ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"รังสิมันต์" ชี้ MOU เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นกัมพูชาหาช่องทางขึ้นศาลโลก

การเมือง
18:26
130
"รังสิมันต์" ชี้ MOU เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นกัมพูชาหาช่องทางขึ้นศาลโลก
"รังสิมันต์" ยอมรับไม่ทราบมาก่อนรัฐบาล “อนุทิน” เตรียมทำประชามติสอบถามประชาชนยกเลิก MOU ด้าน "นายกฯ" เผยยกเลิก MOU 2543-2544 รอผลการศึกษา​ พร้อมแจงทำประชามติ​ ไม่ได้ผลัก​ภาระ​ให้ประชาชน

วันนี้ (1 ต.ค.68) นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยถึงแนวคิดของรัฐบาลที่จะมีการจัดทำประชามติสอบถามประชาชน ยกเลิก MOU 43 - 44 ว่า ถ้าจะทำประชามติประชาชนต้องให้ประชาชนมีข้อมูลเพียงพอ

เราต้องยอมรับกันก่อนว่า MOU เป็นข้อมูลที่อ่อนไหวไม่เช่นนั้นสภาจะมีการประชุมลับไปทำไม คำถามคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทยจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลเรื่องนี้ นำไปสู่การตัดสินใจ โดยที่ฝ่ายกัมพูชาไม่รู้ แต่ถ้าไม่มีวิธีแล้วฝ่ายกัมพูชารู้จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติหรือไม่

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่พยายามสอบถามจะทำอย่างไร และหากฝ่ายกัมพูชารู้จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติหรือไม่ ซึ่งตนเองพยายามถามนายอนุทิน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนไปสอบถามเรื่องนี้ให้ด้วยและมากไปกว่านั้นมีการตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องดังกล่าว ที่มีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานกรรมาธิการฯ อีกด้วยซึ่งตนเองก็รอดูว่า มีข้อมูลในด้านใดบ้าง ซึ่ง สส. และ สว.ก็มีข้อมูลที่ไม่เท่ากัน

ดังนั้น การจะตัดสินใจไปทำประชามติ ต้องคิดให้รอบคอบ พร้อมตั้งข้อสังเกตหากมีการยกเลิก MOU ไปแล้วกัมพูชาอ้างว่า ไม่มีกลไกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย กัมพูชา หรือ JBC ฝ่ายกัมพูชาอาจใช้เหตุนี้อ้างไปยังศาลโลกได้ หากไม่มี MOU จะต้องมีสิ่งใดมาทดแทนหรือไม่ ซึ่ง MOU 44 ตนเองก็ยังคงกังวลใจการที่จะเอาผลประโยชน์ทางทะเลมาตกลงกัน ปนกัน ก็อาจจะมีปัญหาบางอย่าง

แต่โดยมีรายละเอียดหลายอย่าง ไม่ใช่จะมาบอกว่ารังสิมันต์ โรม หรือ สส.คนนั้นคนนี้จะตัดสินใจได้ทันที ถ้ามีข้อมูลไม่ครบถ้วนเรื่องนี้ไม่ใช่ง่าย แต่ขอย้ำจุดยืนของตนเองก็คือเอาข้อมูลมากลางยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญและจะเป็นการตัดสินใจของพวกเรา

ส่วนที่มีการมองว่าการทำประชามติ MOU 43 MOU 44 มีการหวังผลทางการเมืองอยู่ด้วยนั้น นายรังสิมันต์ โรมกล่าวว่า เป็นภาระที่นายอนุทินจะต้องอธิบาย พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีการเสนอให้จัดทำประชามติเรื่องนี้ดังนั้นจึงเป็นภาระของพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องอธิบายเรื่องนี้และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ดีและเป็นภาระของพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติไม่ให้ความลับของชาติตกอยู่ตกไปอยู่ในมือของฝ่าย

ส่วนจะมีการทำประชามติบวกกับการเลือกตั้งจะส่งผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า เรื่องความสับสนคงต้องหาทางแก้ไข ส่วนตนเองเอาเรื่องหลักๆมาพูดคุยกันนั่นคือเรื่องผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

"นายกฯ" เผยยกเลิก MOU 2543-2544 รอผลการศึกษา​ 

ขณะที่ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย​ กล่าวถึงสถานการณ์​ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ต้องทำงานคู่กันไปกับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องของการทูตและเรื่องการตั้งเงื่อนไข​ในจุดยืนของประเทศไทย​ ส่วนเรื่องของการดูแลอธิปไตยของไทย ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบกแล้ว​ ให้คำยืนยันกับทุกท่านในด้านการทหาร และเหล่าทัพไปว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่​ รวมถึงตำรวจด้วย​ เพราะมีภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งหากเหล่าทัพ​ ต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล จะดำเนินการด้วยความรวดเร็วทันที​ อย่างเต็มที่

เมื่อวานนี้ได้เร่งอนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพเพื่อปกป้องในชายแดน ของประเทศไทย ที่กำลังมีปัญหากับประเทศกัมพูชาอยู่ซึ่ง ผบ.ทบ.ให้คำมั่นกับตนว่า เราจะไม่เสียเปรียบ รักษาอธิปไตยของเรา และได้ทำในสิ่งที่เราต้องทำ และทำในสิ่งที่ประชาชนชาวไทย จะไม่ผิดหวัง

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยในเรื่องของ MOU 2543 - 2544 บ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สภาฯได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาแล้ว ส่วนจะทำประชามติถามประชาชนควรจะยกเลิกหรือไม่ มีขั้นตอนอยู่​ ยืนยันไม่ใช่การโยนภาระให้กับประชาชน แต่เรื่องอะไรก็ตาม​ที่มีความคิดแตกต่างกัน และไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน หากให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะมีหลังพิง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย

"แต่เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้ว​ รัฐบาลต้องนำมาพิจารณา​ ผมก็ขอสงวนสิทธิ์ไว้ว่า​ ถ้าดูแล้วไม่เป็นประโยชน์กับประเทศของเรา ผมย้ำนะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศของเรา วันนี้เราจะดูในเรื่องประโยชน์ ของประเทศไทยเท่านั้น เราเปลี่ยนท่าทีแล้ว เพราะสิ่งที่เขาปฏิบัติมา ก็ไม่มีอะไรที่เราจำเป็นต้องให้ความเกรงใจ ถ้าอะไรก็ตามไม่เป็นประโยชน์ ต่อประเทศไทย​ และถึงขั้นที่ว่ามีไป ก็ไม่เกิดค่าอะไร​ คณะรัฐมนตรีของผมก็พร้อมที่จะยกเลิก"

เมื่อถามว่ากัมพูชามีการกระทำแบบนี้​ ถือว่าเป็นภัยคุกคามหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องระวังตลอด ซึ่งทางกองทัพและตำรวจ มีข้อสรุปที่ชัดเจน จากประชุม 4 เหล่าทัพ ว่าจะดำรงสภาพนี้ ทั้งเรื่องของการเตรียมพร้อม เรื่องของจุดยืนจนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาหมดไปต่อประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ยึดถือกรอบนี้ เพื่อสนับสนุนข้อสรุปของฝ่ายความมั่นคงคือ 4 เหล่าทัพ

เมื่อถามว่า จากพฤติกรรมของกัมพูชาที่แสดงต่อโลก แบบหน้าไหว้หลังหลอก ยังจะเชื่อใจอะไรได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า​ จะไม่ต่อว่าประเทศเพื่อนบ้าน แค่ระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพื่อนบ้านจะมีพฤติกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะหลอกหรือไม่หลอก แต่ไทยมีความสามารถเพียงพอที่จะรู้ว่าจุดยืนอยู่ตรงไหน และเวลาใดที่เราควรจะตอบสนองการกระทำของเขาโดยวิธีใด ซึ่งเรื่องนี้ขอให้ความมั่นใจ

อ่านข่าว : "วินธัย" ปัดตอบยกเลิก MOU 43 หรือไม่-จ่อสร้างรั้วชายแดนจุดลอบเข้าเมือง

"อนุทิน" มองควรยกเลิก MOU กัมพูชา หากไทยไม่ได้ประโยชน์  

กองทัพไทยยืนยัน “บ้านหนองหญ้าแก้ว” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย