ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

5 ที่สุด ความเจ็บปวด แมลงเม่าหุ้นไทย

เศรษฐกิจ
19:24
1,320
5 ที่สุด ความเจ็บปวด แมลงเม่าหุ้นไทย

แมลงเม่า บินเข้ากองไฟ มักถูกเปรียบเปรย ถึงพฤติกรรมและชะตากรรม “ผู้ลงทุนรายย่อย” ในตลาดหุ้นไทย ... ปี 2568 เป็นอีกปี ที่ตลาดหุ้นไทย สร้างตำนาน ฝากความทรงจำอันแสนเจ็บปวดให้กับผู้ลงทุน

อันดับ 1 : BCP...อายัดสอบฟอก "ทุนเทา"

“บางจาก” เป็นหุ้นปันผลดีตัวหนึ่ง ที่นักลงทุนรายใหญ่-รายย่อย ชื่นชอบ หาจังหวะเข้าลงทุนเสมอ...... แต่เมื่อกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้า ออกเสียงเตือน ผู้ประกันตน ถึงความไม่ชอบมาพากล กลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวตน พยายาม เข้าซื้อ บางจาก ผ่านการถือหุ้นโดยนอมินี ที่ซับซ้อน

กระทั่ง 3 ธ.ค.2568 ปปง.ประกาศคำสั่ง อายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ และคณะบุคคล ยิมเลียก เบนสมิธ โดย BCP เป็นสินทรัพย์หนึ่ง ที่ถูก ปปง. อายัด มูลค่า 6,000 ล้านบาท เป็นเวลา 90 วัน จากนั้น นายณัฐกร อธิธนาวานิช ผู้แทนจากกลุ่มอัลฟ่าฯ ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญหนึ่งที่เคยถูกตั้งข้อสังเกต ก็ถูกระงับอำนาจลงนามในบริษัท

แต่ที่น่าปวดใจคือ การพบพฤติการณ์ การขายหุ้น ก่อน ปปง. ออกคำสั่ง เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท

ไทยพีบีเอส ได้สอบถามไปยัง ก.ล.ต. ถึงการตรวจสอบข้อพิรุธ กรณี อินไซเดอร์ แต่ไร้คำตอบ ตลอดจน ความคืบหน้าตรวจสอบ 7 บริษัทหลักทรัพย์ ที่อาจเชื่อมโยงกับ กลุ่มทุนสแกมเมอร์ .. แต่ผู้บริหาร ก.ล.ต. ได้แต่ อ้างว่า ไม่

สามารถเปิดเผยความคืบหน้า ระบุรายกรณีหุ้นได้ เนื่องจากการตรวจสอบยังไม่สิ้นสุด เพียงแต่รับปากว่า "คดีนี้ ตรวจสอบจบที่ใคร เส้นไหน ก็จะเอาผิด กล่าวโทษ โดยไม่รอให้ทั้งคดีจบ"

การอายัดหุ้น BCP อาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหา สแกมเมอร์ เข้ามาพักทุน รอฟอกเงินผ่านตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ ยังตัวละครหลายคน ที่เลือกหลบหลังฉาก มีเพียง นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.กระทรวงการคลัง ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

ได้แต่ปล่อยให้ สื่อมวลชน ร้องหาจริยธรรม และความสง่างามในการรับผิดชอบ ภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทย และการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

อันดับ 2 THG...ปีศาจในคราบนักบุญ

คดีนี้ ต้องแยกต่างกรรม ต่างวาระ แต่คดีตลาดหุ้นจริงๆ น่าจะจบ ที่ปี 2568 หลัง ก.ล.ต. เพิ่งกล่าวโทษ "หมอบุญ" นายแพทย์บุญ วนาสิน อดีตประธานกรรมการ และเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด พร้อมพวก รวม 14 ราย มีความผิดคดีปั่นหุ้น THG จากพฤติกรรมการซื้อขาย ระหว่างวันที่ 18 ก.พ.2565 ถึง 28 ส.ค.2566 รวม 369 วันการทำการ

หลังพบพฤติกรรมซื้อขาย ในลักษณะดันราคา ส่งคำเสนอซื้อหลายระดับราคา ในลักษณะขัดขวาง ทำให้ ผู้ลงทุนอื่น ต้องเคาะราคาซื้อสูงขึ้น รวมถึง จับคู่ซื้อขายระหว่างกัน ทำให้ บุคคลทั่วไป เกิดความเข้าใจผิด เกี่ยวกับราคาหรือปริมาณซื้อขายหุ้น

ถือเป็นพฤติกรรมความผิดต่อเนื่องจากการสร้างข่าวและเผยแพร่ข่าวปลอม เกี่ยวกับได้สัญญาเป็นตัวแทนนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ (ไฟเซอร์ทิพย์) รับมือการระบาดโควิด-19 ในปี 2564 โดย ขณะนั้น ก.ล.ต. ปรับเป็นเงิน 2,348,834 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 42 เดือน

ก่อนหน้านี้ หมอบุญ ถูกกล่าวโทษ กรณี ให้ข่าวต่อสื่อมวลชน อันเป็นเท็จว่า "ไม่เคยนำหุ้น THG ไปจำนำ หรือ กู้เพื่อขอสินเชื่อทั้งในและนอกตลาด อีกทั้ง ยังปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้ และครอบครัว เพื่อทำธุรกรรมกู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคดีฉ้อโกง

คดีหลอกลงทุน ... ที่อาศัยความน่าเชื่อถือ ในฐานะแพทย์ผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ ชักชวนนักธุรกิจ ประชาชน ร่วมลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ด้านสุขภาพสมัยใหม่ โดยเสนอผลตอบแทนสูง มีการออกเช็กค้ำประกัน แต่สุดท้าย เช็คเด้ง โป๊ะแตก มีผู้เสียหายกว่า 240 คน คิดเป็นเงิน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท

โดยตำรวจ ออกหมายจับ หมอบุญ ตั้งแต่ ปลายปี 2567 จนถึงขณะนี้ อยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กระทั่งสิ้นปี 2568 แล้ว...ยังไร้ความคืบหน้า ติดตามตัวหมอบุญ มารับโทษตามกฎหมาย ขณะที่ ราคาหุ้น จากเคยเคลื่อนไหว ที่ 33 บาท เหลือเพียง 8.40 บาท (29 ธ.ค.2568)

อันดับ 3 : JKN...จากจักรวาลสู่เม็กซิโก

เป็นอีกคดี ที่นักลงทุนรายย่อย "เจ็บใจ" เพราะ หน่วยงานกำกับดูแล ปล่อยให้ ผู้บริหารลอยนวล หนีออกจากต่างประเทศ อีกครั้ง

โดยมีข่าว สะพัดว่า "แอน จักรพงษ์" หลบหนีไปเม็กซิโก พร้อมเงินมูลค่า 6,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

แต่ ก.ล.ต.เพิ่งกล่าวโทษ พร้อมอายัดทรัพย์ และห้ามออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

ขณะที่ ศาลอุทธรณ์ จะยกคำร้องฟื้นฟูกิจการ เพราะ เห็นชัดแล้วว่า บริษัท ล้มเหลวในการบริหาร และขาดธรรมาภิบาล และยังสั่งจำคุก 2 ปี "แอน จักรพงษ์" โดยไม่รอลงอาญา

27 ธ.ค 2568 หุ้น JKN ถูกเพิกถอนออกจาก ตลาดหลักทรัพย์ไทย อย่างเป็นทางการ

หลังบริษัท ไม่สามารถ ชี้แจงงบการเงิน ปี 2566 ได้ ทั้งที่ ก.ล.ต.ขยายเวลา ให้โอกาสมาแล้วหลายครั้ง

อาจจะเป็นเพราะหนีความจริงไม่ได้ โดย ก.ล.ต. สรุปความเสียหาย ประมาณ 714.23 ล้านบาท จากพฤติกรรมตบแต่งบัญชี ซื้อขายคอนเทนส์ทิพย์ และนำเงินบริษัทไปใช้โดยมิชอบ

