วันที่ 12 ต.ค.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ต้องการช่วย ไม่ใช่ทำร้ายจีน โดยโพสต์ข้อความผ่านทาง Truth Social และระบุว่า "ไม่ต้องกังวลเรื่องจีน ทุกอย่างจะเรียบร้อย ประธานาธิบดีสีที่น่าเคารพแค่ผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ ก็แค่นั้น ท่านไม่ต้องการให้ประเทศของท่านเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่ต่างกันกับผม"
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังจากวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 100% ทำให้กำแพงภาษีสินค้าจีนเพิ่มเป็น 130% โดยเริ่มมีผลวันที่ 1 พ.ย.นี้ จากที่ในปัจจุบันสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้าจีนอยู่ 30%
ตามมาตรการใหม่ สินค้าจีนที่เข้าไปในสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีสูงใกล้เคียงกับระดับ 145% ที่เคยถูกเรียกเก็บในช่วงต้นปี 2568 ก่อนที่สหรัฐฯ กับจีนจะตกลงลดภาษีระหว่างกันชั่วคราว โดยปัจจุบันสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 30% ส่วนจีนเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ 10%
คำสั่งของทรัมป์มีขึ้นเพื่อตอบโต้มาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์ทางการทหารหลายชนิด พร้อมขู่จะยกเลิกกำหนดการพบหารือกับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ที่เกาหลีใต้ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนท่าทีที่เบาลงของทรัมป์ เกิดขึ้นภายหลังวานนี้ (12 ต.ค.) กระทรวงพาณิชย์ของจีนส่งสัญญาณไม่ยอมอ่อนข้อต่อคำขู่ของทรัมป์ โดยระบุว่า พร้อมจะตอบโต้ และโจมตีว่าท่าทีของสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างของการกระทำแบบสองมาตรฐาน และยังระบุด้วยว่าการจำกัดการส่งออก ไม่ใช่การห้ามส่งออก
แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า จีนมีจุดยืนชัดเจนในประเด็นภาษี คือ ไม่ต้องการสงครามภาษี แต่ไม่ได้กลัว ซึ่งการขู่ขึ้นภาษีบ่อยครั้งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกับจีน ถือเป็นการส่งสารถึงทรัมป์ โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาแทนการข่มขู่
อ่านข่าว : สงครามการค้าระอุอีกรอบ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่ม 100% เริ่ม 1 พ.ย.นี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง: