โคมยี่เป็งหรือโคมล้านนา ถือเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านอันล้ำค่าและเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ประเพณียี่เป็งนั้นเป็นประเพณีเก่าแก่ของล้านนาที่มีการปฏิบัติกันมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 โดยคำว่า "ยี่" แปลว่า สอง ส่วน "เป็ง" แปลว่า เพ็ญ หรือคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองตามปฏิทินล้านนา และจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของปฏิทินไทยกลาง
ก่อนจะถึงวันเพ็ญเดือนยี่ ชาวล้านนาที่มีฝีมือเชิงช่างจะประดิษฐ์โคมในรูปทรงต่าง ๆ เพื่อเตรียมไว้สำหรับจุด "ผางประทีป" บูชา การจุดผางประทีปหรือที่ชาวล้านนาเรียกว่า "ต๋ามผางปะทีป" นี้ เป็นกิจกรรมสำคัญเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
สำนักสถาปัตยกรรม ให้ข้อมูลว่า การถวายโคมนี้นอกจากจะให้แสงสว่างในยามค่ำคืนแล้ว ยังเชื่อกันว่าจะนำมาซึ่งความสว่างไสว ความเจริญรุ่งเรือง ความสุข และแสงแห่งสติปัญญามาสู่เจ้าของบ้านและคนในครอบครัว โดยเปรียบเสมือนแสงทางส่องชีวิตและต่ออายุของผู้ถวายโคม และยังมีความเชื่อว่า หากเกิดมาชาติหน้าจะเป็นบุคคลที่มีความฉลาดเฉลียว ดุจแสงเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงท่ามกลางความมืดมิด
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
วัตถุประสงค์อันเป็นหัวใจหลักของโคมแขวนในล้านนา คือการทำหน้าที่ "กำบังลม" เพื่อไม่ให้ไฟจากผางประทีปที่จุดบูชาดับลง ด้วยเหตุนี้เอง การสร้างสรรค์โคมของคนล้านนาจึงกลายเป็นงานศิลปะที่หลากหลายตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละท้องถิ่น เราจึงเห็นโคมหลายรูปแบบ เช่น โคมดาว โคมไห โคมกระบอก หรือ โคมเงี้ยว (โคมเพชร) แต่หากถามถึงโคมโบราณที่ได้รับความนิยมและพบเห็นทั่วไปมากที่สุดในล้านนา คงต้องยกให้ "โคมรังมดส้ม"
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
"โคมฮังมดส้ม" โคมแปดเหลี่ยมที่ซ่อนความหมายแห่งธรรม
โคมรังมดแดง หรือที่ชาวเหนือมักเรียกด้วยสำเนียงท้องถิ่นว่า โกมฮังมดส้ม เพราะรูปทรงละม้ายคล้ายคลึงกับรังของมดส้มหรือมดแดง โคมชนิดนี้มีชื่อเรียกอื่นอีกหลายชื่อ เช่น โคมเสมาธรรมจักร หรือ โคมธรรมจักร ซึ่งชื่อ "ธรรมจักร" ก็มาจากการที่โคมมีรูปทรงเป็นแปดเหลี่ยมนั้นเอง บางท้องที่เรียก "โคมแปดเหลี่ยม" บทความเรื่อง โคมยี่เป็ง คุณค่าจากความเชื่อ สู่การขับเคลื่อนเทศกาลร่วมสมัย กล่าวว่า จังหวัดลำปาง ก็มีการเรียกโคมชนิดนี้ว่า "โคมบะฟัก" หรือ "โคมลูกฟัก" เนื่องจากมีลักษณะคล้ายลูกฟัก
รูปทรงแปดเหลี่ยมของโคมธรรมจักรนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ แต่มีความหมายทางพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง โดยสื่อถึง "อริยมรรคมีองค์ 8" หรือมรรคมีองค์แปด ซึ่งเป็นหนทางอันนำไปสู่ความรู้แจ้งในธรรมและนำไปสู่ความหลุดพ้น การเชื่อมโยงนี้ทำให้การถวายโคมธรรมจักรเป็นพุทธบูชา จึงเปรียบเสมือนได้ถวายความศรัทธาต่อหลักธรรมสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปด้วย
นอกจากจะใช้บูชาตามวัดวาอารามแล้ว ชาวล้านนายังนิยมแขวนโคมธรรมจักรไว้ตามอาคารบ้านเรือน เพื่อบูชาเทพารักษ์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้คุ้มครองบ้านเรือนและครอบครัวอีกด้วย
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ประดิษฐ์โคมฮังมดส้ม ความประณีตจากไม้ไผ่และกระดาษสา
สำหรับการประดิษฐ์โคมฮังมดส้มนั้น แสดงถึงความละเอียดอ่อนของช่างพื้นบ้าน วัสดุหลักคือ "ไม้ไผ่เฮียะ" ซึ่งถูกนำมาเหลาให้เป็นเส้นบาง ๆ โดยมีความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร และหนาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ช่างจะนำไม้ไผ่มาดัดและหักขึ้นโครงเป็นรูปทรงหลายเหลี่ยม เช่น 16 หรือ 24 เหลี่ยม หรือตามที่ต้องการ ก่อนจะผูกด้วยด้ายให้แน่น เมื่อโครงเสร็จสมบูรณ์ จะมีการทำหูโคมให้เป็นรูปสามเหลี่ยม
