัย-พิพากษาแล้ว ยังมีคำร้อง-คำฟ้องในชั้นขององค์กรอิสระ ที่เตรียมจะชี้มูล-ส่งฟ้องอีก ศุกร์นี้เริ่มคดีแรกคดีอาญา มาตรา 112 ที่ศาลอาญา
อ่านข่าว :
สรวงศ์ยัน "แพทองธาร" ไม่ลาออก พท.ไม่มีแผนสำรองคดีนายกฯ
เปิดคำร้อง 36 สว.ปมคลิปเสียง "แพทองธาร-ฮุนเซน" แจงยิบผิดจริยธรรมข้อใด
"แพทองธาร" บนทางสองแพร่ง ชิงลาออก หรือ สู้รอวันพิพากษา 29 ส.ค.