ไม่รวมคดีอินไซเดอร์ และการให้ผู้บริหารยืมเงินบริษัท 300 ล้านบาท ผิดนัดชำระหุ้นกู้ 609 ล้านบาท และลักลอบขายหุ้น JKN Legacy ที่ถือลิขสิทธิ์ Miss Universe ให้ "ราอูล"อย่างลับๆ ตอกย้ำ วิกฤต CG ผู้บริหารตลาดทุนเต็มๆ

การเพิกถอน JKN ออกจาก SET ...ดูเหมือนปิดฉาก เอาหุ้นเน่า ออกจากตลาดฯ แต่ทิ้งบาดแผล และความเจ็บปวดผู้ลงทุน ที่ต้องเรียก เพราะเงินออมเงินเกษียณ ที่ลงทุนไปกับหุ้นกู้บริษัท อีกกี่ปีจะได้คืน

...ดูคดี STARK เป็นตัวอย่าง ขนาดเป็นคดีทุจริตตบแต่งบัญชีใหญ่ที่สุด 3 หมื่นล้านบาท ผู้เสียหาย 3,417 ราย ยื่นขอชำระหนี้ รวม 1.31 แสนล้านบาท

จนถึงตอนนี้ 2 ปีแล้ว ที่ผู้ลงทุนรายย่อย ยังต้องสู้คดี class action ด้วยลำแข้ง อยู่ระหว่าง "รอคิวรับส่วนแบ่ง" จากทรัพย์ที่ยึดมาได้ ขณะที่ "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" ย้ายสถานที่คุมขัง เพื่อเข้ารับการรักษา ด้วยอาการ อัณฑะบวม ณ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่า นาย วนรัชต์ กลับเข้าทัณฑสถานเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือไม่

อันดับ 4 : MORE...ยูเทิร์น!?

เกือบ.....เป็นคดีตัวอย่าง เชิดหน้าชูตา ตลาดทุนไทย หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สอดประสาน ความร่วมมือ เจอพิรุธ ระงับความเสียหายได้อย่างฉับไวทันสถานการณ์

โดยคดี อุบัติขึ้นในปี 2565 ผู้ต้องหา 42 ราย ร่วมกันปั่นหุ้น ฉ้อโกง อั้งยี้

นับเป็นคดีที่ ก.ล.ต. ทำงานเร็วที่สุด คดีหนึ่ง ... พอทุกคน เริ่มจะลืมคดีนี้ เริ่มเห็นความแปลกในคดี โดยในช่วงเดือน ก.ย.2568 มีการยื่นขอประกันตัวจำเลย 4 ราย นอกเวลาราชการ เกิดข้อพิพาทถึงความไม่ชอบมาพากลปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยทั้ง 4 คน โดยสำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวว่า 1 ใน 4 เป็นลูกชายตำรวจใหญ่ และเคยพัวพันคดีเสียชีวิตอดีตดาราสาว ทั้งที่ ความเสียหายคดี กว่า 4,500 ล้านบาท

และดูเหมือนความผิดปกตินี้จะมีมูล หลังนายอดิศักดิ์ ตันติวงศ์ ประธานศาลฎีกา ออกคำสั่งให้ 2 ตุลาการ ไปช่วยราชการ เพื่อสอบสวนเรื่องการปล่อยตัว แต่ก็ตอกย้ำความรู้สึก นับวัน ผู้ลงทุน จะขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ กระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย มิเช่นนั้น เราจะได้เห็น คดีพลิกกลับ เหมือนการยูเทิร์นกลับเช่นนี้หรือ และเป็นอีกคดี ที่ผู้ต้องหาหลัก "อภิมุข บำรงวงศ์" ยังคงหลบหนีหมายจับ

อันดับ 5 : THAI : การบินไทย ...รักคุณเท่าใคร

การบินไทย น่าจะได้รับการยกย่อง หุ้นนักสู้ของปี จาก "สายการบินแห่งชาติ" ดำดิ่งสู่บริษัทล้มละลาย ด้วย หนี้ล้นพ้นตัว กว่า 2.4 แสนล้านบาท เพราะ ปัญหาธรรมาภิบาล ถูกการเมืองแทรกแซง จนเกิดความผิดพลาดในการบริหาร และถูกตอกฝาโลงด้วยวิกฤตโควิด-19

กระทรวงการคลัง ลดการถือหุ้น เพื่อให้ การบินไทย พ้นสถานะรัฐวิสาหกิจ เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการฯ

การบินไทย ใช้เวลา 4 ปี กอบกู้บริษัท กลับเข้าซื้อขายตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 4 ส.ค.2568 เปิดตัวที่ ราคา 10.50 บาท

วันนี้ (29 ธ.ค.2568) ราคาหุ้นการบินไทย ติด floor ปิดที่ 7.40 บาท

จากหุ้นยอดนักสู้ โกงความตายมาได้ กลับเริ่มเกิดความกังวล การบินไทย จะกลับไปวังวนเดิมอีกหรือไม่

เนื่องจาก นักลงทุน ทยอยรินขายหุ้นตัวนี้ ตั้งแต่เริ่มปรากฏข่าวความเห็นไม่ตรงกัน ระหว่าง บอร์ดชุดใหม่ โดยปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กับ คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูชุดเดิม เพราะ ยังไม่สามารถ หาจุดร่วม สงวนจุดต่าง เกิดรอยร้าว เขย่าขวัญผู้ลงทุนอย่างเนืองๆ ตั้งแต่ สเปคการจัดหาฝูงบิน, การเพิ่มกรรมการบอร์ด จาก 11 เป็น 15 คน ท่ามกลางเสียงอื้ออึงถึงผู้มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม

แม้การบินไทย หลุดพ้นจากรัฐวิสาหกิจ แต่กระทรวงการคลัง และพันธมิตร ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ ผู้ถือหุ้นบางส่วน ไม่สบายใจ ฟ้องศาลระงับมติประชุมผู้ถือหุ้นสามัญ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2568

ยังไม่ทันสรุปใครผิดใครถูก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ย่อมกระทบโอกาสการทำธุรกิจ ในภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินที่กำลังดุเดือด ประกอบกับ ก.พ.2569 จะถึงเวลาปลดล็อกให้ขายหุ้นได้ ....นั่นคือระเบิดเวลาสำคัญของหุ้นนักสู้อย่างการบินไทย จะรับมือกับวิกฤตเชื่อมั่นผู้ลงทุนอย่างไร

ปี 2568 เรียกได้อย่างเต็มปากว่า หุ้นไทย Underperform เมื่อเทียบกับ ตลาดหุ้นหลักและอาเซียน

จน MSCI และ FTSE ลดน้ำหนักการลงทุน เพราะจีดีพีโตต่ำ , การเมืองไม่แน่นอน , หุ้นอุตสาหกรรมเก่า

โดยผลตอบแทน จากต้นปี ถึง เดือนธ.ค.2568 SET INDEX -10.57% เมื่อเทียบกับ ตลาดหุ้นเวียดนาม + 30.44% , จีน (A-share) +18.36% , ฮ่องกง +28.75% สหรัฐฯ (S&P500) + 17.82%

แม้ผลตอบแทนด้านราคาไม่โดดเด่น แต่หุ้นไทย กลับให้ปันผล ประมาณ 3.76-4.03 % สูงกว่าค่าเฉลี่ยเอเชีย 2.96 -3.27 % อีกทั้ง ราคายังถูก หรือ Forward P/E 12.2 เท่า เมื่อเทียบกับ หุ้นเอเชีย 14.6เท่า

ปี 2569 ....เราได้แต่หวังว่า การเลือกตั้งและรัฐบาลใหม่ จะกลับมาปลุกเศรษฐกิจไทยให้คึกคักรับปีม้า และ สารพัดมาตรการฟื้นความเชื่อมั่น จะเห็นดอกเสียที

วิเคราะห์โดย : พรรณทิภา ภัทรวรเมธ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส

อ่านข่าว :

ครม.อนุมัติหลักการนำเข้า "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ต้องมีใบรับรองปลอดเผา เริ่ม 1 ม.ค.69

12 ฉายาคนกีฬา 2568 "ก้องศักด" รับจบทุกดรามา - ส.ฟุตบอล "เดอะแบก"

เริ่มปีใหม่ด้วยยุคดิจิทัล "เดนมาร์ก" ชาติแรกของโลกยุติการส่งจดหมายกระดาษ