ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิดแคตตาล็อกนวัตกรรมพร้อมใช้มหาวิทยาลัยทั่วอีสาน ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

สังคม
07:16
126
เปิดแคตตาล็อกนวัตกรรมพร้อมใช้มหาวิทยาลัยทั่วอีสาน ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

หนึ่งในการขยายผลจากกรอบการวิจัย การขยายผลวิจัยเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) เพื่อยกระดับรายได้ครัวเรือนและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก อันเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ จำนวน 11 แห่ง เครือข่ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจำนวน 3 แห่ง กลุ่มมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน 8 แห่ง จึงจัดงานมหกรรมเศรษฐกิจฐานราก:แก้จน ลดหนี้ เพิ่มรายได้ ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมปี 2568 หรืองาน "Apptech Matching Day 2025" เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2568 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี โดยจัดขึ้นอย่างครอบคลุมในทุกภูมิภาคต่อไป

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

ขยายผลเทคโนโลยีที่เหมาะสม นวัตกรรมพร้อมใช้

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงเป้าประสงค์หลักเพื่อเชื่อมโยงการประยุกต์ใช้และขยายผลเทคโนโลยีที่เหมาะสม นวัตกรรมพร้อมใช้ ซึ่งเป็นผลงานจากภูมิปัญญาคณาจารย์ นักวิจัยของเครือข่ายมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของกลุ่มคนจนฐานราก เกษตรกรรายย่อย กลุ่มอาชีพ ผู้ประกอบการในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสในการพัฒนาข้อเสนอโครงการที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการและสร้างการเปลี่ยนแปลง

ตลอดจนจัดการแก้ปัญหาคนจนลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี พร้อมทั้งยกระดับเศรษฐกิจฐานรากทั้งภาคชนบทและเมือง ให้พึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ภายใต้บริบทที่สอดคล้องกับภูมิสังคม และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยภายในงาน มีมหาวิทยาลัยในพื้นที่ทั่วภาคอีสานร่วมส่งผลงานเพื่อจัดแสดงนวัตกรรมพร้อมใช้กว่า 96 ผลงาน และผ่านการพิจารณาคัดเลือก 72 ผลงาน 

ดร.กิตติ ได้ตัวอย่างความหลากหลายบางส่วนของผลงานเทคโนโลยีที่เหมาะสมและนวัตกรรมพร้อมใช้ ที่ถูกจัดแสดงและสาธิตการใช้ประโยชน์จริงภายในงาน ครอบคลุมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ทั้งพืชไร่ พืชสวน รวมทั้งปศุสัตว์ ได้แก่เทคโนโลยีกรรมวิธีการผลิตข้าวฮางงอก โรงเรือนเลี้ยงไหมอัตโนมัติ เครื่องสแกนทุเรียน เตาเผาถ่านสุญญากาศและเครื่องควบแน่นน้ำส้มควันไม้ การผลิตหนอนแมลงโปรตีน ไก่โคราช เครื่องฉีกหมูฝอยแบบกึ่งอัตโนมัติ การผลิตลูกปลานิลแปลงเพศ

"เทคโนโลยีที่เหมาะสม และนวัตกรรมพร้อมใช้ ทั้งหมดที่คัดสรรไปจัดแสดงให้ชาวบ้านได้ชมและทดลองภายในงาน ล้วนเป็นผลงานที่ผ่านกระบวนการใช้งานจริงโดยชาวบ้านกลุ่มตัวอย่าง ในพื้นที่วิจัย และสามารถช่วยยกระดับคุณภาพ ยกระดับประสิทธิภาพผลผลิตได้จริง อีกทั้งยังช่วยยกระดับรายได้ครัวเรือนกลุ่มตัวอย่างให้สูงขึ้นโดยเฉลี่ยเดือนละ 5,000 บาท"

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายและผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย ได้แก่ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่ม YEC กลุ่มอาชีพ และเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ เครือข่ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานภาคีเครือข่าย และผู้สนใจทั่วไป รวมจำนวนทั้งสิ้น 721 คน เกิดการขับเคลื่อนและหนุนเสริมให้มหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ภาคอีสานประสานพลังและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนฐานรากทั้งระดับอาชีพครัวเรือน กลุ่มอาชีพ ธุรกิจชุมชน ท้องถิ่น เครือข่ายธุรกิจชุมชนและคลัสเตอร์อุตสาหกรรมในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครื่องปั้นดินด่านเกวียน จากนวัตกรรมเตาเผาเซรามิก LPG

