ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Pride Month 2025 ส่องสถานการณ์สิทธิ LGBTQ ทั่วโลก


Insight

27 พ.ค. 68

พงศกร ก่อบัว

Logo Thai PBS
แชร์

Pride Month 2025 ส่องสถานการณ์สิทธิ LGBTQ ทั่วโลก

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2730

Pride Month 2025 ส่องสถานการณ์สิทธิ LGBTQ ทั่วโลก
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

 

นอกจากการเฉลิมฉลองแล้ว Pride Month ในแต่ละปีก็เป็นช่วงเวลาที่เราควรมองไปรอบโลกและสำรวจสถานการณ์ของสิทธิ LGBTQ ด้วยเช่นกันว่า เป็นอย่างไรบ้าง

ในวาระการเฉลิมฉลอง Pride month ที่จะถึงในเดือน มิ.ย. นี้ สำหรับประเทศไทย จะเป็นการฉลองครั้งแรกหลังจากการประกาศบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 68 ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของสิทธิ LGBTQ ในประเทศไทย อย่างไรก็ดี เราลองหันไปดูสถานการณ์ด้านสิทธิ LGBTQ ทั่วโลกที่แตกต่างกันไปตามกระแสตามเมืองในแต่ละภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา : เสรีภาพท่ามกลางการถดถอยของสิทธิ LGBTQ

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะถือคำสั่งประธานาธิบดีที่เปลี่ยนนโยบายสิทธิมนุษยชน (ภาพ : Mandel NGAN/AFP)

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ให้สิทธิคู่รักเพศเดียวกันแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในปี 2015 และรับรองการรักร่วมเพศกันตั้งแต่ปี 2003 แต่สิทธิของ LGBTQ ในอเมริกากำลังเผชิญแรงสะเทือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายที่เปลี่ยนแนวคิดความหลากหลายและความเท่าเทียม (Diversity, Equity, Inclusion หรือ DEI) ที่เป็นหัวใจของกฎหมายสิทธิมนุษยชนมากว่า 60 ปี แทนที่ด้วยการเน้นปกป้องศาสนาคริสต์ นักบวชพอล แบรนดีส เราช์เนนบุช (Paul Brandeis Raushenbush) จากสมาคมศาสนสัมพันธ์ กล่าวกับ CNN ว่า "เขากังวลว่ารัฐบาลใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และอาจนำสหรัฐฯ สู่ชาตินิยมคริสเตียน ซึ่งขัดกับหลักเสรีภาพทางศาสนาที่ผู้ก่อตั้งประเทศกำหนดไว้”

ในเดือน ม.ค. 68 ซึ่งเป็นเดือนแรกของการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ ลงนามคำสั่งพิเศษให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ยอมรับเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง พร้อมยกเลิกการใช้ตัวเลือกเพศ "X" ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) เคยกำหนด ทั้งในเอกสารราชการและหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกการคุ้มครองบุคคลแปลงเพศ รวมถึงโครงการเกี่ยวกับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการนับรวมคนทุกกลุ่ม (DEI programs) ภายในรัฐบาลกลาง และวันที่ 6 พ.ค. 68 ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำตัดสินอนุญาตให้รัฐบาลของทรัมป์ เดินหน้าใช้คำสั่งห้ามคนข้ามเพศรับราชการทหารได้ ส่งผลให้ทหารกว่า 1,000 นายต้องออกจากการเป็นทหาร

ส่วนในโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ นั้น PEN America รายงานว่า มีการแบนหนังสือเกี่ยวกับ LGBTQ ไปแล้วกว่า 10,000 รายการใน 29 รัฐ โดยเฉพาะรัฐอย่างฟลอริดา เท็กซัส และแอละแบมา ที่มีกฎหมายควบคุมการพูดถึง LGBTQ ในห้องเรียน ซึ่งนักวิจารณ์เรียกกันว่า “Don’t Say Gay Bill” และ หนังสือที่ถูกแบนมากที่สุดคือ ‘Nineteen Minutes (19 นาที)’ โดย โจดี ปิคูลต์ (Jodi Picoult) ซึ่งถูกแบนจาก 98 เขตการศึกษา เป็นนิยายที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุกราดยิงในสหรัฐอเมริกา ส่วนเหตุผลที่ถูกแบนนั้นยังไม่มีเหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อไปดูนโยบายของเขตการศึกษาที่แบนหนังสือเล่มนี้อย่าง เขตการศึกษาท้องถิ่นในเมืองคาที รัฐเท็กซัส ระบุว่าหนังสือนั้นต้องห้าม “การรับรอง การสนับสนุน หรือการส่งเสริมแนวคิดเรื่องความลื่นไหลทางเพศ (gender fluidity)”

อีกเรื่องหนึ่งที่ยังเป็นประเด็นตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีไบเดนคือ สิทธิของนักกีฬาข้ามเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันให้ความสนใจ อีกทั้งยังทุ่มเงินลงไปกับโฆษณาประเด็นนี้ไปกว่า 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเลือกตั้ง และเมื่อได้ดำรงตำแหน่งทรัมป์ได้เซ็นลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีชื่อ “เอาผู้ชายออกจากกีฬาผู้หญิง (Keeping Men Out of Women’s Sports)” ส่งผลให้ต่อจากนี้บุคคลข้ามเพศไม่สามารถเข้าแข่งขันในกีฬาของผู้หญิง และการใช้ห้องแต่งตัวของผู้หญิง

Athlete Ally องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานด้านสิทธินักกีฬา ออกแถลงการณ์ต่อคำสั่งประธานาธิบดีฉบับนี้ว่า “หัวใจของเราสลายเพื่อเยาวชนข้ามเพศ ที่ต่อจากนี้จะไม่มีโอกาสได้สัมผัสความสุขจากการเล่นกีฬาในแบบที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง” ส่วนประธานสมาคมนักกีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติ (NCAA) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่า คำสั่งนี้จะส่งผลถึงนักกีฬาน้อยกว่า 10 คน จากนักกีฬากว่า 520,000 คน

เกาหลีใต้ : เส้นทางยังอีกยาวไกลสำหรับสิทธิความเท่าเทียมแก่ชุมชน LGBTQ

นักเคลื่อนไหวต่อต้าน LGBTQ ชุมนุมประท้วงต่อต้านขบวนไพรด์พาเหรด ณ กรุงโซล เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2019 (ภาพ : Ed JONES / AFP)

เรื่อง LGBTQ ยังเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับในเกาหลีใต้ ถึงแม้เราจะเริ่มเห็นบทบาทของ LGBTQ บ้างในสื่อบันเทิง อีกทั้งมีศิลปิน นักแสดง และซีรีส์ที่แสดงออกถึงความหลากหลายทางเพศมากขึ้นในช่วงหลัง แต่ในโลกความเป็นจริง LGBTQ ในเกาหลียังคงต้องต่อสู้กับแรงกดดันจากสังคมแบบครอบครัวนิยมและขนบศาสนา

เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2024 มีความคืบหน้าครั้งสำคัญ เมื่อศาลฎีกามีคำตัดสินให้สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติของเกาหลีใต้ ต้องขยายสิทธิประโยชน์สำหรับคู่สมรสให้กับคู่รักเพศเดียวกันด้วย ถือเป็นชัยชนะทางกฎหมายสำคัญของชุมชน LGBTQ ในประเทศ ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนเพศทางกฎหมายต้องผ่านการตัดสินของศาล และไม่มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้พิพากษาและเอกสารที่ยื่นประกอบ ทำให้หลายคนต้องเผชิญกระบวนการที่ยาวนาน

แม้ Human Rights Watch จะระบุว่าตอนนี้เกาหลีใต้ ยังไม่ได้ออกกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติและกฎหมายคุ้มครอง LGBTQ และกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ ในสังคม แต่ในระบบทหาร ซึ่งยังบังคับชายทุกคนต้องเกณฑ์ กลับถือว่าเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรม หลายกรณีที่ทหาร LGBTQ ถูกสอบสวน ไล่ออก หรือถูกข่มขู่จากผู้บังคับบัญชา แม้จะไม่เคยแสดงพฤติกรรมทางเพศในขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม

อีกด้านหนึ่ง ความกังวลเรื่องสิทธิกลับเพิ่มขึ้น หลังการแต่งตั้ง อัน ชังโฮ (Ahn Chang-ho) อดีตผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลที่มีจุดยืนต่อต้าน LGBTQ ขึ้นเป็น ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (National Human Rights Commission of Korea) อัน ชังโฮ เคยแสดงจุดยืนคัดค้านการออกกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติแบบครอบคลุม ซึ่งจะช่วยคุ้มครองกลุ่มเปราะบางทั้งหมด รวมถึงกลุ่ม LGBTQ ด้วย การแต่งตั้งครั้งนี้จึงถูกมองว่าอาจ ขัดขวางความก้าวหน้าของสิทธิความหลากหลายทางเพศในอนาคต

เบลารุส : ความเปราะบางของชุมชน LGBTQ ในยุโรปตะวันออก

นักเคลื่อนไหว LGBTQ ในเบลารุสขณะโบกธงต่อต้านผลการเลือกตั้งเมื่อ 6 เมษายน 2020 (ภาพ : TUT.BY / AFP)

เบลารุสไม่มีกฎหมายห้ามรักร่วมเพศโดยตรง แต่ก็ไม่มีอะไรที่คุ้มครองหรือสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ รัฐไม่ยอมรับการแต่งงานเพศเดียวกัน ไม่อนุญาตให้รับบุตรบุญธรรม และไม่มีช่องทางการเปลี่ยนเพศตามกฎหมาย ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงออกทางเพศสภาพในที่สาธารณะมักนำไปสู่การคุกคามจากทั้งรัฐและสังคม เช่น การถูกจับกุมโดยข้อหาปลอมแปลงเอกสาร หรือ “พฤติกรรมผิดศีลธรรม”

กิจกรรม LGBTQ เช่น Pride หรือกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน มักไม่ได้รับอนุญาต และมีการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีที่เริ่ม ผู้คนในเบลารุสที่มีความหลากหลายทางเพศจำนวนมากจึงต้องใช้ชีวิตแบบซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัยของตนเอง และไม่มีช่องทางร้องเรียนใด ๆ หากถูกเลือกปฏิบัติ ส่วนแนวคิดของชาวเบลารุสต่อ LGBTQ นั้นยังไม่ได้ยอมรับเท่าไหร่นัก จากการสำรวจของ World Values Survey ระหว่างปี ค.ศ. 2017-2022 ระบุว่า กว่า 66.67% ของผู้ตอบแบบสำรวจนั้น ยังไม่ยอมรับการมี LGBTQ เป็นเพื่อนบ้าน

เมื่อปี 2022 Human Rights Watch ได้ระบุว่า กระทรวงวัฒนธรรมของเบลารุสเพิ่งแก้ไขกฎหมายว่าด้วย “สื่อลามกอนาจาร” โดยเพิ่มเนื้อหาประเภท “รักร่วมเพศ ความรักระหว่างหญิงกับหญิง” และ “ความต้องการใช้ชีวิตเป็นเพศตรงข้าม” “พฤติกรรมหรือความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่เป็นแบบแผน” (non-traditional sexual relationship or behavior) ดังนั้นภายใต้คำจำกัดความนี้ การปรากฏตัวของบุคคล LGBTQ ถูกจัดรวมหมวดเดียวกันกับ ภาวะรักศพ (necrophilia), การล่วงละเมิดเด็ก (pedophilia) และ การแอบดูเพื่อความสุขทางเพศ (voyeurism) และตามกฎหมายนั้น การแสดงออกของ LGBTQ อาจจะเข้าข่าย “สื่อลามก” ซึ่งอาจถูกลงโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี และหากเกี่ยวข้องกับ สื่อลามกเด็ก (child pornography) โทษจำคุกอาจสูงถึง 13 ปี

โปแลนด์ : แรงกดดันจาก EU เปิดทางยกเลิก “เขตปลอด LGBTQ”

ภาพสติกเกอร์ที่ต่อต้านความต่อต้าน LGBTQ โดยมีข้อความเขียนว่า “นี่คือเขตปลอด LGBTQ” (ภาพ : Janek SKARZYNSKI / AFP)

โปแลนด์ - ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเบลารุส - เพิ่งมีความเคลื่อนไหวสำคัญด้านสิทธิของกลุ่ม LGBTQ เมื่อ 24 เม.ย.​ 68 หลังกว่า 100 เมืองและภูมิภาคทั่วโปแลนด์ หรือคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ยกเลิกการออกมติประกาศตนเป็น “เขตปลอดอุดมการณ์ LGBTQ” (LGBT-free zones) โดยพื้นที่เหล่านี้เคยแสดงจุดยืนไม่ต้อนรับสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ และไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมอย่าง Pride Parade หรือกิจกรรมเพื่อความเท่าเทียมใด ๆ ในพื้นที่

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางอุดมการณ์ แต่เกิดจากแรงกดดันของสหภาพยุโรป (EU) ที่ขู่จะระงับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนามูลค่าหลายพันล้านยูโร หากโปแลนด์ยังเดินหน้าขัดต่อหลักการสิทธิเสรีภาพของพลเมือง

แม้จะถอยออกจากนโยบายสุดโต่งบางอย่าง แต่สิทธิ LGBTQ ในโปแลนด์ก็ยังอยู่ในจุดที่ “ไปไม่สุด” การสมรสเท่าเทียมยังไม่ได้รับการรับรอง คู่รักเพศเดียวกันยังไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมาย มีเพียงการอยู่ร่วมกันโดยไม่จดทะเบียนที่พอจะได้รับสถานะทางกฎหมายบางประการ ขณะที่ในระดับสังคม สัญญาณบวกเริ่มชัดเจนขึ้น ผลสำรวจจาก International Ipsos + Pride 2024 พบว่า กว่า 67% ของชาวโปแลนด์สนับสนุนการสมรสเท่าเทียมอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

อังกฤษ : คำตัดสินที่ตัดคนข้ามเพศออกจากคำว่า 'ผู้หญิง' และสิทธิของชุมชน LGBTQ ในปัจจุบัน

ผู้อำนวยการกลุ่ม For Women Scotland ดีใจหลังได้ยินผลการตัดสิน คดี For Women Scotland v. The Scottish Ministers เมื่อวัน 16 เม.ย. 2025 (ภาพ : Henry NICHOLLS / AFP)

ในอดีต การรักร่วมเพศอังกฤษเคยมีโทษสูงถึงการจำคุกตลอดชีวิต ต่อมา เริ่มมีการพัฒนาสิทธิของ LGBTQ ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมตั้งแต่ปี 2003 แต่สหราชอาณาจักรในปี 2025 ถูกจับตามองอีกครั้ง

เมื่อวันนี้ 16 เม.ย. 68 ศาลฎีกาได้ตัดสินในคดี For Women Scotland v. The Scottish Ministers มีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ว่าคำจัดกัดความของ "ผู้หญิง" ตาม Equality Act 2010 ซึ่งใช้ทั่วอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ หมายถึง บุคคลที่เป็นเพศหญิงโดยกำเนิดเท่านั้น แม้บุคคลข้ามเพศจะมี ใบรับรองการข้ามเพศ (Gender Recognition Certificate: GRC) แล้ว ยังไม่ถือว่าเป็นผู้หญิงตามกฎหมาย Equality Act 2010 ศาลมองว่าการตีความเพศจากเอกสารรับรอง จะทำให้เนื้อหาของกฎหมายหลายส่วนขัดแย้งกันเอง ส่งผลให้ บ้านพักฉุกเฉินสำหรับผู้หญิง หอผู้ป่วยหญิงในโรงพยาบาล ห้องน้ำเฉพาะเพศหญิง การแข่งขันกีฬาหญิง สามารถปฏิเสธการเข้าร่วมของผู้หญิงข้ามเพศได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หลังจากคำวินิจฉัยนี้

ผู้พิพากษาลอร์ด ฮ็อดจ์ (Lord Hodge) กล่าวว่า คำตัดสินนี้ ไม่ควรถูกมองว่าเป็นชัยชนะของฝ่ายหนึ่งเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง และเน้นย้ำว่า กฎหมายยังคงให้ความคุ้มครองแก่บุคคลข้ามเพศจากการถูกเลือกปฏิบัติ แต่หลายองค์กรสิทธิมองต่างออกไป เช่น องค์กร ILGA-Europe มองว่าคำตัดสินของศาลทำให้การยอมรับตัวตนของคนข้ามเพศไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สหราชอาณาจักร ได้ล่วงลงไปอยู่อันดับที่ 22 ของยุโรป และยังเป็นรองสุดท้ายจากแทบยุโรปตะวันตกในดัชนีเรื่องกฏหมายความเท่าเทียมของ LGBTQ ทั้งที่เคยอยู่อันดับหนึ่งในปี 2015

แอฟริกาใต้ : สิทธิ LGBTQ ชาติแรกในทวีปแอฟริกา สู่การบังคับใช้จริง

ภาพของชุมชนเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนข้ามเพศ และอินเตอร์เซ็กส์ (LGBTI) ในแอฟริกาใต้ ถือป้ายประท้วงระหว่างขบวนพาเหรดไพรด์ประจำปี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2019 (ภาพ : Rajesh JANTILAL / AFP)

แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกในทวีปแอฟริกาที่ให้สิทธิสมรสแก่คู่รักเพศเดียวกันในปี ค.ศ. 2006 และเป็นประเทศแรกในโลกที่รัฐธรรมนูญห้ามการเลือกปฏิบัติโดยอิงจากเพศวิถีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 แต่อีกด้านหนึ่ง ความรุนแรงต่อ LGBTQ ยังเป็นปัญหาเรื้อรัง โดยเฉพาะในชุมชนห่างไกลที่ยังมีความเชื่ออนุรักษนิยมอย่างหนัก กรณีหนึ่งคือ “การข่มขืนเพื่อเปลี่ยนเพศ (corrective rape)” ซึ่งผู้หญิงเลสเบียนในแอฟริกาใต้ถูกข่มขืนโดยเชื่อว่าการกระทำนี้จะ “เปลี่ยนเธอให้กลับมาเป็นผู้หญิงปกติ”

ในสังคมแอฟริกาใต้ที่ยังฝังรากลึกด้วยความเป็นชายเป็นใหญ่และแนวคิดกีดกันผู้หญิง (patriarchy and misogyny) กลุ่ม LGBTQ มักถูกมองว่า “ผิดศีลธรรม” หรือ “ไม่ใช่ความเป็นแอฟริกัน” ส่งผลให้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในชีวิตประจำวันถูกเพิกเฉย และไม่ถูกพูดถึงอย่างจริงจังในระดับสังคม แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการมากขึ้นเพื่อต่อต้านอาชญากรรมจากความเกลียดชัง แต่จนถึงขณะนี้ในทางปฏิบัติ การยอมรับปัญหาและการช่วยเหลือเหยื่อในชุมชน LGBTQ ยังคงจำกัด

ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคมปี ค.ศ. 2021 ชาว LGBTQ อย่างน้อย 20 คนถูกสังหารทั่วแอฟริกาใต้ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของความรุนแรงที่มุ่งเป้าไปยังชุมชน LGBTQ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ค.ศ. 2021 มูซา ซูลู (Musa Xulu) ชายวัย 25 ปี ถูกยิงเสียชีวิตกลางลานจอดรถในเมืองอินันดา (Inanda) ขณะกำลังซื้อของที่ปั๊มน้ำมัน รายงานระบุว่า มือปืนตะโกนว่า "ฉันเกลียดเกย์" ก่อนจะยิงเขาเสียชีวิตต่อหน้าผู้คน

ผลสำรวจในปี ค.ศ. 2017 โดยศูนย์วิเคราะห์ความเสี่ยงแห่งสถาบันความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติของแอฟริกาใต้ (Centre of Risk Analysis at the South African Institute for Race Relations) พบว่า LGBTQ ชาวแอฟริกาใต้ 4 ใน 10 คน รู้จักใครบางคนที่ถูกฆ่าเพียงเพราะเป็น LGBTQ โดยเฉพาะในกลุ่มคนผิวดำ ซึ่งสูงกว่าในกลุ่มคนผิวขาว (26%) เกือบสองเท่า

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลแอฟริกาใต้ยังคงพยายามออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและป้องกัน LGBTQ โดยออกกฎหมายป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมจากการเกลียดชังและถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง และยังมีการปรับปรุงแผนการป้องกันความรุนแรงต่อ LGBTQ เช่น การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพิ่มเชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เข้าด้วยกัน

ชิลี : จากการกดขี่ สู่กฎหมายแห่งความเท่าเทียมแก่ชุมชน LGBTQ

ภาพของคู่รัก LGBTQ ที่เข้าแต่งงานกันเป็นคู่แรกของชิลี เมื่อ 10 มี.ค. 2022 หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้ประกาศใช้ (ภาพ : Claudio REYES / AFP)

25 ปีก่อน ชิลียังมองการรักเพศเดียวกันว่าเป็นอาชญากรรม แต่วันนี้ ชิลีกลายเป็นหนึ่งในประเทศละตินอเมริกาที่เปิดกว้างที่สุด ในปี ค.ศ. 2019 ชิลีผ่านกฎหมายอนุญาตให้เปลี่ยนเพศตามกฎหมายโดยไม่ต้องผ่าตัด สามปีต่อมา LGBTQ สามารถแต่งงานและรับบุตรบุญธรรมได้อย่างถูกกฎหมาย นอกจากนี้รัฐบาลยังมีโครงการรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม และผลักดันให้โรงเรียนมีหลักสูตรเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ส่งผลให้ตอนนี้ชิลีได้คะแนนดัชนีเรื่องความเท่าเทียมทางเพศอยู่ที่ 81 เต็ม 100 คะแนน สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก

The Movement for Homosexual Integration and Liberation องค์กรด้านสิทธิ LGBTQ+ ได้รายงานว่า ปี ค.ศ. 2024 เป็นปีแห่งการถดถอยของสิทธิ LGBTQ โดยชี้ว่า 23.5% ของการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อบุคคล LGBTQ+ ที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นในปีเดียวนี้ นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติสูงถึง 2,847 กรณี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 78.7%

ส่วนสถานการณ์เรื่องสิทธิ LGBTQ ของประเทศไทย แม้จะมีสมรสเท่าเทียมแล้ว แต่ยังมีการเรียกร้องสิทธิในด้านอื่น ๆ กันอยู่ เช่น เมื่อปีที่ผ่านมา รัฐสภาได้คว่ำร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ… นอกจากนี้เรื่องการอุ้มบุญที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกำลังจะแก้ไขกฎหมาย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้คู่สมรสเพศเดียวกัน และผู้หญิงที่มีลูกยากที่ต้องการมีลูกแต่ตั้งครรภ์ไม่ได้ ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ใช้ระยะเวลาปรับแก้ประมาณ 4 ปี

ทั้งนี้ สถานการณ์สิทธิของ LGBTQ ทั่วโลกที่กำลังเผชิญกระแสอนุรักษนิยมที่รุนแรงขึ้นนั้น อาจส่งแรงกระเพื่อมมาถึงประเทศไทยได้เช่นกัน เรื่องหนึ่งที่ไทยอาจได้รับผลกระทบคือ ระบบการให้บริการของภาคประชาสังคมในด้านสุขภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการสนับสนุนจากทางสหรัฐอเมริกา เช่น การป้องกัน HIV การให้คำปรึกษาในการข้ามเพศ และการเข้าถึงฮอร์โมนสำหรับการข้ามเพศ และจะส่งผลให้ระบบสุขภาพของไทยมีภาระเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องราวสิทธิ LGBTQ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป

โอบรับความหลากหลายไปกับบทความจาก Thai PBS NOW

อ้างอิง

  • CBS, Trump campaign has spent millions on anti-trans ads
  • Reuters, Florida lawmakers pass bill limiting LGBTQ discussion in school
  • PEN, Banned Books List 2025
  • Thai PBS, ทหารแปลงเพศฆ่าตัวตาย สะท้อนปัญหาเลือกปฏิบัติในเกาหลีใต้
  • AP, Activists say police in Belarus beat LGBTQ+ people while arresting and charging them
  • Human rights watch, Belarus Calls LGBT Lives ‘Pornography’
  • Human Rights Watch, South Korea
  • Human rights watch, South Africa
  • TVP World, Poland’s last 'LGBT-free zone' officially abolished
  • BBC, Supreme Court backs 'biological' definition of woman
  • Equality-Network, Press Release – ILGA-Europe Rainbow Map & Index 2025
  • The Independent, Crisis in South Africa: The shocking practice of 'corrective rape' - aimed at 'curing' lesbians
  • Mail Guardian, Pride is a heavy price to pay
  • Equaldex, LGBT Rights in Chile
  • The Washington Blade, 2024 was ‘year of regression’ for LGBTQ rights in Chile

แท็กที่เกี่ยวข้อง

LGBTQ+ความเท่าเทียมPride Monthสิทธิมนุษยชนความหลากหลายทางเพศ
พงศกร ก่อบัว
ผู้เขียน: พงศกร ก่อบัว

นิสิตฝึกงาน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด