ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ส่งออก CBAM ไทยโตแรง 29% สนค. ชี้โอกาสทองก่อนเส้นตายปี 2569

เศรษฐกิจ
17:14
146
ส่งออก CBAM ไทยโตแรง 29% สนค. ชี้โอกาสทองก่อนเส้นตายปี 2569
สนค. เผยส่งออกสินค้าไทยภายใต้มาตรการ CBAM 6 เดือนปี 2568 โต29.08% ชี้เป็นสัญญาณบวกความสามารถการปรับตัวผู้ประกอบการไทย ก่อนอียูบังคับใช้เต็มรูปแบบ 1 ม.ค.69ใน 6กลุ่มสินค้า ไทยส่งออก 2 กลุ่ม คือ เหล็ก/เหล็กกล้า และ อะลูมิเนียม/ของทำด้วยอะลูมิเนียม

วันนี้ ( 8 ก.ย.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสินค้าไทยภายใต้มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ของสหภาพยุโรป (อียู) ท่ามกลางกระแสการค้าโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน การส่งออกสินค้าของไทยภายใต้มาตรการ CBAM พลิกกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตถึง 29.08% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับภาพรวมปี 2567 ที่หดตัว5.68% เป็นสัญญาณบวกชี้ให้เห็นศักยภาพและความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ก่อนที่มาตรการ CBAM จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มกราคม 2569

สำหรับมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ครอบคลุม 6 กลุ่มสินค้า คือ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และ ไฮโดรเจน โดยในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค. - มิ.ย.) ของปี 2568 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้มาตรการ CBAM ไปอียู รวมมูลค่า 203.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29.08 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยไทยมีการส่งออกไปอียู เพียง 2 กลุ่มสินค้า คือ เหล็กและเหล็กกล้า และ อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม โดยมีมูลค่าการส่งออก ดังนี้ เหล็กและเหล็กกล้า เป็นหัวหอกสำคัญขับเคลื่อนการเติบโต ด้วยมูลค่าส่งออก 169.78 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน83.38% ของการส่งออกสินค้า CBAM ทั้งหมดจากไทยไปอียู) ขยายตัวสูงถึง40.36%

การเติบโตนี้สวนทางกับภาพรวมการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าของไทยไปตลาดโลกที่หดตัว15.19 % แสดงให้เห็นว่าสินค้าเหล็กของไทยมีความสามารถในการแข่งขันและเป็นที่ต้องการของตลาดอียู ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม

ส่วน อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม มีมูลค่าส่งออก 33.85 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 16.62 ของการส่งออกสินค้า CBAM ทั้งหมดจากไทยไปอียู) หดตัวร้อยละ 7.99 หดตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า สวนทางกับการส่งออกไปโลกที่ขยายตัวร้อยละ 17.24

“มาตรการ CBAM เป็นกลไกสำคัญของนโยบาย European Green Deal ที่อียูตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง แม้ปัจจุบัน การส่งออกกลุ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมาย CBAM จากไทยไปอียู จะยังมีสัดส่วนไม่สูงเมื่อเทียบกับการส่งออกไปโลก (ประมาณ4.74% ของมูลค่าการส่งออกสินค้า CBAM จากไทยไปโลก) แต่การเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมไทยเริ่มปรับตัว และมองเห็นโอกาสในการแข่งขันในตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน”

ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า การขยายตัวที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการฟื้นตัวของยอดส่งออก แต่เป็นการยืนยันและแสดงถึงโอกาสและศักยภาพของไทยที่จะสามารถปรับตัวและส่งออกสินค้า CBAM ไปอียูได้มากขึ้นในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่เพียงเป็นความท้าทาย แต่เป็นโอกาสสำหรับไทยที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าและสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจ และสามารถใช้มาตรการ CBAM สร้างแต้มต่อให้ไทยแข่งขันได้แข็งแกร่งขึ้นในเวทีการค้า

โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 มาตรการ CBAM จะเข้าสู่ช่วงบังคับใช้เต็มรูปแบบ ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องซื้อและส่งมอบ CBAM Certificate ตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนของสินค้าที่นำเข้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการตรวจสอบข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิต

ดังนั้น เพื่อเปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาสในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาทำความเข้าใจหลักการของ CBAM และเตรียมความพร้อมในการคำนวณและจัดทำข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้า (Embedded Emission) ยกระดับการผลิตโดยอาจลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดหรือปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แสวงหาการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าจะเป็น องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่พร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านองค์ความรู้ และด้านการเงิน ตลอดจนขยายตลาดเชิงรุกโดยการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเจาะตลาดใหม่ ๆ ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ในอียู แต่รวมถึงสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ที่กำลังพิจารณาใช้มาตรการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งการปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาตลาดยุโรปไว้ได้ แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางการค้าในเวทีโลกยุคใหม่ที่ ความยั่งยืน คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

อ่านข่าว:

"ข้าวไทย" หืดจับ พณ.-เอกชน กระชับส่วนแบ่ง "ตลาดข้าว"ส่งออก

จีนดันแผนปฏิบัติการ AI ร่วมอาเซียนพัฒนา ยกระดับข้ามพรมแดน 

"อาร์เจนตินา" ประตูสู่ ลาตินอเมริกา โอกาส "ยานยนต์-อาหาร"ไทย