ขั้นตอนประดิษฐ์โคม ที่มา : ศูนย์สนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขั้นตอนประดิษฐ์โคม ที่มา : ศูนย์สนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขั้นตอนสำคัญคือการปิดกระดาษรอบโครง โดยนิยมใช้กระดาษสา หรือ กระดาษแก้วหลากสี แต่ต้องเว้นส่วนบนไว้ เพื่อเป็นช่องสำหรับใส่ผางประทีป และเพื่อให้มีอากาศถ่ายเทเข้ามาในตัวโคม การตกแต่งลวดลายมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยจะใช้กระดาษสีเงิน สีทอง หรือสีอื่น ๆ ตัดเป็นลวดลายล้านนา เช่น ลายดอกก๋ากอก (ลายประจำยาม) หรือ ลายตะวัน(พระอาทิตย์) ก่อนจะติด "หางโคม" เพื่อเพิ่มความงดงาม หากเลือกใช้กระดาษแก้วสีสดใส อาจไม่นิยมประดับด้วยลวดลายฉลุมากนัก
ปัจจุบัน หมู่บ้านที่ถือเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายโคมที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือคือ "บ้านเมืองสาตร" ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าภูมิปัญญาการทำโคมนี้ยังคงสืบทอดอย่างมั่นคง
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
"โคมแอว" ขยายความงามต่อเนื่องจากโคมรังมดส้ม
นอกจากโคมฮังมดส้มแบบเดี่ยวแล้ว ยังมีการต่อยอดรูปทรงให้ยิ่งใหญ่และวิจิตรขึ้นไปอีก นั่นคือ "โคมแอว" คำว่า แอว ในภาษาล้านนา แปลว่า เอว
โคมแอวมีลักษณะพิเศษคือการนำโคมฮังมดส้ม มาต่อกันเป็นสายตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป บางครั้งมีความยาวตั้งแต่ 1 - 5 เมตร ส่วนที่เรียกว่าแอว หรือเอว ก็คือบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างโคมแต่ละลูกนั่นเอง โคมแอวมักนิยมใช้แขวนกับค้างไม้ไผ่ (เสาสำหรับแขวนโคม) ที่มีความยาว หรือตั้งกับพื้นเพื่อประดับตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ
มีหลักฐานปรากฏว่ามีการใช้โคมแอวมาแต่โบราณ เช่น บนจิตรกรรมฝาผนังวัดปราสาท จ.เชียงใหม่ ที่มีภาพโคมแอว 2 ชั้น ใช้บูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ซึ่งแสดงถึงความผูกพันกับความเชื่อในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนสรวงสวรรค์ของชาวล้านนา
โคมแอว ที่มา : ศูนย์สนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โคมแอว ที่มา : ศูนย์สนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คุณค่าเหนือกาลเวลา ต่อยอดสู่เทศกาลร่วมสมัย
ในยุคปัจจุบัน โคมยี่เป็งไม่ได้เป็นเพียงเครื่องสักการะถวายตามพิธีกรรมเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ในการตกแต่งประดับเมืองอย่างแพร่หลาย เพื่อสร้างบรรยากาศที่งดงามและต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล โคมล้านนาจึงเริ่มมีการนำไปใช้ประดับในโรงแรม อาคารสถานที่ต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการ หรือสวนสาธารณะ
ความนิยมของโคมแขวนเหล่านี้ถูกต่อยอดให้เกิดเทศกาลใหญ่ โดยเฉพาะที่ จ.ลำพูน ได้มีการนำโคมยี่เป็งมาจัดทำเป็นเทศกาลขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "เทศกาลโคมแสนดวง" ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ที่ต่อยอดจากความเชื่อและภูมิปัญญาดั้งเดิม การจัดเทศกาลเช่นนี้ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชน ทั้งจากการประดิษฐ์และจำหน่ายโคม และจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการปล่อยโคมลอย
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
โคมแขวนอย่างโคมฮังมดส้มจึงเป็นทางเลือกที่งดงาม ปลอดภัย และมีคุณค่าในการสืบสานศรัทธาและสร้างมูลค่าจากทุนทางวัฒนธรรมของชาวล้านนาได้อย่างแท้จริง
ที่มา : sdnthailand, สำนักสถาปัตยกรรม, พุทธศิลปกรรม, ศูนย์สนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อ่านข่าวอื่น :
ททท.ปรับกิจกรรม ต.ค.-พ.ย.68 แสดงความเคารพ "สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง"
"คนละครึ่งพลัส" ใช้วันแรก "อัยรินทร์" คาดเงินสะพัด 8.8 หมื่นล้านทั่วประเทศ











