วันนี้ (29 ก.ย.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลนี้กลั่นกรองมาแล้วว่า เป็นสิ่งที่ทำได้เร็ว และทำได้ทันที จึงขอให้สมาชิกรัฐสภาและประชาชนมั่นใจ ส่วนรัฐมนตรีที่คัดสรรมาล้วนแต่มีประสบการณ์แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อน ก็ได้ทำการตรวจสอบประวัติการทำงานการศึกษา พฤติกรรม สามารถยืนยันได้ว่า ทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วน ในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยและประชาชน
ส่วนจะทำดีหรือไม่ ขอยืนยันว่า ใครก็ตามเมื่อมาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ย่อมใช้โอกาสนี้ทำดีที่สุดให้เป็นเกียรติประวัติและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน โดยส่วนตัวมองว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน และ ทำความเข้าใจกับทุกพรรคแล้วว่านี่คือรัฐบาลเดียวกัน ไม่มีการแบ่งพรรค ไม่มีการขัดแข้งขัดขา หรือแข่งขันเปรียบเทียบว่าใครประสบความสำเร็จมากกว่าใคร
ส่วนตัวถูกสั่งสอนมาให้เป็นคนใจกว้าง ใครประสบความสำเร็จก็จะอนุโมทนาสาธุและชื่นชมรวมทั้งสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำงาน
สำหรับกรณีรัฐบาลนี้ขาดคนมีฝีมือขอยืนยันว่า ขอให้เชื่อมั่นได้ว่าทุกคนที่อยู่รัฐบาลนี้ได้คัดเลือกมาเอง เป็นคนที่ดีที่สุด และมีคุณงามความดี ความไว้เนื้อเชื่อใจ และ มีผลงานความรู้ประสบการณ์ ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาล 4 เดือนเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีฝีมือมีความรู้ความสามารถประสบความสำเร็จในชีวิต
อ่านข่าว : "ชลน่าน" อภิปรายนโยบาย ชี้ 4 เดือนยุบสภา 4 เดือนยุบคดี
นายอนุทิน ยังระบุถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายแสดงความกังวลเรื่องขาดความโปร่งใส ว่า รัฐบาลยินดีที่จะชี้แจงทุกเรื่อง ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการถูกต้องตามกฎหมายกฎระเบียบและที่สำคัญคือต้องใจกล้าให้ทุกคนตรวจสอบ ส่วนข้อกังวลที่บอกว่ารัฐบาลนี้ดูแล้วขาดอนาคตประชาธิปไตยขอย้ำว่าประชาธิปไตยคือการเคารพเสียงส่วนใหญ่ และรัฐบาลนี้จะวางรากฐานอย่างที่ดีให้เป็นรัฐบาล ที่จะทำให้อนาคตประชาธิปไตยมีความสดใส
อย่างน้อยนายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่มีใครมาบงการได้ ตัดสินเองคิดเอง และหารือกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด และสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดในการที่จะตัดสินใจทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและประชาชน
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ก็เป็นสิ่งที่พูดไม่ผิดเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา โดยขอนับวันที่ 1 ต.ค.2568 เป็นวันแรก ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.2569 จะยุบสภาแน่นอน เป็นไปตาม MOA ที่ลงนามกับพรรคประชาชน ที่เห็นพ้องกันว่า เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็จะคืนอำนาจให้กับประชาชน
ดังนั้นรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แต่มีติ่งท้ายที่จะขอทำให้สำเร็จก็คือจะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ที่เข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ยอมรับสภาพ และจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะเรียกความสูญเสียทั้งในเรื่องเกียรติภูมิของประเทศ เรื่องเศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจและเรื่องความปลอดภัยของประชาชน กลับมาสู่ประเทศไทยและคนไทยให้ได้ในระยะเวลาทำงานที่มีอยู่ 4 เดือนและมั่นใจว่าทำได้เพราะได้เตรียมการในเรื่องนี้มามากพอสมควรแล้ว
ทั้งนี้ต้องขอย้ำว่า ในการทำงานนั้นทุกคนมีความรู้ความสามารถ ต้องไม่เปรียบเทียบกัน เพราะหากตัวเองทำไม่ได้แล้วจะคิดว่าคนอื่นทำไม่ได้ด้วยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูก พร้อมยกกรณีที่เคยเป็น รมว.สาธารณสุข เช่นเดียวกับ นพ.ชลน่าน ก็ได้ทำงานเอาไว้มากอาจจะเป็นด้วยอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด -19
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลนี้ยกเลิกกาสิโน Entertainment Complex ไม่ให้เงินดิจิทัล 10,000 บาทเฉยๆ แต่ใช้การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยไม่ใช้การมอมเมาและขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจการพนัน และมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกับรัฐบาลนี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากรัฐบาลเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลในขณะนั้น
ขอนับถือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่มีคุณประโยชน์กับคนไทยมาจนถึงปัจจุบันแต่ 30 บาทรักษาทุกที่มาจาก "อนุทิน" ไม่ใช่ นพ.ชลน่านเพราะทำมาตั้งแต่สมัยอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข ใช้เวลา 4 ปีประสานงานกับสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องฟอกไตฟรีและจะนำกลับมาใน 4 เดือนนี้ และจะต้องทำให้เห็นภายใน 2 เดือน
นายอนุทินยังได้หยิบยกในประเด็นอ้างอิงตัวเลขพันสองพันรวมกันแล้วหลายล้าน โดยระบุว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล เป็นตัวเลขที่ทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านหลายคนไขว้เขว ทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมืดมน และไม่ได้มาจากพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน ทั้งนี้อาจจะถือเป็นเกียรติที่ถูกเชิญออกมาเพราะทำให้ประชาชนได้เห็นว่าพรรคไหนที่เห็นถึงประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีระบุว่า นโยบายและการกระทำของรัฐบาลนี้ทุกคนจะต้องทำงานอย่างหนัก จะผลักดันทุกนโยบายให้เป็นทางออกของประเทศ ทั้งนี้นายอนุทินยังย้อนเหตุการณ์สมัยที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ และ นพ.ชลน่าน เป็นเลขาฯ โดย การประชุม ครม. ในสมัยนั้นหากนายทักษิณ ไม่พอใจคณะรัฐมนตรี ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน โดยนายทักษิณจะปิดไมค์รัฐมนตรีคนนั้นแล้วพูดว่าจำไว้นะ "ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก และผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา"
โดยตัวเองและรัฐมนตรีทั้ง 36 คนเป็นอย่างหลัง ชนะหรือไม่ชนะไม่ทราบแต่เห็นทางออกในทุกปัญหาจึงขออนุญาต ในการทำความเข้าใจกับสมาชิกรัฐสภาและประชาชนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของรัฐบาลชุดนี้
อ่านข่าว :
"อนุทิน" แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เดินหน้าแก้ปัญหาเร่งด่วน 5 ด้าน
ปชน.ลุย 20 สส.ตรวจสอบนโยบายรัฐบาลเข้ม ปฏิเสธวาทกรรม "ฝ่ายค้ำ"