วันนี้ (12 ก.ย.2568 ) นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เปิดเผยถึง ผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารอนาคตไทย ว่า ตอนนี้เอกชนมีความกังวลสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการกลุ่มอาหารอนาคตไทยในตลาดโลก รวมไปถึงกระทบต่อรายได้ของทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ ตลอดทั้งห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมอาหารอนาคตไทย

โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเงินบาทได้มีการแข็งค่าขึ้นกว่า 7% ขณะที่ประเทศคู่แข่งสำคัญ อาทิ จีน อินเดีย เวียดนาม และสิงคโปร์ ต่างมีค่าเงินที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดความแตกต่างทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น และทำให้สินค้ากลุ่มอาหารอนาคตไทยมีต้นทุนสูงกว่าคู่แข่ง ทั้งที่สินค้าของประเทศไทยมีคุณภาพและมาตรฐานสากลไม่ด้อยกว่า
ทั้งนี้ ในอุตสาหกรรมอาหารอนาคต ซึ่งรวมถึง อาหารฟังก์ชัน, อาหารสำหรับผู้สูงอายุ, อาหารอินทรีย์(ออร์แกนิก) และอาหารกลุ่มโปรตีนทางเลือก การแข่งขันด้านต้นทุนและราคา ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตลาดใหม่ หากเงินบาทแข็งค่าผู้ซื้อในต่างประเทศจะหันหาคู่แข่งที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยสูญเสียโอกาสในการขยายตลาด

ปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกร ทั้ง ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกจะสูญเสียคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันทางด้านราคาได้ แม้คุณภาพของสินค้าจะเป็นที่ยอมรับ
เกษตรกรและผู้ผลิตทางด้านวัตถุดิบจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์วัตถุดิบภายในประเทศลดลง ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศที่เกี่ยวข้องลดลงตาม รวมถึง การพัฒนากลุ่มอาหารอนาคตต้องการการลงทุนด้านวิจัยและเทคโนโลยี หากรายได้ลดลง นักลงทุนและผู้ประกอบการอาจชะลอการลงทุน หรือลดการพัฒนาสินค้า
ทั้งนี้สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทยจึงขอให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินมาตรการเพื่อดูแลเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม โดยมี 4 ข้อเสนอ ไม่ว่าจะเป็น 1. เร่งดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยและคู่ค้าคู่แข่ง รวมถึงดำเนินการตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินแข็งและแก้ไขให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การดูแลค่าเงินต้องดูแลอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ถูกตีความว่าเป็นการบิดเบือนค่าเงิน (Currency Manipulation) ตามกฎกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

2. สนับสนุนการส่งออกอาหารอนาคตไทย จัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำและการเข้าถึงสินเชื่อ กองทุนพิเศษสำหรับการลงทุนด้านวิจัยและเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอนาคต
3. ส่งเสริมความเข้มแข็งของเกษตรกร ผลักดันนโยบายเชื่อมโยงเกษตรกรไทยเข้ากับห่วงโซ่การผลิตอาหารอนาคต เพื่อเพิ่มรายได้และลดความเปราะบางจากความผันผวนของค่าเงิน
4. เจรจาการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ เปิดตลาดใหม่และสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์อาหารอนาคตไทย เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดิม และเพิ่มโอกาสทางการค้าในแก่สินค้าอาหารอนาคต
บาทแข็งและผันผวนในขณะนี้ ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่อาจกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของอาหารอนาคตไทยในตลาดโลก และบั่นทอนรายได้ของผู้ประกอบการ เกษตรกร รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิต
นายกสมาคมการค้าอาหารแห่งอนาคต กล่าวอีกว่า หากไม่มีมาตรการที่สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ย่อมทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการแข่งขัน รวมถึงพลาดโอกาสในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอาหารอนาคตของภูมิภาค
อ่านข่าว:
เสนอรัฐบาลใหม่ ตั้งกรอ.ย่อย TDRI แนะปรับโครงสร้าง-แก้เศรษฐกิจ
ผู้ส่งออกข้าว จี้รัฐ-แบงก์ชาติ แก้บาทแข็ง วาระเร่งด่วน ชี้กระทบแข่งขัน-ชาวนา
ฟื้น "คนละครึ่ง" รัฐบาลอนุทิน กระตุ้น (คะแนนเสียง) เศรษฐกิจสีเงิน