วันนี้ (8 พ.ย.2568) CNN รายงานพายุไต้ฝุ่นลูกใหม่ชื่อฟุงหว่อง (Fung-wong) หรือชื่อท้องถิ่นว่า อูวาน (Uwan) กำลังก่อตัวเป็นภัยคุกคามรอบใหม่ต่อฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งฟื้นตัวจากพายุลูกก่อนหน้า "คัลแมกี" โดยฟุงหว่องจะเป็นพายุลูกที่ 2 ในรอบสัปดาห์ ชาวบ้านในเส้นทางพายุได้รับคำเตือนให้อพยพหนีลมพายุและคลื่นทะเลที่อาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน นักพยากรณ์อากาศเตือนว่าฟุงหว่องอาจเสริมพลังกลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นก่อนพัดขึ้นฝั่งชายฝั่งตะวันออกในวันอาทิตย์นี้ (9 พ.ย.)
เบนิสัน เอสตาเรจา นักพยากรณ์จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติฟิลิปปินส์ (PAGASA) เปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า วงหมุนเวียนขนาดมหึมาของฟุงหว่อง ซึ่งกว้างถึง 1,500 กิโลเมตร กำลังโหมกระหน่ำบางส่วนของฟิลิปปินส์ด้วยฝนตกหนักและลมแรง โดยสามารถครอบคลุมเกือบทั้งประเทศได้
เช้าวันนี้ (8 พ.ย.) พายุฟุงหว่องเคลื่อนตัวข้ามทะเลฟิลิปปินส์ด้วยความเร็วลมคงที่ 140 กม./ชม. และลมกระโชกสูงสุดถึง 170 กม./ชม. PAGASA ออกคำเตือนเร่งด่วนให้ชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำและชายฝั่งอพยพไปยังที่สูง และสั่งหยุดกิจกรรมทางทะเลทั้งหมด เนื่องจากคาดการณ์ลมพายุรุนแรงและคลื่นซัดทำลายล้างในเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดและเป็นที่ตั้งเมืองหลวงมะนิลา รวมถึงหมู่เกาะวิซายัสและเกาะซิอาร์กาโว ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งการเล่นเซิร์ฟของประเทศ
หลายสายการบิน รวมถึงฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ ได้ยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก ตามรายงานของสำนักงานการบินพลเรือนฟิลิปปินส์ หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาได้อัปเกรดสถานะของฟุงหว่องเป็นไต้ฝุ่นเมื่อคืนวันศุกร์ (7 พ.ย.) เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากลดสถานะของคัลแมกีลง
ฟิลิปปินส์ซึ่งคุ้นเคยกับพายุไต้ฝุ่นเป็นอย่างดี เผชิญพายุที่มีชื่อเรียกถึง 21 ลูกในปีนี้ โดยไม่มีช่วงหยุดพักให้โล่งใจเลย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุ
มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเป็นแหล่งกำเนิดพายุเขตร้อนที่เกิดบ่อยที่สุดบนโลก แต่ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิมหาสมุทรทำสถิติสูงสุดทุกปี มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์ก่อ ให้พลังงานมหาศาลแก่พายุในการเสริมความแรง วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังเร่งปฏิกิริยาฝนตกหนัก เนื่องจากอากาศอุ่นสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น ก่อนจะเทลงสู่เมืองและชุมชน ดังที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉนีสัปดาห์นี้
ฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับฤดูพายุที่ยาวนานและรุนแรงยิ่งขึ้น โดยหน่วยงานกู้ภัยเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกคัลแมกีทำลาย ขณะที่ชาวบ้านเตรียมรับมือฟุงหว่องด้วยความหวาดกลัว รัฐบาลเรียกร้องความช่วยเหลือระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างระบบเตือนภัยและโครงสร้างพื้นฐานป้องกันภัย
"ฟุงหว่อง" ขึ้นเหนือ ไม่กระทบไทยโดยตรง
ตามการคาดการณ์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติฟิลิปปินส์ ศูนย์กลางพายุลูกนี้อยู่บริเวณทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก โดยคาดว่าจะพัดผ่านเกาะลูซอนทางตอนเหนือ ซึ่งอาจทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงมะนิลา หลังจากนั้นพายุจะเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ตอนเหนือ และมีแนวโน้มมุ่งหน้าสู่เกาะไหหลำหรือชายฝั่งตอนใต้ของจีน ก่อนอ่อนกำลังลงเมื่อเข้าใกล้แผ่นดินใหญ่ของจีนตอนใต้ ซึ่งอาจส่งผลให้เวียดนามตอนเหนือและลาวตอนบนมีฝนตกหนักตามมาในช่วงวันที่ 10–11 พ.ย.2568
แม้ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุฟุงหว่อง แต่จะมีอิทธิพลทางอ้อม โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้และอ่าวไทยที่คาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและคลื่นลมแรงขึ้นในช่วงวันที่ 9–12 พ.ย. เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นตามอิทธิพลของพายุที่เคลื่อนตัวใกล้พื้นที่ สอดคล้องกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) และเวียดนาม (NCHMF) ยังประเมินตรงกันว่าพายุจะอ่อนกำลังลงก่อนขึ้นฝั่งจีน ซึ่งทำให้เส้นทางของพายุครั้งนี้น่าจะสิ้นสุดลงบริเวณชายฝั่งตอนใต้ของจีนโดยไม่พัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับรุนแรง
อ่านข่าวอื่น :
โลกร้อน-อาหารหมด กระทบ "หมีญี่ปุ่น" ออกจากป่าบุกชุมชนเพราะหิวโซ