"นวัตกรรมเตาเผาเซรามิกเชื้อเพลิงแก๊ส LPG" ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งคือหนึ่งในอาชีพสำคัญที่สืบทอดกันมายาวนานในชุมชน

เครื่องปั้นดินเผา ซึ่งต้องประสบปัญหาทางด้านความสามารถในการแข่งขัน ขายผลิตภัณฑ์ไม่ได้ราคา และมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ต้นตอหลักที่เป็นปัญหา คือขาดการพัฒนากระบวนการผลิต อีกทั้งขาดการพัฒนาเครื่องมือ ที่ได้มาตรฐานในการผลิต และที่สำคัญที่สุดคือการใช้เตาเผาแบบดั้งเดิมที่ไม่ได้คุณภาพ ควบคุมคุณภาพการผลิตไม่ได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ขาดคุณภาพไม่เป็นไปตามจุดประสงค์

ลักษณะเตาเผาแบบดั้งเดิมที่ใช้ฟืน ก่อให้เกิดปัญหาหลายด้าน ทั้งการควบคุมอุณหภูมิที่ไม่สม่ำเสมอ คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ไม่คงที่ เกิดของเสียจากการแตกร้าว และการปล่อยเขม่าควัน นอกจากนี้ การพึ่งพาฝากเผาในเตาขนาดใหญ่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนย้าย และบางครั้งผลิตภัณฑ์เกิดการแตกหักระหว่างขนย้าย รวมถึงและไม่สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างเต็มที่ สถานการณ์เหล่านี้ส่งผลทำให้ผลิตภัณฑ์ต้นทุนสูงขึ้น ขาดคุณภาพทำให้สินค้าราคาต่ำลง

ผศ.เด่น รักซ้อน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ผศ.เด่น รักซ้อน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ผศ.เด่น รักซ้อน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ผศ.เด่น รักซ้อน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า "นวัตกรรมเตาเผาเซรามิกเชื้อเพลิงแก๊ส LPG" มีคุณสมบัติเด่นคือเป็นเตาเผาขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายง่าย ประหยัดเชื้อเพลิง สามารถควบคุมอุณหภูมิได้สูงถึง 1,250 องศาเซลเซียส ด้วยเทคนิคการเผาที่หลากหลายได้ และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเตาฟืนแบบเดิม

การนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้ร่วมกับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการออกแบบและเทคนิคการผลิตที่เชื่อมโยงกับคุณภาพของเตาเผา จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ สร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชนได้อย่างยั่งยืน

งานวิจัยดังกล่าวนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและถ่ายทอดนวัตกรรมเตาเผาเซรามิกที่ใช้เชื้อเพลิงแก๊ส LPG ให้แก่ผู้ประกอบการเครื่องปั้นดินเผาในพื้นที่ 5 ตำบล (6 กลุ่ม) ได้แก่ 1) อ.เมือง ต.จอหอและสีมุม 2) อ.โชคชัย ต.ด่านเกวียน และ ท่าอ่าง 3) อ.หนองบุนมาก ต.สารภี 4) อ.เทพสถิต ต.โป่งนกรวม จ.ชัยภูมิ

ทั้งนี้ได้ดำเนินการผ่านการลงพื้นที่สำรวจความต้องการจริง การสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายระดับตำบล และการพัฒนา "นวัตกร" ในชุมชนให้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ยังได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 71 คน ส่งผลให้เกิดนวัตกรในชุมชน 17 คนที่สามารถทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ในการขยายผลองค์ความรู้

"ถ้าสร้างเตาแล้วขายให้ชุมชน แบบนี้จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชุมชนและผู้ประกอบการเลย แต่เป็นชุมชนและผู้ประกอบการมาสร้างด้วยกัน มาเรียนรู้สร้างเตาเผาด้วยกัน และนำไปประยุกต์และสนับสนุนให้คนในชุมชนใช้เตาแก๊ส"

เตาเผาที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงสามารถใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า โดยใช้แก๊ส LPG ในปริมาณเฉลี่ย 7.5 กิโลกรัมสำหรับการเผาที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส และ 9.85 กิโลกรัมสำหรับอุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียส สะท้อนถึงการลดต้นทุนการผลิตที่ชัดเจนและส่งผลต่อมูลค่าของราคาที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับคุณภาพ

และจากการคำนวณเรื่องงบประมาณหากเผาที่ 800 องศาเซลเซียส จะใช้งบประมาณกว่า 200 บาท/ครั้ง และถ้าเผาที่ 1,200 องศาเซลเซียส จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 309 บาท /ครั้ง

ขณะที่ผลทางด้านเศรษฐกิจพบว่าผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 36.80 ต่อเดือน โดยผู้ประกอบการมีกำไรสุทธิต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีปัญหาขาดทุนไปสู่การมีกำไรสุทธิระหว่าง 5,739 - 12,575 บาท

ปัญญา มรกต ผู้ประกอบการเซรามิก และ นวัตกร

ปัญญา มรกต ผู้ประกอบการเซรามิก และ นวัตกร

ปัญญา มรกต ผู้ประกอบการเซรามิก และ นวัตกร

นายปัญญา มรกต หรือ ตี๋ อายุ 27 ปี ผู้ประกอบการเซรามิก และนวัตกร ในพื้นที่ ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย ผู้ได้รับรางวัลชมเชยชุดอาหารจากดินด่านเกวียน ที่ใช้เตาเผาเซรามิก LPG ที่ได้แรงบันดาลใจจากความอุดมสมบูรณ์ขอเมืองโคราชในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และแมวศรีสวาด มาออกแบบ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า

จากเดิมที่ปั้นงานเสร็จต้องขนชิ้นงานไปฝากเผาที่ด่านเกวียน ผลิตภัณฑ์เสียหายจากการขนย้าย การเผาที่อุณหภูมิไม่เสมอทำให้ชิ้นงานออกมาไม่เรียบเนียน บางครั้งเนื้อดินยังดูดซึมน้ำ ไม่สามารถทำเทเบิลแวร์ หรือ อุปกรณ์ที่ใช้บนโต๊ะอาหารได้ หลังใช้เตาเผาเซรามิก LPG ชิ้นงานสามารถนำมาใช้งานได้จริง

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เตาเผาเซรามิก LPG เป็นการยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ซึ่งปัจจุบันวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งใน จ.นครราชสีมา และในกรุงเทพฯ และยังเปิดตลาดออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับผลิตภัณฑ์เน้นการดีไซน์ใหม่ๆ ที่เข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึงของประดับตกแต่ง นอกจากนี้ยังเปิดเวิร์กชอปในการเปิดสอนปั้นงานให้กับนักท่องเที่ยว และเด็กนักเรียนในพื้นที่

"ผำโคราช" ยกระดับผักพื้นบ้าน ให้เป็นผักเศรษฐกิจใหม่ มาตรฐานไทย มาตรฐานสากล

"ผำ" หรือ "ไข่น้ำ" เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจ ที่ได้รับความสนใจถูกมองเป็น อาหารแห่งอนาคต (Future Food) ด้วยจุดเด่น ย่อยและดูดซึมง่าย ใยอาหารสูง แคลอรี่และไขมันต่ำ ไขมันดีมีมากกว่าโปรตีนสัตว์ เหมาะสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ควบคุมค่าคอเลสเตอรอล ผู้ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยโปรตีนจากสัตว์ได้ กลุ่มผู้สูงวัยที่ต้องการโปรตีนเสริมมวลกล้ามเนื้อแต่ย่อยง่าย กลุ่มผู้มีปัญหาระบบขับถ่าย

ทั้งนี้ผำใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อาทิ อาหารคน อาหารเสริม อาหารสัตว์ ยา เวชสำอาง เชื้อเพลิงชีวภาพ

ผศ.ดร.อารักษ์ ธีรอำพน สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ผศ.ดร.อารักษ์ ธีรอำพน สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ผศ.ดร.อารักษ์ ธีรอำพน สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ผศ.ดร.อารักษ์ ธีรอำพน สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย ระบุว่า เริ่มทำการวิจัยผำตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งผำเป็นพืชที่ทานในท้องถิ่นแต่ไม่มีงานวิจัยรองรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพาะเลี้ยงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการเก็บเกี่ยว การเก็บรักษาและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยการวิจัยใน 5 ปีแรกก็ได้ข้อมูลเรื่องของสายพันธุ์ การเติบโตและพฤติกรรมปัจจัยในการเลี้ยงดู สำหรับ 5 ปีหลังเริ่มมีในเรื่องของ future food เรื่องของพืชในอนาคต และพืชทางเลือกที่เป็นอาหารใหม่ๆ ซึ่งผำก็เป็นหนึ่งในนั้น

จึงทำให้มีการวิจัยเชิงลึกและขยายผลมากขึ้น เป็นอุตสาหกรรมแต่ในขณะเดียวกันก็มองในเชิงของชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงในพื้นฐานเดิมอยู่ จึงเป็นการทำคู่ขนานระหว่างผำที่ใช้ในชุมชนกับผำที่จะมีการขยายเป็นเชิงอุตสาหกรรม เพื่อขยายผลให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้ครัวเรือนมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 60,000 บาท/ครัวเรือน/ปี 150 ครัวเรือน

และต้นแบบผลิตภัณฑ์ผำโคราช จำนวน 4 กลุ่มได้แก่ 1).ผำชุมชน 2).ผำซุปเปอร์ฟู๊ด 3).ผำอุตสาหกรรม และ 4).ผำอาหารสัตว์ ที่ต้องดำเนินการภายใต้ตัวระบบมาตรฐานและเทคโนโลยีที่จะนำไปถ่ายทอดดัดแปลง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการ

ผศ.ดร.อารักษ์ ยังกล่าวว่า "ผำโคราช – มาตรฐานไทย มาตรฐานสากล" ถือเป็นโครงการเกิดขึ้นจากความต้องการ ที่จะผลักดันให้เมืองโคราช เป็น "เมืองแห่งจักรวาลผำอุตสาหกรรม" เพื่อการส่งออก ภายใน 3 ปี โดยได้รับสนับสนุนทุนวิจัยและคำแนะนำปรึกษา จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

สุปรานี ชิตเจริญ ผู้ประกอบการเลี้ยงผำ

สุปรานี ชิตเจริญ ผู้ประกอบการเลี้ยงผำ

สุปรานี ชิตเจริญ ผู้ประกอบการเลี้ยงผำ

"คุณอ้อย" สุปรานี ชิตเจริญ หนึ่งในผู้ประกอบการเลี้ยงผำต้นแบบที่จะขยายผลเป็นอุตสาหกรรมในพื้นที่ ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เล่าว่าได้มีโอกาสไปอบรมกับทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และเริ่มสนใจเรื่องไข่ผำ ที่เป็นพืชลอยน้ำขนาดเล็ก ไม่มีใบ ไม่มีราก จึงจัดการด้านเขตกรรมได้ง่าย ใช้น้ำและปุ๋ยน้อย ศัตรูน้อย แตกหน่อเร็วใน 1-5 วัน อายุเก็บเกี่ยวสั้น 5-20 วัน รวมถึงเป็นอาหารโภชนาการสูง จึงเริ่มมีการเลี้ยงผำในโรงเรือนที่มีอยู่เดิมมาปรับปรุงใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ 7 บ่อ และกำลังจะขยายไปยังโรงเรือนที่ 2

โดยใช้นวัตกรรมของมหาลัยทั้งการควบคุมคุณภาพของน้ำ การใช้ปุ๋ยการปรับกรด ปรับค่าต่างๆ เพื่อให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเลี้ยง รวมถึงกระบวนการจัดการที่มีความเกี่ยวข้องกับมาตรฐานฟาร์ม เพื่อให้ได้ผำที่มีคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งผู้รับซื้อในรูปแบบ Contract Farming จะนำไปแปรรูปเป็นรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผำแห้ง ผงผำ ไอศกรีม นมอัดเม็ด และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ปัจจุบันสามารถผลิตผำสดอยู่ที่ 1.2-1.5 ตันต่อเดือน และขายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท

เราทำแบบต้องการคุณภาพเราจะทำคุณภาพ อยากได้มาตรฐานเราก็วิ่งไปหามาตรฐานตามรูปแบบ

อ่านข่าว :

"นิยาย" ครองแชมป์งานมหกรรมหนังสือฯ Gen Z พลังขับเคลื่อนหลัก

วิกฤตเด็กเกิดน้อย มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ชู “นมแม่” สร้างต้นทุนมนุษย์ของชาติ

"ขาดเงินออม-หนี้สิน" มูลเหตุหลักความยากจน บพท.เสนอ 10 แนวทางแก้ไข