ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เสนอรัฐบาลใหม่ ตั้งกรอ.ย่อย TDRI แนะปรับโครงสร้าง-แก้เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจ
12:56
81
 เสนอรัฐบาลใหม่ ตั้งกรอ.ย่อย TDRI แนะปรับโครงสร้าง-แก้เศรษฐกิจ
ทีดีอาร์ไอ เปิด ความท้าทายครม.ใหม่ แนะลุยปรับโครงสร้าง แก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาวควบคู่กระตุ้นเศรษฐกิจ เสนอตั้งกรอ.ย่อย 3 ชุด เพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ชี้ไทยถูกจับตาลดเครดิตเรตติง ฝากความหวังรมว.คนนอกโชว์ฝีมือ เตือนรัฐบาลระวังอย่าให้เกิดเรื่องอื้อฉาว

วันนี้ (12 ก.ย.2568) นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงรัฐบาลชุดใหม่ ที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะเวลาสั้นๆว่า นอกจากมาตรการระยะสั้น อย่างการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เห็นว่ารัฐบาลควรเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวควบคู่ไปด้วย ถึงแม้ว่าไม่ได้ทำให้ประชาชนเห็นผลงานได้ทันที แต่การปรับโครงสร้างเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศมีความสำคัญมากและรัฐบาลก็จะได้เครดิตในฐานะผู้ริเริ่ม

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

ทั้งนี้การปรับโครงสร้างที่สามารถทำได้ทันที และเห็นผลได้ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจคือ การแก้กฎระเบียบการอนุมัติ-อนุญาตต่าง ๆ ซึ่งทีดีอาร์ไอ เคยศึกษาวิจัยแล้วพบว่า หากทำในเรื่องที่สำคัญ เช่น การเปิดเสรีซื้อขายไฟฟ้าจะมีตัวคูณทางเศรษฐกิจมหาศาล และยังแก้ปัญหาโครงสร้างได้อีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้รัฐบาลควรสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ลักษณะเดียวกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) แต่การทำงานของ กรอ.ในอดีตมุ่งเน้นในบางประเด็น และส่วนใหญ่เป็นปัญหาระยะสั้น จึงควรมี กรอ.ในรูปแบบที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยใน 3 ด้านผ่านกรอ.ชุดย่อย

คือ 1.กรอ.ด้านกำลังคน โดยรัฐและเอกชนควรร่วมมือกันฝึกทักษะแรงงานให้คนไทยมีโอกาสทำงานที่ใช้ทักษะสูง ซึ่งจะทำให้มีรายได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ

เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า การลงทุนจำนวนหนึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นในประเทศได้ เพราะขาดแรงงานที่มีทักษะเพียงพอ กลไกรัฐร่วมเอกชนนี้ จะทำหน้าที่นำความต้องการของภาคเอกชนมา เพื่อให้ภาครัฐฝึกกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน

2.กรอ.ด้านนวัตกรรม ไทยประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าที่ราคาถูกกว่าได้ เช่น สินค้าจีน แม้ว่าการสร้างนวัตกรรมต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรริเริ่มทำให้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ โดยเอาความต้องการของเอกชนเป็นตัวตั้ง

3.กรอ.ด้านกฎระเบียบ ทำหน้าที่ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ โมเดลเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับแนวคิด Reinvent Thailand ที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และภาครัฐซึ่งประกอบด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒน์และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ร่วมกันเสนอไปก่อนหน้านี้

รัฐบาลควรทบทวนรายรับรายจ่ายภาครัฐให้สมดุลกัน เพราะที่ผ่านมาภาระหนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ไทยอาจจะถูกลดเครดิตเรตติง

ประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องทบทวนว่ารายจ่ายด้านใดที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยแต่ใช้เงินมาก และตัดลดงบประมาณในส่วนที่ไม่คุ้มค่าลง ขณะเดียวกันจะต้องมีแผนในการหารายได้ ซึ่งคาดหวังกับ รมว.คลังคนใหม่ คือดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่มีประสบการณ์การหารายได้ภาครัฐมาก่อน น่าจะมีแนวทางในการหารายได้ที่ชัดเจน สามารถทำให้นักลงทุน และ Credit Rating Agency เชื่อมั่นได้ว่าประเทศไทยจะไม่สร้างที่หนี้สาธารณะสูงเกินไปจนถูกลดเครดิตเรตติง

ส่วนโฉมหน้าครม.ชุดใหม่ ที่มีสัดส่วนคนนอกหลายคนว่า เป็นบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งจากภาคธุรกิจและภาคราชการที่จะมาช่วยบริหารประเทศและบริหารเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่ามีเสียงตอบรับที่ดีจากสังคม ในเวลาเดียวกันก็มีรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดและรู้ปัญหาประชาชน เพราะเป็นตัวแทนจากพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งมา เมื่อมาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ หรือเทคโนแครต รวมทั้งผู้บริหารภาคเอกชนถือเป็นจุดที่สร้างสมดุลที่ดีได้ แต่ก็มีความท้าทายในเรื่องของระยะเวลาการทำงานจำกัดเพียง 4 เดือนนี้

อยากเห็นโมเดลในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตจากการที่รัฐบาลดึงผู้มีประสบการณ์ที่มีความเชี่ยวชาญ เข้ามาบริหารประเทศ เพราะปัญหาประเทศจะยากขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตามในภาวะปกติระบบการเมืองแบบรัฐสภาที่ไทยใช้อยู่ ประชาชนเลือก สส. และ สส.ไปเลือกนายกฯ ในสภา การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีจึงต้องจัดตามการเจรจาต่อรองตำแหน่งตามโควตาพรรคร่วมรัฐบาล

ดังนั้นการนำคนนอกที่มีความสามารถเข้ามาจึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะภายใต้ระบบเลือกตั้ง ส.ส. ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน จึงควรออกแบบกติกาให้ได้มืออาชีพที่เป็นบุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีได้

เพื่อให้เกิดระบบที่จะได้ทั้งคนที่มีความสามารถ และคนที่ใกล้ชิดและรู้ปัญหาประชาชนควบคู่กันไป จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่มีข้อตกลงกันว่าจะแก้ในประเด็นต่าง ๆ อยู่แล้ว
ดังนั้นควรยกเลิกระบบเลือกตั้งแบบ จัดสรรปันส่วนผสมที่ทำให้เกิด พรรคปัดเศษ จำนวนมาก เปลี่ยนไปสู่ระบบเลือกตั้งที่ทำให้เหลือพรรคการเมืองจำนวนไม่มาก เพื่อให้พรรคแกนนำรัฐบาลมีความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศมากขึ้น ไม่อ้างว่าทำนโยบายไม่สำเร็จเพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมมือ ซึ่งจะทำให้มีแรงจูงใจในการใช้ผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น

นอกจากนี้ควรเพิ่มอำนาจนายกฯ โดยการลดอำนาจล้นเกินขององค์กรอิสระ เช่น อำนาจตีความในเรื่องจริยธรรม รวมถึงการที่รัฐธรรมนูญทำให้ยุบพรรคการเมืองได้ง่าย ซึ่งถือเป็นทำลายเจตจำนงทางการเมืองของประชาชน
อย่างไรก็ตามทีดีอาร์ไอฝากความคาดหวังของสังคมไปถึงรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า โจทย์หนึ่งที่สำคัญของว่าที่รมว.พาณิชย์ คือ การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี

โดยเฉพาะความตกลงการค้าเสรีฉบับใหญ่ที่ค้างอยู่ คือ FTA ไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งมีความสำคัญต่อการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย และกระจายความเสี่ยงของไทยท่ามกลางการกีดการค้าโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา การทำ FTA นี้จึงมีความสำคัญ แต่ต้องยกระดับกองทุน FTA ให้สามารถช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบให้ปรับตัวได้จริง

ในส่วนของว่าที่รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านกฎหมาย อยากเห็นการผลักดันกฎหมายที่อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ของประชาชน การทำ กิโยติน กฎหมายที่ถ่วงการพัฒนาประเทศ ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการอย่างแท้จริง 

ส่วนโจทย์ของกระทรวงต่างประเทศในด้านเศรษฐกิจ คือ การปรับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้กลับมาสู่สภาวะปกติ ลดระดับความขัดแย้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนไทยและธุรกิจที่พึ่งพาการค้า การลงทุนต่างประเทศได้กลับมาทำธุรกิจกันตามปกติ ในช่วงที่มีการปิดชายแดนซัพพลายเชนที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศไทยได้ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงหากอยู่ในภาวะแบบนี้เป็นไปยาวนานอาจทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องในไทยพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น

ดังนั้นการลดความตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญต่ยุทธศาสตร์ที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางของการผลิตในภูมิภาคตามแนวคิดไทย+1 (Thailand Plus One) นอกเหนือไปจากการปรับโครงสร้าง และการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ข้อควรระวังของรัฐบาลชุดใหม่ คืออย่าให้เกิดเรื่องอื้อฉาวจากการทุจริตคอร์รัปชั่น การเล่นพรรคเล่นพวก หรือการฝ่าฝืนกฎหมายของคนในรัฐบาลเอง เพราะต่อให้สร้างผลงานดีเพียงใด แต่ถ้ามีเรื่องอื้อฉาวเข้ามาก็ยากที่จะทำให้ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนได้

อ่านข่าว:

 ฟื้น "คนละครึ่ง" รัฐบาลอนุทิน กระตุ้น (คะแนนเสียง) เศรษฐกิจสีเงิน

ไม่ต้องรีบเปิดด่านชายแดน หากกัมพูชายังขาดความจริงใจ

"ยิ่งชีพ" รอคำวินิจฉัย ศร.ฉบับเต็ม ก่อนเดินหน้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่