วันนี้ (1 ต.ค.68) นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยถึงแนวคิดของรัฐบาลที่จะมีการจัดทำประชามติสอบถามประชาชน ยกเลิก MOU 43 - 44 ว่า ถ้าจะทำประชามติประชาชนต้องให้ประชาชนมีข้อมูลเพียงพอ
เราต้องยอมรับกันก่อนว่า MOU เป็นข้อมูลที่อ่อนไหวไม่เช่นนั้นสภาจะมีการประชุมลับไปทำไม คำถามคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทยจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลเรื่องนี้ นำไปสู่การตัดสินใจ โดยที่ฝ่ายกัมพูชาไม่รู้ แต่ถ้าไม่มีวิธีแล้วฝ่ายกัมพูชารู้จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติหรือไม่
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่พยายามสอบถามจะทำอย่างไร และหากฝ่ายกัมพูชารู้จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติหรือไม่ ซึ่งตนเองพยายามถามนายอนุทิน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนไปสอบถามเรื่องนี้ให้ด้วยและมากไปกว่านั้นมีการตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องดังกล่าว ที่มีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานกรรมาธิการฯ อีกด้วยซึ่งตนเองก็รอดูว่า มีข้อมูลในด้านใดบ้าง ซึ่ง สส. และ สว.ก็มีข้อมูลที่ไม่เท่ากัน
ดังนั้น การจะตัดสินใจไปทำประชามติ ต้องคิดให้รอบคอบ พร้อมตั้งข้อสังเกตหากมีการยกเลิก MOU ไปแล้วกัมพูชาอ้างว่า ไม่มีกลไกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย กัมพูชา หรือ JBC ฝ่ายกัมพูชาอาจใช้เหตุนี้อ้างไปยังศาลโลกได้ หากไม่มี MOU จะต้องมีสิ่งใดมาทดแทนหรือไม่ ซึ่ง MOU 44 ตนเองก็ยังคงกังวลใจการที่จะเอาผลประโยชน์ทางทะเลมาตกลงกัน ปนกัน ก็อาจจะมีปัญหาบางอย่าง
แต่โดยมีรายละเอียดหลายอย่าง ไม่ใช่จะมาบอกว่ารังสิมันต์ โรม หรือ สส.คนนั้นคนนี้จะตัดสินใจได้ทันที ถ้ามีข้อมูลไม่ครบถ้วนเรื่องนี้ไม่ใช่ง่าย แต่ขอย้ำจุดยืนของตนเองก็คือเอาข้อมูลมากลางยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญและจะเป็นการตัดสินใจของพวกเรา
ส่วนที่มีการมองว่าการทำประชามติ MOU 43 MOU 44 มีการหวังผลทางการเมืองอยู่ด้วยนั้น นายรังสิมันต์ โรมกล่าวว่า เป็นภาระที่นายอนุทินจะต้องอธิบาย พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีการเสนอให้จัดทำประชามติเรื่องนี้ดังนั้นจึงเป็นภาระของพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องอธิบายเรื่องนี้และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ดีและเป็นภาระของพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติไม่ให้ความลับของชาติตกอยู่ตกไปอยู่ในมือของฝ่าย
ส่วนจะมีการทำประชามติบวกกับการเลือกตั้งจะส่งผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า เรื่องความสับสนคงต้องหาทางแก้ไข ส่วนตนเองเอาเรื่องหลักๆมาพูดคุยกันนั่นคือเรื่องผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
"นายกฯ" เผยยกเลิก MOU 2543-2544 รอผลการศึกษา
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ต้องทำงานคู่กันไปกับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องของการทูตและเรื่องการตั้งเงื่อนไขในจุดยืนของประเทศไทย ส่วนเรื่องของการดูแลอธิปไตยของไทย ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบกแล้ว ให้คำยืนยันกับทุกท่านในด้านการทหาร และเหล่าทัพไปว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมถึงตำรวจด้วย เพราะมีภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งหากเหล่าทัพ ต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล จะดำเนินการด้วยความรวดเร็วทันที อย่างเต็มที่
เมื่อวานนี้ได้เร่งอนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพเพื่อปกป้องในชายแดน ของประเทศไทย ที่กำลังมีปัญหากับประเทศกัมพูชาอยู่ซึ่ง ผบ.ทบ.ให้คำมั่นกับตนว่า เราจะไม่เสียเปรียบ รักษาอธิปไตยของเรา และได้ทำในสิ่งที่เราต้องทำ และทำในสิ่งที่ประชาชนชาวไทย จะไม่ผิดหวัง
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยในเรื่องของ MOU 2543 - 2544 บ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สภาฯได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาแล้ว ส่วนจะทำประชามติถามประชาชนควรจะยกเลิกหรือไม่ มีขั้นตอนอยู่ ยืนยันไม่ใช่การโยนภาระให้กับประชาชน แต่เรื่องอะไรก็ตามที่มีความคิดแตกต่างกัน และไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน หากให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะมีหลังพิง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย
"แต่เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้ว รัฐบาลต้องนำมาพิจารณา ผมก็ขอสงวนสิทธิ์ไว้ว่า ถ้าดูแล้วไม่เป็นประโยชน์กับประเทศของเรา ผมย้ำนะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศของเรา วันนี้เราจะดูในเรื่องประโยชน์ ของประเทศไทยเท่านั้น เราเปลี่ยนท่าทีแล้ว เพราะสิ่งที่เขาปฏิบัติมา ก็ไม่มีอะไรที่เราจำเป็นต้องให้ความเกรงใจ ถ้าอะไรก็ตามไม่เป็นประโยชน์ ต่อประเทศไทย และถึงขั้นที่ว่ามีไป ก็ไม่เกิดค่าอะไร คณะรัฐมนตรีของผมก็พร้อมที่จะยกเลิก"
เมื่อถามว่ากัมพูชามีการกระทำแบบนี้ ถือว่าเป็นภัยคุกคามหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องระวังตลอด ซึ่งทางกองทัพและตำรวจ มีข้อสรุปที่ชัดเจน จากประชุม 4 เหล่าทัพ ว่าจะดำรงสภาพนี้ ทั้งเรื่องของการเตรียมพร้อม เรื่องของจุดยืนจนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาหมดไปต่อประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ยึดถือกรอบนี้ เพื่อสนับสนุนข้อสรุปของฝ่ายความมั่นคงคือ 4 เหล่าทัพ
เมื่อถามว่า จากพฤติกรรมของกัมพูชาที่แสดงต่อโลก แบบหน้าไหว้หลังหลอก ยังจะเชื่อใจอะไรได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะไม่ต่อว่าประเทศเพื่อนบ้าน แค่ระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพื่อนบ้านจะมีพฤติกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะหลอกหรือไม่หลอก แต่ไทยมีความสามารถเพียงพอที่จะรู้ว่าจุดยืนอยู่ตรงไหน และเวลาใดที่เราควรจะตอบสนองการกระทำของเขาโดยวิธีใด ซึ่งเรื่องนี้ขอให้ความมั่นใจ
อ่านข่าว : "วินธัย" ปัดตอบยกเลิก MOU 43 หรือไม่-จ่อสร้างรั้วชายแดนจุดลอบเข้าเมือง
"อนุทิน" มองควรยกเลิก MOU กัมพูชา หากไทยไม่ได้ประโยชน์
กองทัพไทยยืนยัน “บ้านหนองหญ้าแก้ว” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย