คุณคิดว่าช่วงยุค 80 จะมีศิลปินหญิงสักกี่คน ที่กล้าร้องเพลงร็อกแบบดุดัน ฉีกทุกกฎความเป็นผู้หญิงแห่งยุค 80 ที่ต้องอ่อนหวาน เรียบร้อย นุ่มนวล เรียกได้ว่าเธอนั้นเป็นผู้บุกเบิกความเป็นร็อกเกอร์หญิงสุดห้าวคนแรก ๆ ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
แต่การมีคาแรกเตอร์แบบนี้ในยุคนั้น จะต้องพบเจอกับเรื่องราวอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องราวตั้งแต่จุดเริ่มต้น DNA ความเป็นร็อกเกอร์ของเธอคนนี้มีเบื้องหลังที่น่าติดตามอย่างไร หาคำตอบได้ในบทความนี้
“เอ๋ นรินทร ณ บางช้าง” ร็อกเกอร์หญิงคนแรก ๆ ของเมืองไทยที่มีคาแรกเตอร์สุดห้าว ซึ่งในช่วงยุค 80 นับว่าเป็นเรื่องยากที่ผู้หญิงจะก้าวมาเป็นศิลปินร็อก เนื่องจากความที่ผู้หญิงยุคก่อนยังไม่ค่อยมีความกล้าแสดงออก ซึ่งน้อยคนที่จะลุกขึ้นมาร้องเพลงร็อกแบบดุดันเหมือนอย่างเอ๋ นรินทร และเพลงเปิดตัวในอัลบั้มแรกนั่นก็คือเพลง “พ่อฉันซ่า” ซึ่งเป็นเพลงแนวร็อกที่ตอบโจทย์ความเป็นเอ๋ นรินทร เป็นอย่างมาก และตรงกับชีวิตเธอสุด ๆ เนื่องจากการที่เธอเข้ามาเป็นนักร้องได้ ก็มาจาก DNA จากคนร็อกตัวพ่ออย่าง “ช.อ้น ณ บางช้าง” ซึ่งถือว่าถ่ายทอดความร็อกได้อย่างตรงรุ่นกันเลยทีเดียว
แต่ความเป็นชาวร็อกของเธอในยุคนั้น ก็ใช่ว่าจะเรียบง่าย เพราะโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับท่าทางการแสดงของเธอ เช่น ตีลังกาบนเวที ซึ่งภาพการเป็นผู้หญิงแบบนี้ในยุคนั้นยังไม่ค่อยมีมากนัก จึงทำให้เธอโดนวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งทางบวกและทางลบ
ซึ่งตัวตนความร็อกของ เอ๋ นรินทร ถูกลดลงมาในอัลบั้มที่ 2 โดยเปลี่ยนจากร็อกดุดันให้เป็น Soft Rock มากขึ้น มีความวาไรตี้มากยิ่งขึ้น เหตุผลเพื่อยอดขายทางการตลาดโดยตรง เนื่องจากความเป็นผู้หญิงที่มีภาพลักษณ์ที่แรงเกินไปในยุคนั้น ผู้คนในสังคมยังถือเป็นเรื่องที่รับไม่ค่อยได้ จึงมีการเปลี่ยนแปลงแนวเพลงในอัลบั้มที่ 2 ที่ชื่อว่า ฝันนั้นเป็นจริง ถูกปล่อยเมื่อปี พ.ศ. 2531
ซึ่งอัลบั้มนี้เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเพลงที่ทำให้คนเริ่มรู้จักชื่อของเอ๋ นรินทร นั่นก็คือเพลง “ขออภัยไว้ก่อน” เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายดนตรีในแบบ Bossa nova พลิกภาพลักษณ์ความเป็นร็อกเกอร์สาวสุดห้าวของเธอไปเลยทีเดียว
แม้ว่ายอดขายของเพลง ขออภัยไว้ก่อน จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่เบื้องหลังเพลงนี้กลับเป็นเพลงเจ้าปัญหาสำหรับเธอ เนื่องจากเป็นเพลงที่ไม่มีความเป็นตัวตนของเธอเลย ในช่วงแรก เอ๋ นรินทร ไม่สามารถร้องเพลงนี้ในห้องอัดเสียงได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่ง เอ๋ นรินทร ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้เอาไว้ว่า แม้เพลงจะดีแค่ไหน แต่เพลงนี้ไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย ถึงขั้นที่เธอเชื่อว่า เพลงอยู่ในปากของคนอื่นน่าจะดีกว่า ช่วงวลานั้น เอ๋ นรินทร ตัดสินใจออกจากห้องอัดเสียง กลับบ้านไปโดยที่ไม่ได้บันทึกเพลงนี้ด้วยซ้ำ
แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ คือ เมื่อเธอได้กลับมาบ้านแล้วเล่าเรื่องราวให้คุณพ่อฟัง และได้ความเห็นจากคุณพ่อมาเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอฉุกคิดได้ นั่นก็คือ “คำว่า นัก แปลว่าผู้เชี่ยวชาญ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นนักร้อง นั่นแปลว่า ต้องเชี่ยวชาญด้านการร้องเพลง ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วเป็นแค่คนร้องเพลง ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องเพลงนี้”
จากคำพูดขอคุณพ่อ ทำให้เอ๋ นรินทร ได้สติขึ้นมา แล้วฉุดคิดกับตัวเองว่า ตัวเองเป็นนักร้องจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่คนที่ชอบร้องเพลง หลังจากนั้นเธอก็ได้ลองเปิดใจฟังเพลงแนวลาตินที่เป็นเพลงสากล จนเกิดความรู้สึกว่า ฟังแล้วมีความสุขดี ทำให้รู้ตัวเองว่าตอนแรกที่เธอปฏิเสธที่จะร้องเพลงนั้นเป็นเพราะใจตัวเองต้าน ไม่ยอมเปิดใจตั้งแต่แรก
หลังจากนั้นเธอก็กลับไปห้องอัดเสียงอีกครั้งเพื่อร้องเพลงนี้ ไม่นาน เอ๋ นรินทร ก็สามารถร้องเพลงได้ทุกแนว และก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องมืออาชีพแบบมีคุณภาพได้อย่างแท้จริง
ต้องยอมรับว่า ช.อ้น ณ บางช้าง ศิลปินร็อก ผู้เป็นคุณพ่อของเอ๋ มีส่วนสำคัญในการผลักดันร็อกเกอร์สาวสุดห้าวอย่างเอ๋ นรินทร ให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงคุณภาพคนหนึ่งของเมืองไทย ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งเส้นทางในวงการของเอ๋ นรินทร บทบาทและความสามารถ รวมไปถึงความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่ร็อก ที่บอกได้เลยว่า ทุกเรื่องราวเข้มข้น ดุดัน สมกับความเป็น DNA ของตระกูล “ณ บางช้าง”
สามารถเข้าไปรับชมเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการนักผจญเพลง Replay ผ่านทางเว็บไซต์ Thai PBS ในตอนที่มีชื่อว่า ร็อกขับเคลื่อนชีวิต “นรินทร ณ บางช้าง”