เอ่ยคำว่า “บริจาคเลือด” ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมดี ๆ ที่ผู้คนในสังคมนิยมกระทำกัน ทว่าในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ ในยามสงคราม การรับบริจาคเลือด ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อผู้คนได้รับบาดเจ็บ
Thai PBS นำข้อควรรู้ บริจาคเลือดอย่างไร ให้ได้ประโยชน์ทั้งผู้บริจาคและผูได้รับบริจาค มาบอกกัน
คุณสมบัติที่เหมาะสมของผู้บริจาคเลือด ควรเป็นอย่างไร ?
- สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
- มีน้ำหนักตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป
- นอนหลับอย่างเพียงพอในคืนก่อนมาบริจาคเลือด
- ไม่มีอาการท้องเสียหรือเป็นไข้หวัด ในช่วง 7 วันก่อนการบริจาคเลือด
- ไม่มีภาวะน้ำหนักลดลงผิดปกติในช่วง 3 เดือนก่อนการบริจาคเลือด
- ไม่มีประวัติการเสพยาเสพติด
- ไม่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรในช่วง 6 เดือนก่อนการบริจาคเลือด
- หากมีการทำทันตกรรม เช่น ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน หรือรักษารากฟัน ควรทิ้งระยะห่างก่อนการบริจาคเลือดอย่างน้อย 3 วัน
- หากมีการเจาะหู สัก ลบรอยสัก หรือฝังเข็ม ควรทิ้งระยะก่อนการบริจาคเลือดอย่างน้อย 4 เดือน
- หากมีการผ่าตัดใหญ่ ควรทิ้งระยะก่อนการบริจาคเลือดอย่างน้อย 6 เดือน ส่วนการผ่าตัดเล็ก ควรทิ้งระยะห่างก่อนการบริจาคเลือดอย่างน้อย 7 วัน
- หากเคยเจ็บป่วยและเคยได้รับการให้เลือดจากผูู้อื่น ควรทิ้งระยะห่างก่อนการบริจาคเลือดอย่างน้อย 1 ปี
- หากเป็นผู้ที่เพิ่งพ้นโทษ ควรทิ้งระยะห่างก่อนการบริจาคเลือดอย่างน้อย 3 ปี
อายุของผู้บริจาคเลือด ควรเป็นอย่างไร ?
ลักษณะของผู้ที่สามารถบริจาคเลือด มีข้อพึงทราบดังนี้
- ผู้บริจาคเลือดต้องมีอายุตั้งแต่ 17 – 70 ปี กรณีผู้บริจาคเลือดอายุ 17 ปี ต้องมีเอกสารยินยอมจากผู้ปกครอง ส่วนผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึนไป ไม่ต้องมีเอกสารรับรอง
- ผู้บริจาคเลือดที่มีอายุมากกว่า 60 - 65 ปี และบริจาคต่อเนื่องมาตลอด ให้บริจาคได้ทุก 3 เดือน
- ผู้บริจาคเลือดที่มีอายุมากกว่า 65 -70 ปี และบริจาคต่อเนื่องมาตลอด ให้บริจาคได้ทุก 6 เดือน และต้องมีการตรวจนับจำนวนของเม็ดเลือดทุกชนิดทุกครั้ง
มีข้อห้ามใดบ้างในการบริจาคเลือด ?
การมีปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง ส่งผลให้ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ เนื่องจากไม่สามารถนำเลือดไปใช้ และอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้บริจาคเอง ลักษณะต้องห้ามของผู้ที่ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ มีข้อพึงสังเกตเหล่านี้
- มีปริมาณของฮีโมโกลบินไม่เพียงพอ
- อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
- เพิ่งกลับมาจากการเดินทางไปต่างประเทศ
- มีความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ
- อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาอาการ
- ติดเชื้อเอชไอวี, โรคไวรัสตับอักเสบบี, โรคไวรัสตับอักเสบซี หรือโรคมะเร็ง
สิ่งที่ควรงดก่อนมาบริจาคเลือด
- ควรงดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้พลาสมา ซึ่งเป็นของเหลวในเลือด มีมีสีขาวขุ่น
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาคเลือด
- ควรงดสูบบุหรี่ ทั้งก่อนและหลังบริจาคเลือดอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
- ควรงดรับประทานยาแอสไพริน ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้ปวดอื่น ๆ อย่างน้อย 3 วันก่อนบริจาคเลือด
- ควรงดรับประทานยาแก้อักเสบหรือยาอื่น ๆ อย่างน้อย 7 วันก่อนบริจาคเลือด
ข้อปฏิบัติที่ควรทำหลังบริจาคเลือด
หลังการบริจาคเลือดเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เป็นข้อควรปฏิบัติ หรือตระหนักเพื่อความปลอดภัยของร่างกาย มีดังนี้
- หลังบริจาคเลือดเสร็จ ให้นอนพักบนเตียงก่อน การลุกขึ้นโดยทันที อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลมได้
- หลังการบริจาคเลือด ควรดื่มน้ำในปริมาณมากกว่าปกติ 1 วัน
- สำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูง หลังการบริจาคเลือด แนะนำให้หยุดทำงาน 1 วัน เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
- หลังการบริจาคเลือด ควรงดการซาวน่า หรือออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ทำให้เสียเหงื่อมาก
เกร็ดน่ารู้การบริจาคเลือด
- การบริจาคโลหิตไม่ทำให้อ้วน เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้อ้วน เกิดได้หลายปัจจัย เช่น รับประทานอาหารมากเกินไป ความบกพร่องของการเผาผลาญพลังงาน ฮอร์โมน พันธุกรรม รวมทั้งการขาดการออกกำลังกาย
- ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการใช้เลือดในแต่ละวันเฉลี่ย 5,000 ยูนิตต่อวัน โดยส่วนใหญ่เลือดที่บริจาค จะถูกใช้ไปในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดใหญ่ และผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ
- กรุ๊ปเลือดที่มีความต้องการมากที่สุด คือ กรุ๊ป AB ตามมาด้วยกรุ๊ป A, B และ O ตามสัดส่วนของประชากรในประเทศ
- หากร่างกายอยู่ในสภาวะปกติ ใน 1 ปี สามารถบริจาคเลือดได้สูงสุด 4 ครั้ง และเฉลี่ยทั้งชีวิตของคน สามารถบริจาคเลือดได้ราว 212 ครั้ง
- การบริจาคเลือดบ่อย ๆ ไม่ทำให้ร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันลดลง ในทางกลับกัน ยังเป็นการกระตุ้นให้ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาแทนที่ ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น
- สำหรับผู้ที่มีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันหรือมะเร็งบางชนิด การบริจาคเลือดจะช่วยลดปริมาณธาตุเหล็กส่วนเกินออกไป และลดโอกาสการเกิดโรคดังกล่าวลงได้
การบริจาคเลือด เป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคม และยังเป็นการได้ดูแลตรวจเช็กสุขภาพร่างกายไปในคราวเดียวกัน
อ้างอิง
- คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต / คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
- บริจาคเลือด ขั้นตอนการเตรียมตัวและข้อควรรู้ในการบริจาค / PobPad