บทสรุป 10 พรรคการเมืองโชว์วิชัน งานดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 เลือกอนาคตประเทศไทย โดยไทยพีบีเอส


เลือกตั้ง 66

21 เม.ย. 66

Thai PBS Digital Media

Logo Thai PBS
บทสรุป 10 พรรคการเมืองโชว์วิชัน งานดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 เลือกอนาคตประเทศไทย โดยไทยพีบีเอส

ไทยพีบีเอส จัดดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 เลือกอนาคตประเทศไทย เชิญแคนดิเดตและตัวแทนจาก 10 พรรคการเมืองมาแสดงวิสัยทัศน์ นำเสนอนโยบาย และดีเบต ณ ไทยพีบีเอส วันศุกร์ที่ 21 เม.ย. 66 เวลา 18.00 – 20.30 น. 

งานแบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 

ช่วงที่ 1 แสดงวิสัยทัศน์ รู้ประเด็น เห็นทางออก “หากได้เป็นรัฐบาล ภายใน 6 เดือน สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เร็วที่สุด”   

ไทยพีบีเอส จัดดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 เลือกอนาคตประเทศไทย

ภูมิใจไทย พักหนี้ 3 ปี ปลอดต้น ปลอดดอก ใน 6 เดือนแรก

เริ่มที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราเน้นเรื่องคุณภาพชีวิต และปัญหาปากท้องประชาชนเป็นหลัก 6 เดือนแรก ถ้าเรากลับไปเป็นรัฐบาล สิ่งที่จะทำก็คือ จะเร่งแก้ปัญหาจากความเสียหายของพี่น้องประชาชน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จะพักหนี้ 3 ปี ปลอดต้น ปลอดดอก และไปจ่ายปีที่ 4

ประการที่ 2 ที่มาของเงินจะมาจากการออกพันธบัตรต่าง ๆ ไปเจรจาตั้งกองทุนเพื่อซื้อหนี้สินในการดูแลดอกเบี้ยช่วง 3 ปี ต่อไป เราต้องการให้พี่น้องประชาชนมีความสามารถในการสร้างตัวเอง ให้คนไทยได้กู้ 50,000 บาท แล้วก็ไม่ต้องมีใครค้ำประกัน หลังผ่านไป 30 วัน ก็เริ่มชำระคืน เป็นเวลา 1 ปี ดอกเบี้ยอยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว เป็นการที่จะทำให้คนไทยสร้างเนื้อสร้างตัวอีกครั้งหนึ่ง และมีเงินหมุนเวียนในการสร้างรายได้ให้ตัวเองกลับคืนมา

และสุดท้าย จะลดความกังวลของคนไทยทุกคน คนไทยทุกคนต้องมีมรดกให้ลูกหลาน จะออกกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับคนไทยทุกคนที่เข้าสู่วัยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อสิ้นอายุขัย ทายาทจะได้ 100,000 บาท แล้วใน 100,000 บาท คนที่เป็นเจ้าของกรมธรรม์จะสามารถมาใช้ได้หมุนเวียนจับจ่ายใช้สอย 20,000 บาท โดยที่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เหล่านั้น

อันนี้คือ 6 เดือนแรก ถ้าเป็นรัฐบาล แต่ถ้าเป็นนายกฯ จะเร็วกว่า 6 เดือน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ชาติพัฒนากล้ายกเว้นค่า ft แก้ค่าไฟแพง ใน 6 เดือนแรก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคเราเน้นการเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งการเพิ่มเงินในกระเป๋า หมายถึงทั้งแง่การเพิ่มโอกาสในการหารายได้และการลดค่าครองชีพ และแก้ปัญหาของแพง

ดังนั้น 6 เดือนแรก ต้องแก้ปัญหาเรื่องของแพง ซึ่งมี 3 เรื่องหลัก ๆ คือ

1. รื้อโครงสร้างเพื่อลดราคาพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือไฟฟ้า 

2. เข้าไปแก้ประเด็นภาษีที่ไม่เป็นธรรม 

3. อาจต้องใช้เวลามาก 6 เดือนแรก เริ่มได้ เพิ่มโอกาสในการกู้ยืมเงินในอัตราที่ต่ำลง

ในส่วนพลังงาน ขอเน้นประเด็นไฟฟ้า เราพูดเป็นพรรคแรก ๆ ว่าเป็นปัญหาโครงสร้างกับราคา เข้าใจว่าระหว่างทางมีข่าวว่า รัฐบาลหวั่นไหวต่อกระแสของความเดือดร้อนพี่น้องประชาชน และเหมือนจะลดค่าไฟให้ 2 สตางค์ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเดือดร้อนประชาชน เราสามารถที่จะลดทันทีโดยการเว้นค่า ft ซึ่งจะทำให้ค่าไฟลดได้ทันที 1 บาท

ส่วนภาษี เรื่องที่จะทำเลย คือ สร้างความเป็นธรรมให้มนุษย์เงินเดือน เป็นคนทำงาน ด้วยการยกเพดานภาษี เพื่อ 40,000 บาทแรก ปลอดภาษี ไม่ต้องเสียภาษี จากปัจจุบันเพดานอยู่ที่ 26,000 บาท ตรงนี้ก็จะช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับคนที่เสียภาษีอยู่ 4 ล้านกว่าคน ประมาณ 7,500 บาทต่อปีทุกคน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า

ประชาธิปัตย์ทุ่ม จัดตั้งธนาคารหมู่บ้านชุมชน ใน 6 เดือนแรก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ทำได้ทันที คือ

1. ประกันรายได้เกษตรกร ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด 

2. ราคาผลไม้ จะทำให้ดีขึ้น

3. จะอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้าน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศ ด้วยการจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านชุมชน 2 แสนล้าน 

ต่อมา กองทุน กบข. บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมกัน 3 แสนล้าน จะเปิดโอกาสให้ข้าราชการและผู้ใช้แรงงานกู้ซื้อบ้าน หรือกู้ไปใช้หนี้บ้าน ที่เป็นหนี้ตัวใหญ่ที่สุดได้ 

อีกทั้ง จัดตั้งกองทุนสตาร์ตอัพและ SMEs 3 แสนล้าน ให้คนรุ่นใหม่และ SMEs ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ทันที

ส่วนประกันรายได้อยู่ในเม็ดเงินอีกก่อนหนึ่ง 2 แสนล้านบาท รวมทั้งนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินหน้าออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ที่มีที่ดินของตัวเอง แต่ออกโฉนดไม่ได้ ใช้เวลารอมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ประชาธิปัตย์จะจัดให้ได้ 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี

แต่ถ้าท่านถามว่าทำทันที ก็จะลงมือทำทันที เพราะตอนนี้เราดูแลกรมที่ดินออกไปแล้ว 3 แสนกว่าแปลง นับ 1 เดือนหน้าได้ทันที

ผู้ที่ทำกินในที่ดินของรัฐจะออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับคนที่ทำกินในที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ต้องการขณะนี้ และจะได้อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

ประมง ปัจจุบันพังพินาศไปหมด 4-5 แสนล้าน จะปลดล็อกประมงจาก IUU เป็นเงื่อนไขที่เราทำเกินไปจากสหภาพยุโรปต้องการไปหลายข้อ ทำให้ประมงเดี้ยงหมด เราจะปลดล็อกอันนี้ทันที

ยอดเงิน 1 ล้านล้าน ไม่ได้เพิ่มภาษี ไม่ได้ก่อหนี้เพิ่ม แต่เป็นเงินที่อยู่ในระบบอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เอามาใช้ เช่น กองทุนวายุภักษ์ธนาคารออมสิน ธนาคาร ธ.ก.ส. เป็นต้น ซึ่งระบุไว้ในเอกสาร ประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกที่ กกต. บอกว่า ถูกต้องตามระเบียบ กกต. ทุกอย่าง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
 

ชาติไทยพัฒนา จัดตั้งศูนย์คาร์บอนเครดิต ใน 6 เดือนแรก

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า 6 เดือนแรก สิ่งแรกที่ชาติไทยพัฒนาจะทำ คือ การจัดตั้งศูนย์ Asia-Pacific Regional Carbon Credit Center เราจะเร่งรัดให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำความรู้กับพี่น้องประชาชน ว่าคาร์บอนเครดิตคืออะไร และทำไมวันนี้ภาคการเกษตรและทุก ๆ ภาค จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการคิด วิธีการทำ เพื่อปรับตัวเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต เพื่อทำให้ประเทศไทยนั้นต่อสู้กับนานาอารยประเทศได้ และจะเป็นนโยบายที่ต่อเชื่อมตั้งแต่รากหญ้า มาจนถึง SMEs ไปจนถึงอุตสาหกรรม จนถึงระดับนานาชาติ

ต่อมาเราจะเริ่มจัดหา สสร. (สภาร่างรัฐธรรมนูญ) เพื่อจัดหา เป็นที่มารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การที่ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เราจะต้องมีรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง เหมือนสมัยพ่อบรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 21)ได้ริเริ่มตอนปี พ.ศ.2538 จนเป็นที่มารัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในประเทศไทย คือ รัฐธรรมนูญ 40

ที่สำคัญ พอรัฐบาลชุดหน้าเข้ามาเราจะเจอสถานการณ์เอลนินโญ แล้งจะทั่วทุกหัวระแหง เราจะต้องเร่งขุดหาน้ำบาดาลและน้ำบนดิน ในการจัดหาน้ำให้พี่น้องประชาชน วันนี้เราเจาะน้ำบาดาลไปได้หลายร้อยแห่ง หลายพันแห่งแล้ว นโยบายชาติไทยพัฒนา พี่น้องประชาชนจะต้องมีน้ำบริโภค อุปโภค ทุก ๆ ตำบล ทุก ๆ หมู่บ่าน ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย

ถ้าเรามีโอกาสเข้ามาทำงาน ค่าไฟในวันนี้ ค่า ft แต่ะ 60 70 สตางค์เมื่อไร รัฐบาลจะสนับสนุนพี่น้องประชาชนในการติดตั้งโซล่าเซลล์ ที่บ้าน matching กัน 50:50 รัฐบาลออกครึ่งหนึ่ง พี่น้องประชาชนออกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อประหยัดค่าไฟ

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

รวมไทยสร้างชาติ สานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใน 6 เดือนแรก

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เริ่มต้นจากทำแล้ว ทำอยู่ และที่จะทำต่อ คือ ดูแลประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ สิ่งที่ทำมาแล้วก็คือ เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วพอเป็นรัฐบาล ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำต่อได้ทันที

เดิมบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวมสิทธิหลายอย่าง เมื่อรวมกองทั้งหมดแล้ว เราก็จะสามารถจ่ายเป็นเงินให้ประชาชนต่อเดือนในเชิงสวัสดิการ เดือนละ 1,000 บาท/คน ตอนนี้มีคนที่อยู่ในระบบสวัสดิการแห่งรัฐ 12 ล้านคน

สิ่งต่อไปที่จะเพิ่ม คือ เมื่อประชาชนได้รายได้จากรัฐเดือนละ 1,000 บาท เท่ากับประชาชนมีเงินเดือนแล้ว ประชาชนควรเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่เป็นปัญหาอุปสรรคมากของคนในชนบทก็คือ การจะกู้เงินใคร ต่อไปบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ในบัตรประชาชน เมื่อประชาชนต้องการก็สามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปขอกู้ฉุกเฉินจากธนาคารออมสินได้ล่วงหน้า 10 เดือน เท่ากับ 10,000 บาท และประชาชนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผลชำระ เพราะรัฐส่งให้ทุกเดือน ออมสินหักไว้ครึ่งหนึ่ง ประชาชนเอาไปใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง 20 เดือนทุกอย่างก็จบ รวมค่าดอกเบี้ย ค่าบริการ ประมาณ 2% ประมาณ 400-500 บาท ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ทันที

อีกเรื่องคือ ที่คิดว่าจะทำ คือ ปัญหายาเสพติด เราแก้ปัญหากลางน้ำ ปลายน้ำ แล้วปลายน้ำคือ แก้ไม่จบ เราไม่เคยแก้ปัญหาต้นน้ำ เราไม่เคยปราบปรามแบบจริงจัง เรามาเอาคนค้า แล้วมาเอาผู้ป่วย แต่วันนี้ผู้ป่วยที่เป็นคนติดยาเสพติด เกือบไม่มีจุดจบว่า เมื่อติดยาเสพติดแล้วจะหาทางออกให้เขายังไง เลิกยาเสพติดได้ กระบวนการยังไม่จบในทางกฎหมาย

ที่มาของเงิน เป็นเงินที่รัฐบาลใช้อยู่แล้ว ในการให้เดือนละ 300 บาท และมีค่าเดินทางอีกเดือนละ 700 กว่าบาท ค่าไฟฟ้าอยู่แล้ว เมื่อรวมก้อนก็อยู่ในเงินอันเดิม แล้วก็ตกประมาณเดือนละ 2,000 ล้านบาท ปีนึงก็แสนกว่าล้าน ซึ่งเป็นระยะที่รัฐบาลจัดเก็บหาได้

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
 

เสรีรวมไทย ยาเสพติดเป็นศูนย์ ใน 6 เดือนแรก

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่ทำเร่งด่วน โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณต่าง ๆ มากมาย มีนโยบายอยู่ในพรรคของเราแล้ว คือ ยาเสพติดต้องเป็นศูนย์ ไม่ได้หมดไป เป็นศูนย์เลย และโพลก็มีอยู่แล้วว่าใครจะปราบปรามยาเสพติดได้ดีที่สุด เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เพราะเขาเชื่อมั่นผมในฐานะอดีต ผบ.ตร. และโหดพอสมควร ใช้งบปกติเลย ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติมเลย

อีกอันคือ ปราบทุจริต ผมเป็นตำรวจมีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ปราบปรามทั้งชีวิตแล้ว ผมก็จะมีความสามารถในการปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ ไม่ว่าจะผิดกฎหมายใด

จำได้ไหมในสมัยก่อน เลือกตั้งที่บุรีรัมย์ผมยังจับ 11 ล้านเลย ปัจจุบัน กกต. จับได้ไหม จับได้ที 500 เพราะฉะนั้นผมมีความรู้ความสามารถในด้านปราบทุจริต และเห็น ป.ป.ช. ทำงาน เป็นการรวบอำนาจเกินไป จนกระทั่งมีทุจริตต่าง ๆ ก็ไปแช่อยู่ที่ ป.ป.ช. แบ่งอำนาจออกมาซะ เอาเฉพาะนักการเมืองก็พอ

 ส่วนข้าราชการมาให้ตำรวจทำอย่างเดิมจะดีกว่า ตำรวจมีเครือข่ายอยู่ทั้งประเทศเลย ไม่ใช่มีเฉพาะแค่นี้นะ แต่ก่อนผมก็เคยทำ ทำไมตำรวจรุ่นนี้จะทำไม้ได้ เพราะฉะนั้นให้ผมมาดูแลตรงนี้ ทุจริตหมดไป จะเหลือเงินมาบริหารประเทศชาติอีกเยอะ


พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

เพื่อไทย เริ่มเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล ใน 6 เดือนแรก

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรามีประสบการณ์มาแล้วในการที่จะต้องเปลี่ยน วันนี้เราถือว่าอยู่ในภาวะที่มันต้องเปลี่ยน หลังจากที่รัฐประหารเมื่อปี พ.ศ.2557 ประมาณ 9 ปี เพราะฉะนั้นคำว่าเปลี่ยน เราทำเองไม่ได้ เริ่มจากกลไกสำคัญ คือ เรียกข้าราชการทั้งหมดเข้ามา แล้วบอกว่า เราต้องเปลี่ยน เปลี่ยนอะไร เปลี่ยนจากรัฐอุปสรรคมาเป็นรัฐบริการ เปลี่ยนจากรัฐอุปสรรคมาเป็นรัฐส่งเสริม ให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี รู้วัตถุประสงค์ของเรา รู้วัตถุประสงค์ของเรา คือ ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น

กลไกทุกตัวเรามีแผนไว้ในขณะนี้เรียบร้อย เริ่มตั้งแต่เรื่องของเกษตรกร ทำยังไงให้เกษตรกรฟื้นคืนมา ความจริงความรู้ต่าง ๆ ก็มีอยู่ เราก็คงต้องลงไปหาเกษตรกร แล้วให้ปรับเปลี่ยน สิ่งสำคัญคือ การหาตลาด ตลาดขณะนี้ต้องดูทั้งในและต่างประเทศต่าง ๆ

ปลดหนี้ของเกษตรกร เงินที่ ธ.ก.ส. เราไปดูไว้แล้วเรียบร้อย เราสามารถประกาศเรื่องพักหนี้ของเกษตรกรได้ 3 ปี 

สิ่งสำคัญคือการไปเตรียมก้อนใหญ่ที่ประชาชนรออยู่ กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเราบอกว่าเราจะเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท/ทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป เราพยายามสร้าง เราเชื่อว่า กลไกต่าง ๆ มีการจัดการ ใน 6 เดือนน่าจะพอพร้อมที่จะเริ่มได้

ปัญหาสำคัญ พอเราเลือกตั้งเดือน พ.ค. เสร็จ ก็ประมาณ ก.ค. ก็จะน่าจะชัดเจนแล้วว่าใครเป็นรัฐบาล แล้วเชิญข้าราชการมาจัดสรรงบ งบที่มีอยู่มีเพียงพอ เพียงแต่การบริหารจัดการต่าง ๆ ไม่มีประสิทธิภาพ เราต้องมาจัดเรื่องบริหารเหล่านี้ เพื่อให้เป็นไปตามทุกนโยบายที่เรามีอยู่

นพ.พรหมินทร์ กล่าวอีกว่า งบประมาณปกติจะได้ประมาณ 3 ล้านล้าน ลองคิดดูแผนที่เราเสนอ กกต. ไปชัด ๆ ประมาณ 3 ล้านล้าน เราใช้ได้ 4 ปี แต่ 4 ปีที่จริง เรามี 12 ล้าน เราไม่ได้ใช้เฉพาะข้าราชการอย่างเดียว ราชการเหมือนอำนวยการที่ผลักดันให้ภาคเอกชนต่าง ๆ นำเงินมาช่วยประชาชน 

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

 

ก้าวไกล ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ใน 6 เดือนแรก

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ส่วนแรกถามว่า ทำอะไรได้เลย ? และใช้งบประมาณเท่าไร ? ส่วนที่ 2 ถามว่า อนาคตประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ?

สำหรับข้อแรกที่ทำได้ทันที ภายใน 6 เดือน ไม่ต้องใช้งบประมาณทั้งหมด มีทั้งที่ไม่ต้องใช้งบประมาณและต้องใช้งบประมาณ

ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ คือ 

1. พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไร ส่งศิริกัญญา ตันสกุล ไปเป็นรัฐมนตรีคลัง แก้กฎกระทรวงปุ๊ป เกษตรกรลุกขึ้นทั้งแผ่นดิน เพราะสินค้าการเกษตร ที่เป็นโภคภัณฑ์ จะเป็นผลิตภัณฑ์ทันที ตั้งแต่เหนือจดใต้

2. ที่ดิน นิคมสหกรณ์ กับนิคมสร้างตนเอง ทั้งหมด 6.5 ล้านไร่ มีมติ ครม. มาอยู่แล้ว สามารถผลักดันได้เลยไม่ต้องแก้กฎหมาย

3. การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ใน 6 เดือน เมื่อก้าวไกลเป็นรัฐบาล

ส่วนที่ต้องใช้งบประมาณ ผมอนุมานว่ามีอยู่ 2 แสนล้าน ตามที่คุณวิษณุ เครืองาม พูดไว้ เป็น worse case scenario สิ่งที่จะทำคือ หวย SME แบบรัฐบาลไต้หวันที่เคยช่วย SME ใช้ 24,000 ล้าน เบี้ยเด็กเล็กสำหรับเด็กอายุ 0-6 ขวบ 1,200 บาท/เดือน/คน ใช้ 32,000 บาท อันต่อมาคือ กองทุนเสมอภาคการศึกษาจากน้อง ๆ ที่หลุดจากช่วงโควิด อันนี้ 11,000 บาท

นายพิธา กล่าวอีกว่า สุดท้าย ถ้าเราทำทั้งหมดนี้แล้วอยากจะเห็นว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นยังไง ตอนนี้เราเห็นประเทศไทยเป็นสามเหลี่ยม คือ 1% กับ 99% การฟื้นตัวของโควิดทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น 

ผมอยากเห็นประเทศไทยกลับหัวเป็นเหมือนกับโลโกพรรคก้าวไกล ประชาชน 99% เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
 

ไทยสร้างไทย ลดค่าไฟไม่เกินหน่วยละ 3.50 บาท ได้ทันที

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า หลายปีมานี้ คนทุกข์มาก เราต้องดูเรื่องเศรษฐกิจก่อน ที่สำคัญ คือ คนตัวเล็ก เรามีนโยบาย liberate และ empower ให้กับคนตัวเล็ก เราจะเปลี่ยนรูปเศรษฐกิจจากสามเหลี่ยมที่รวยกระจุก จนกระจาย เป็นลูกรักบี้ จนนิดนึง รวยนิดนึง แต่คนตรงกลางพออยู่พอกิน ไม่มีหนี้

เราเสนอกฎหมายเข้าสภาฯ เพื่อที่จะ empower ประชาชน คนตัวเล็ก 4 ฉบับ แม้ว่าเรายังไม่ผ่านการเลือกตั้ง ยังไม่มี ส.ส. 

อย่างแรกเลย ปลดล็อกกฎหมายที่กดทับ 1,400 ฉบับ เป็นประเทศที่ต้องขอใบอนุญาตมากที่สุด และใบอนุญาตของประเทศไทย คือ ใบไม่อนุญาต แล้วเป็นช่องทางของการรีดไถ เราพักไว้เลย 3-5 ปี ขณะที่ เส้นขนานกัน กิโยตินกฎหมายไปด้วย เขาระเบิดศักยภาพทำมาหากินได้เลย เช่น กฎหมาย อย. กฎหมายโรงแรมต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมายทั้งหมด ยกให้เลย ไม่ต้องมาขอเรื่อง อย.

ลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟต้องไม่เกินหน่วยละ 3.50 บาท ทำได้ทันที แน่นอน ตัดส่วนที่ขณะนี้เราไปเซ็นสัญญาที่เป็นข้อสงสัยมาก ที่เอื้อประโยชน์ต่อทุน และเราดูแลคนตั้งแต่เกิดจนแก่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ บำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ครบวงจร นี่คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจปีละ 36,000 ต่อคน หรือ 360,000 ล้านต่อปีนี้ ทั้งหมดไม่เสียไปหมด เพราะเราไม่ได้ให้ฟรี สร้างสุขภาพไม่พอ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เมื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากโต เศรษฐกิจทั้งประเทศจะรุ่งเรือง GDP จะสามารถเพิ่มได้ภายใน 5 ปี 5-7% จากเงินจำนวนนี้ และเราจะดูแลลงทุน ไม่ต้องไปซื้ออาวุธ งบประมาณเอามาจากไหน ตัดงบประมาณลง 10% ได้ 3 แสนล้าน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า เราจะดูแลเด็กเล็กในครรภ์ - 6 ขวบ ด้วยคูปอง 3,000 บาท เรียนฟรีจบปริญญาตรี ไม่ต้องเป็นหนี้ กยศ. ลดเวลาเรียนลง 3-4 ปี เพิ่มคุณภาพการศึกษาให้เด็กไทยทันโลก

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
 

พลังประชารัฐ ลดราคาพลังงาน น้ำมันเบนซิลลิตรละ 18 บาท

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ผมเป็นตัวเปิดประเด็นเรื่องพลังงาน ผมพูดเรื่องลดราคาน้ำมัน ถามว่าลดเท่าไร เบนซินลิตรละ 18 บาท และน้ำมันดีเซล 6.30 บาท ไม่ใช่ว่าจะนึกตัวเลขเท่าไรก็ได้ แต่ผมใช้ทีมประมาณเกือบ 50 คน แล้วอยู่ในห้องแล็บ ทำออกมา

แก๊ส ปัจจุบันราคาวันนี้ 423 บาท แล้วก็จะขึ้นเป็นราคา 500 กว่าบาท ในปลายปีนี้ ทุกครัวเรือนเดือดร้อน เพราะฉะนั้น แก๊สประชาชนจะตัดสินใจลดลงมา คำนวณได้หมด 15 กก. ถังมาตรฐาน อยู่ที่ 250 บาท ย้อนกลับไป 8 นายกฯ ของประเทศไทย

ไฟฟ้าประชาชน ราคาวันนี้ทุกคนร้องโอดโอย ผมแถลงข่าวไปก่อนแล้ว ตอนนี้ยัง 4.72 บาท เดี๋ยวจะขึ้นเป็น 4.77 บาท จะขึ้นอยู่ไม่กี่วัน วันที่ 1 พ.ค. ถ้าเป็นบ้านเรือนจะเหลือหน่วย 2.50 บาท ถ้าเป็นอุตสาหกรรมจะเหลือ 2.70 บาท

นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า จะงดเก็บค่า ft และเชื้อเพลิงธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้า คือ ก๊าซธรรมชาติ ปรากฎว่า สัญญาสัมปทานที่ทำมาตั้งแต่ปี 62 จะมีผลเริ่มตั้งแต่ปีประเมินภาษี 65 และ 66 เชื้อเพลิงธรรมชาติจะลดลง 53% จริง ๆ ต้องลดกว่านี้อีก แต่เรายังเกรงใจอยู่ ขอเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ
 

ช่วงที่ 2 ตอบคำถามประชาชน กับ “ผลโหวต 5 นโยบายที่ประชาชนอยากได้คำตอบจากนักการเมืองมากที่สุด” ซึ่งไทยพีบีเอส เปิดโหวตช่องทางสื่อออนไลน์ Thaipbs และ LINE TODAY ระหว่างวันที่ 12-20 เม.ย. 66 มีโหวตทั้งสิ้น 16,219 คน 

โดยคำถามที่ได้รับโหวตมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 

อันดับ 1 ปราบคอร์รัปชันในระบบรัฐ

อันดับ 2 สวัสดิการสุขภาพ

อันดับ 3 สิ่งแวดล้อมอากาศสะอาด

อันดับ 4 แก้หนี้ แก้จน

อันดับ 5 นโยบายเพื่อคนสูงวัย

โดยผลโหวตแต่ละเรื่อง ให้แต่ละพรรคได้จับสลากเลือกหัวข้อและแสดงวิสัยทัศน์ ได้แก่ 

 

ปราบคอร์รัปชันในระบบรัฐ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีบทลงโทษกรณีทุจริตคอร์รัปชันเพียงพอแล้ว แต่ขอให้การบังคับใช้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และไม่เลือกปฏิบัติ

ช่วงอยู่ภาคเอกชน เจ็บปวดเรื่องของการถูกกีดกัน แต่พอได้มาบริหารประเทศ ทำให้ สธ.ไม่มีเรื่องนี้ ตลอด 4 ปี กีดกันไม่มีเลย ส่วน ATK เปิดกว้าง ให้ซื้อได้ในราคาไม่แพง ส่วนเรื่องคมนาคมที่บอกว่าพรรคตนเป็นคอร์รัปชัน แต่พอเรื่องถึงศาลแล้วศาลยกฟ้องหมด ถือว่าไม่มีคอร์รัปชัน แต่ประชาชนเสียโอกาสไปแล้ว ผู้ที่ร้องเรียนกลับโดน ป.ป.ช.ชี้มูล ขอให้เปิดโอกาสประชาชนมีส่วนร่วมติดตามและตรวจสอบเรื่องทุจริตคอร์รัปชันต้องร่วมกันปราบ 

ผมปราบได้ในส่วนที่ทำงาน แต่ต่างหน่วยงานเรื่องน้ำเรื่องไฟ รัฐวิสาหกิจ ไม่ได้รับการตอบสนอง ตัดโอกาสคนที่ประมูลต่ำกว่าออกไป ขนาดรองนายกฯ โทรไปเองยังไม่กลัว แต่ครั้งหน้าเจอกัน เรื่องคอร์รัปชันยกให้อนุทิน

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบช่วงที่ผ่านมาพบว่าคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น เพราะรัฐให้อำนาจข้าราชการมากเกินไป ซึ่งหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก ต้องปราบตั้งแต่ข้างบน ทำให้ระบบต่าง ๆ ของราชการโปร่งใสทุกขั้นตอน ส่วนการบังคับใช้กฎหมายอย่าเป็นเครื่องมือธุรกิจ สิ่งสำคัญ คือ ยาเสพติดและการพนัน เป็นส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ทำมาหากิน พรรคเพื่อไทยจะใช้กฎหมายยึดทรัพย์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

สวัสดิการสุขภาพ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เสนอนโยบาย 3 ท. สวัสดิการสุขภาพก้าวหน้า คือ 

1.เพิ่มความเท่าเทียมในระบบ ปัจจุบันหมอ 1 คนใน กทม. รับคนไข้ 300 คน แต่หมอในบึงกาฬต้องรับถึง 3,000 คน ศูนย์ฉายมะเร็งมีแค่ 1/3 ประเทศ 22 จังหวัด ระยะทางการเดินทางไป รพ. ลำบาก

2.เพิ่มความเท่าทันในระบบ ต้องเท่าทันการป้องกันมากกว่ารักษา โดยกว่าเพิ่มวัคซีนให้มากขึ้น คัดกรอง 6 มะเร็งให้ประชาชน โดยไม่ต้องให้แพทย์สั่งให้คัดกรอง รวมถึงเท่าทันตสุขภาพจิตและสุขภาพกาย

3.ลดความทรหดของแพทย์-พยาบาล ทุกวันนี้ทำงาน 100 ชั่วโมง/สัปดาห์ หรือ 14 ชั่วโมง/วัน 500-600 คนบุคคลากรทางการแพทย์ต้องย้ายไปอยู่ รพ.เอกชนเพราะทนไม่ได้ พรรคก้าวไกลเสนอ กม.ให้ทำงานไม่เกิน 60 ชั่วโมง/สัปดาห์ ทั้ง 3 ท.ใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

สิ่งแวดล้อมอากาศสะอาด

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ในเมือง 70 % มาจากท้องถนน ทำให้พบว่าช่วงโควิด 2 ปีพบว่าอากาศดี

ระยะสั้นจะกวดขันตรวจจับควันดำ รถควันดำ ตรอ. ไหนปล่อยออกมา จะตามไปปิด ตรอ. เข้มงวดสถานที่ก่อสร้าง ตรวจสภาพรถ

ระยะกลาง จะเสนอกฎหมาย Transboundary Haze Pollution Act ประเทศสิงคโปร์ หากลงทุนในต่างประเทศ ลาว เมียนมา ก่อผลกระทบจะลงโทษ ระยะยาว ผลักดันคาร์บอนเครดิต

ระยะยาว จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนต่างจังหวัดภาคการเกษตร จะต้องนำเข้ามาเผาแบบระบบลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เมื่อถามว่าทำไม เป็นรัฐมนตรีมา 4 ปีแก้ไม่ได้ นายวราวุธ ระบุ เพราะสถานการณ์ไม่หนักหนา จากช่วงโควิด และลานิญา แต่ตอนนี้คนกลับมาใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ปีหน้าจะหนักพอกับปีนี้ และเมื่อถามว่าถ้าเลือกตั้งกลับมาอยากมาทำงานที่ ทส. (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) หรือไม่

ไม่เกี่ยงเพราะคนที่จะตัดสินใจนั่งตรงนี้ทั้งหมด ขอให้รอการเลือกตั้งก่อน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 มาจากในประเทศ และจากประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าดูตัวเลขมาจากการเผาในที่โล่ง 25-40 % รองลงมาจราจร 20-30 โรงงาน-ก่อสร้าง 15-20 ต้องแก้ที่ต้นเหตุมลพิษ

ต้องส่งเสริมการใช้รถอีวี และพยายามดึงนักลงทุนมาในอีอีซี และระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมโยงกันทุกเส้นทาง ส่วนโรงงานแก้ไม่ได้ เพราะมีปัญหาไม่บังคับใช้กฎหมาย และต้องมี พ.ร.บ. อากาศสะอาด รวมทั้งการยกระดับในอาเซียนที่ต้องหารือกันให้ชัดเจน

เมื่อถามว่าจะบังคับได้หรือไม่ จุรินทร์ บอกว่า มีกฎหมายให้จัดการได้ แต่เข้าใจเกษตรกรถ้าไม่เผาก็ปลูกไม่ได้ ต้องลงไปให้ความเข้าใจเพราะจะได้ไม่คุ้มเสียและหาแรงจูงใจอื่น ๆ ให้กับเกษตรกร

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


แก้หนี้ แก้จน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เรื่องแก้หนี้ สำคัญเพราะหนี้เราสูงมาก จึงต้องแก้หนี้ทั้งในระบบ นอกระบบ สำหรับ SME ที่เรียกว่ารหัส 26 คือ เป็นหนี้ดีมาก่อนแล้วมาเป็นหนี้เสีย จากนโยบายของรัฐช่วงโควิด จะพักหนี้ให้ รวมถึงเกษตรกร พักหนี้ 3 ปี ปลอดดอกเบี้ย 2 ปี เพื่อให้เขาได้ออกจากไอซียู

ส่วนนอกระบบไม่แจกบัตรคนจน จะให้บัตรเครดิตประชาชน เป็นบัตรที่จะอยู่ประจำตัวไปตลอดชีวิต ใช้กู้เงิน 5,000-50,000 บาท ใช้เครดิตตัวเองค้ำประกัน ตราบที่ไม่โกง จะอยู่ในระบบนี้ไปตลอดชีวิต กู้ได้ถึง 50,000 บาท ดอกเบี้ยไม่ถึง 1 % ต่อเดือน ไปล้างหนี้ไปตั้งตัว

ส่วนการแก้จนคือสร้างรายได้ จากอาหารต้องเป็นศูนย์กลางอาหารโลก เกษตรกรต้องกำหนดราคาขายได้เอง ท่องเที่ยวกระจายไปทั่วประเทศ มีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง รายได้สูง และเวอริ่งฮับ จะมาแทนเมดิคัลฮับ ที่เคยทำไว้เมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งจะขายซุปเปอร์ซอฟพาวเวอร์จะได้เงิน 5 ล้าน ภายใน 3-4 ปี จะขยายตลาดการค้า จาก 70 ล้านคน เป็น 3000 ล้านคน ใช้ไทยเชื่อมจีน และอินเดีย เพิ่มตลาดการค้าให้ประเทศทันที และใช้โลเคชั่นของไทย ให้กลับมาเป็นโกลบอลเกตเวลของภูมิภาคและของโลก

ไทยสร้างไทยจะผลักดันคลองไทยและศึกษาอย่างจริงจัง จะสร้างพื้นที่ให้เป็นพื้นที่การลงทุน ดึงดูดการลงทุนจากคนทั้งโลกให้มาอยู่ในไทย โดยจะศึกษาอย่างจริงจังและผลักดันจริง

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า หนี้มี 2 ประเภท คือ กู้หนี้เพื่อสร้างรายได้และหนี้ในระบบราชการ ซึ่งหนี้ในระบบราชการจะคิดดอกแพง ส่วนหนี้ที่มีปัญหาคือ หนี้จากความจนที่พบในชนบท พรรครวมไทยสร้างชาติ จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

ช่วงที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย คือ ดีเบต ใน 3 ประเด็นร้อนของประเทศไทย คือ 

1.ปฏิรูปกองทัพ-ยกเครื่องตำรวจ

2.ขายฝันประชานิยม-ปฏิรูปเศรษฐกิจเพิ่มโอกาสทำกิน

3.ปราบโกงทุนการเมือง-หยุดอำนาจรวมศูนย์

 

ดีเบตเดือด ! ปฏิรูปกองทัพ-ยกเครื่องตำรวจ

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า การปฏิรูปไม่ว่าตำรวจหรือทหาร ต้องปฏิรูปคน องค์กรและระบบงาน

การปฏิรูปตำรวจในส่วนของบุคลากร ชั้นประทวนจะเปิดรับปริญญาตรี และชั้นสัญญาบัตรจะรับเนติบัณทิตเข้ามาด้วย นอกจากนี้ จะแบ่งงานป้องกันและปราบปรามออกจากกัน

ขณะที่ นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า รัฐต้องมีทหารปกป้องอธิปไตย แต่กระบวนการเข้าเป็นทหารต้องมีเกียรติและศักดิ์ศรี เช่น ทหารเกณฑ์ ไม่ควรถูกเลือกเข้าไปเป็นคนรับใช้ในบ้าน

ส่วนการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเป็นผู้รักษากฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่มีโทษทางอาญาของไทยมีนับพันฉบับ แต่ใช้พนักงานสอบสวนชุดเดียว มองว่าเป็นการรวบอำนาจการสอบสวน และคนที่อยู่ในระบบสอบสวนจะรู้สึกว่ามีโอกาสน้อย เพราะใช้อำนาจในคดีอย่างเดียว แต่คนที่มีอำนาจจับกุมปราบปรามมีอำนาจรอบราชอาณาจักร จึงเป็นที่มาของการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่ง

ซึ่ง พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ แย้งว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะนายกฯ เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ จึงมีนักการเมือง-ส.ส. ส่งบัญชีรายชื่อคนของตัวเองไปให้นายกฯ และนายกฯ ก็ส่งบัญชีไปให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ พร้อมระบุว่า “ผมเคยเป็นตำรวจ ผมรู้”

ประเด็นนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ต้องสร้างกองทัพมืออาชีพเพื่อประชาชน ต้องเอากองทัพออกจากการเมือง และเชื่อว่า ทหารรุ่นใหม่ ต้องการสร้างกองทัพมืออาชีพ มีทหารแก่ไม่กี่คนที่เกษียณแล้วยังอยากอยู่ในอำนาจ และทำให้กองทัพเสียด้วยการรัฐประหาร ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องในระบบประชาธิปไตย

เชื่อว่าทหารส่วนใหญ่ต้องการทำแบบมืออาชีพ ต้องเอาทหารออกจากการเมือง และลด “นายพล” จากกองทัพ และให้เกษียณไปพร้อมกับตำแหน่ง จะช่วยลดนายพล และยกเลิกเกณฑ์ทหาร เพื่อให้สมัครใจเข้ามาเป็นทหาร ยกเลิกจับบดำใบแดง เขาจะทำงานด้วยความภาคภูมิใจ เพราะปีหนึ่งที่มาสมัคร 2.6 หมื่นคน และทหารเกณฑ์ที่ต้องไปเป็นคนรับใช้ต้องเลิก

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อลดกองทัพจะเหลือเงินนำไปพัฒนาเทคโนโลยี และเพิ่มเงินสวัสดิการชั้นผู้น้อยถึงจะแก้คอร์รัปชันได้ เพราะจะโยกย้ายก็ต้องจ่าย หรือแม้จะอยู่ที่เดิมก็ยังต้องจ่าย

พิธีกรถามว่า ทำอย่างไรจะไม่ให้การเมืองไปยุ่งกับทหาร คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า 90 ปีประชาธิปไตยสู้ระหว่างประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือก และรัฐราชการที่นำโดยทหาร มารัฐประหาร แข่งกันแย่งอำนาจมา 90 ปี และเลวร้ายในช่วง 17 ปีนี้

วันนี้ ต้องบอกว่าถ้าย้อนกลับไปหลายนายกฯ สั่งทหารไม่ได้ เราต้องทำให้เป็นทหารมืออาชีพอยู่ภายใต้รัฐบาล และรัฐบาลต้องไม่ฉ้อฉลจนเป็นเหตุให้เขามาอ้างรัฐประหาร

 

“ประชานิยม-ปฏิรูปเศรษฐกิจ” แค่ขายฝัน หรือเพิ่มโอกาสทำกิน

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเมืองที่แท้จริง คือเพื่อเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมาย จะทำให้พี่น้องประชาชนมีเศรษฐกิจดีขึ้น ต้องทำให้ประชาชนนิยม พรรคเพื่อไทยจะเพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่า รวมทั้งขยายรายได้ภาคการท่องเที่ยว และรัฐสนับสนุนภาคธุรกิจ แก้กฎหมายต่าง ๆ

หากประชาชนไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีเสรีภาพ ไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นักรบทางเศรษฐกิจของเรา คือ ประชาชน จะไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพเต็มที่ จึงจะเน้นแก้ความเหลื่อมล้ำและกฎหมาย พรรคเพื่อไทยขอเสนอตัวเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงและผู้นำความหวัง ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งทำให้ประเทศโปร่งใส แก้ทุจริตคอร์รัปชัน

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไทยต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยขับเคลื่อน 4 ตัว คือ การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนจากต่างประเทศ การส่งออก และการใช้จ่ายภายในประเทศ

ตนได้ไปพบเอกอัครราชทูตหลายประเทศ ทุกคนพูดเหมือนกันว่า 10 ปีจากนี้ไทยและอาเซียน จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก ต้องสร้างโอกาสให้ไทยเป็น “เฮลท์ ฮับ” ดูแลผู้สูงอายุทั่วโลก

ส่วนเรื่องประชานิยม พรรคภูมิใจไทยจะใช้นโยบายประชานิยมอย่างมีเหตุผล ไม่เกินตัว ไม่มอมเมาพี่น้องประชาชน ไม่สร้างภาระในอนาคตให้ประเทศ

เมื่อถามว่า กัญชาเคยพูดว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ-กระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กัญชาของพรรคภูมิใจไทยสำเร็จไปแล้ว นำกัญชาออกจากยาเสพติด ส่วนใหญ่ทุกพรรคให้ความเห็นชอบหลักการกฎหมายกัญชา แต่เหตุผลทางการเมืองทำให้กฎหมายกัญชายังไม่ผ่านสภา แต่ไม่ได้ตก หากพรรคกลับไปจะผลักดันกฎหมายนี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ส่วน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องไม่ลืมว่าเราคือใคร พร้อมยกตัวอย่าง 3 ประเทศที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ไทยเราเองมีเรื่องของเกษตรอยู่ในมือ และถ้า พปชร.เป็นรัฐบาล จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากกว่าหรือเท่ากับที่เพื่อไทยอ้าง

นายมิ่งขวัญ ส่งท้ายคำขวัญของ พปชร. ก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าสามารถเลิกทะเลาะกันได้ จะพากันแก้ปัญหาและก้าวข้ามความยากจน พปชร. มีบัตรคนจน มีนโยบายผู้สูงอายุ มีนโยบายพลังงาน จะลดค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน-แก๊ส-ค่าไฟ

 

ปราบโกงทุนการเมือง-หยุดอำนาจรวมศูนย์

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นราคาที่เราต้องจ่ายเมื่อยอมให้มีการทำรัฐประหารในไทย เมื่อ 8 ปีก่อน ดัชนีคอร์รัปชันของไทยอยุ่ที่ลำดับ 80 กว่า แต่ขณะนี้กลับตกไปที่อันดับ 110 กว่า พร้อมยกตัวอย่าง เวียดนามที่เคยอยู่ในอันดับ 90 กว่า ตอนนี้ขึ้นมาอันดับที่ 70 กว่า

ปีที่ผ่านมา การลงทุนในเวียดนามมีมากกว่าในไทย เพราะคนสนใจเรื่องของการคอร์รัปชันกับการลงทุน เราต้องยอมรับว่า คอร์รัปชันเป็นเรื่องของระบบ มันไม่ใช่การบอกว่าเป็น คนดี ที่มี ย์ เข้ามาบริหารบ้านเมืองแล้วบอกว่า คอร์รัปชันจะหมดไป สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องลดดุลยพินิจ

พิธากล่าวต่อว่า เรื่องของคอร์รัปชันเป็นเรื่องของระบบยังไง สมการของคอร์รัปชัน พูดให้ชัดก็คือการมีดุลยพินิจเยอะของเจ้าหน้าที่ มีการผูกขาดข้อมูล และไม่มีความรับผิดรับชอบในกระบวนการนั้น ๆ สิ่งที่ต้องทำคือลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ลดกฎหมาย ลดเวลาในการรู้ผล ใบอนุญาต ยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น การผูกขาดข้อมูลที่ไม่โปร่งใสต้องเปิดทั้งหมด ห้ามใช้งบหลวงในการโปรโมตตัวเอง และ ประชาชนต้องมีจำนวนมากพอในการถอดถอน ป.ป.ช ได้

ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ทำลายเศรษฐกิจ ต่างชาติไม่มาลงทุน เงินใต้โต๊ะสูง และถ้าต้องยึดอำนาจการเจรจาทางการเมือง เช่น FTA ยุโรปไม่เจรจา และพอเปลี่ยนเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งตอนนี้นับหนึ่งแล้ว

ทางแก้ต้องเริ่มที่นักการเมือง ต้องไม่ซื้อเสียง เพราะต้องเข้ามาถอนทุนคืน ประชาชนต้องไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ซื้อเสียง และมีประวัติ และคดีทุจริตคอร์รัปชันต้องไม่มีอายุความ การลงโทษ ถ้าศาลลงโทษต้องไม่ลดโทษแบบคดีทุจริตอื่น ๆ

รวมทั้งการทุจริตจะมาติดคุกที่บ้านไม่ได้ ไม่เห็นด้วย เพราะมีแนวโน้มว่ากำลังมีการยกร่างให้คดีทุจริตมาติดคุกที่บ้านได้
   

ส่วน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า สำคัญที่ตัวระบบ ซึ่งระบบจะต้องทำให้การทุจริตทำได้ยาก ทำแล้วปรากฏหลักฐานที่ทำได้ง่าย และจับแล้วต้องมีการลงโทษจริง จึงจากปราบคอร์รัปชันได้

เราจะพึงให้คนเป็นคนดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้นตอที่สำคัญของ คอร์รัปชัน คือ ระบบราชการ ที่มีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน มีการใช้วิจารณญาณด้วยกฎหมาย ด้วยหลักเกณฑ์ในระบบราชการ ต้องถูกรื้อทั้งหมด ด้วยเทคโนโลยี และต้องแก้เงื่อนปมที่ทำให้เกิดคอร์รัปชัน 

โดยเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี ธุรกิจใต้ดิน ธุรกิจสีเทา ธุรกิจที่อยู่ในที่มืด ที่เป็นแหล่งที่มาของเงินสกปรก ถ้าเป็นไปได้ทำไมไม่เอามาไว้บนที่สว่าง นอกจากการแก้คอร์รัปชันแล้ว จะแก้ปัญหามาเป็นรายได้ของรัฐ ในการที่จะนำไปดูแลประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า

 

ช่วงที่ 4 หาเสียง กับคำถามว่า “จะทำให้อนาคตประเทศไทยดีขึ้นได้อย่างไร” 

 

ไทยพีบีเอส จัดดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 เลือกอนาคตประเทศไทย

🗳 เกาะติด #เลือกตั้ง66 กับ #ThaiPBS https://www.thaipbs.or.th/Election66 #เลือกอนาคตประเทศไทย

 


 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งทั่วไป2566เลือกตั้ง66
ผู้เขียน: Thai PBS Digital Media

บทความ NOW แนะนำ