ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รู้จัก “ความโกรธ” และวิธีการจัดการอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา


Thai PBS Care

สันทัด โพธิสา

แชร์

รู้จัก “ความโกรธ” และวิธีการจัดการอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2951

รู้จัก “ความโกรธ” และวิธีการจัดการอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา

 

“ความโกรธ” เป็นอารมณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในสิ่งมีชีวิตทั่วไป หากแต่การแสดงออกซึ่งความโกรธ อาจนำมาซึ่งผลเสียทั้งต่อตนเอง และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง 

ในห้วงเวลาที่อารมณ์แห่ง “ความโกรธ” วนเวียนอยู่รายรอบตัวเรา ทั้งในโลกจริง หรือโลกออนไลน์ ชวนหาทางออก วิธีการจัดการกับความโกรธ เราทำได้…และเราควรทำ

รู้จักสิ่งที่เรียกว่า “ความโกรธ”

ความโกรธเป็นอารมณ์ที่พบได้ในคนทั่วไป โดยเป็นสภาวะทางอารมณ์รุนแรง ที่ตอบสนองจากความไม่สบายใจ และความไม่เห็นด้วยอย่างแรง ทั้งจากการยั่วยุ ความเจ็บปวด หรือการคุกคามที่ได้รับ
ธรรมชาติของความโกรธ เป็นภาวะอารมณ์ที่มีความเข้มข้นแตกต่างกัน ตั้งแต่โกรธน้อย ๆ หรืออาจเรียกว่าเป็นความหงุดหงิด จนถึงขั้นรุนแรงมาก 

ความโกรธนอกจากจะส่งผลถึงพฤติกรรมที่แสดงออกมาแล้ว ยังส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงทางชีวะและสรีระ เช่น มีอาการหัวใจเต้นแรงและเร็ว รู้สึกใจสั่น ความดันโลหิตสูงขึ้น หน้าแดง กล้ามเนื้อเกร็ง กรณีถ้าเป็นภาวะของความโกรธที่รุนแรง อาจมีอารมณ์พลุ่งพล่าน จนระเบิดคำพูด หรือการกระทำออกมาโดยขาดการควบคุม

ความโกรธของคนเราไม่เท่ากัน

การที่ความโกรธของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน บางโกรธง่าย บางคนโกรธยาก ทั้งนี้เคยมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าความโกรธมีความสัมพันธ์กับลักษณะนิสัยใจคอ รวมไปถึงพันธุกรรม ตลอดจนทัศนคติ และสิ่งที่ทำจนเป็นนิสัย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งเสริมให้มนุษย์คนหนึ่ง แสดงความโกรธออกมารุนแรงมากกว่าคนอื่น 

ยังมีปัจจัยที่ส่งผลให้กลายเป็นคนที่เกิดความโกรธ หรือ “ขึ้นง่าย” อีก เช่น 

  • การมีความเชื่อว่าตัวเองมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น 
  • การเป็นคนที่มักจะพยายามควบคุมสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามใจของตัวเอง 
  • การเป็นคนที่มักจะปฏิเสธมุมมองความคิดของคนอื่น หรือมองว่าคนที่คิดต่างเป็นภัย
  • การเป็นคนที่มีความอดทนต่อความไม่สะดวกสบายและความคลุมเครือต่ำ
  • การมีนิสัยชอบตำหนิ กล่าวโทษปัจจัยภายนอกตนเองเป็นประจำ

ความโกรธทำให้เกิดโรคภัย

อารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเกิดบ่อยครั้งจนเกินไป ยังมีผลต่อร่างกาย จนกลายเป็นเกิดโรคภัยต่าง ๆ เช่น

โรคหัวใจและหลอดเลือด
เมื่อเกิดความโกรธ ฮอร์โมนในกลุ่มความเครียดจะหลั่งออกมาปริมาณมาก ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด กระตุ้นให้หัวใจบีบตัวเร็วและแรงขึ้น และมีการสะสมไขมันเพิ่มขึ้นในหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดแข็งตัวกว่าปกติและตีบแคบลง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด และโรคอื่น ๆ เกี่ยวกับหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง

การทำงานของภูมิคุ้มกันต่ำลง
ความโกรธทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงและเจ็บป่วยง่ายขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนความเครียดไปยับยั้งกลไกการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้คนที่โมโหง่าย อาจมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับทางระบบย่อยอาหาร และระบบทางเดินหายใจมากขึ้น

สุขภาพจิตแย่ลง
ความโกรธทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล ส่วนคนที่มีโรควิตกกังวลอยู่แล้ว อาจมีอาการแย่ลงกว่าเดิมเมื่อรู้สึกโกรธ โดยเฉพาะคนที่มักเก็บความรู้สึกโกรธไว้ภายในจิตใจ

ความโกรธยังนำไปสู่อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ อีก เช่น อาการปวดศีรษะ โรคผิวหนังอักเสบ รวมทั้งปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น การทำร้ายร่างกายตนเองหรือผู้อื่น และการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ

เทคนิคการจัดการความโกรธ

ไม่อยากโกรธ ก็ต้องหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้ความโกรธก่อตัวขึ้นมา มีข้อแนะนำในการจัดการกับความโกรธ ดังนี้

ปรับความคิด 
การเปลี่ยนวิธีให้กับตัวเอง เป็นเรื่องสำคัญที่สุด หัดมองสิ่งที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นเรื่องบวก ลองเปลี่ยนวิธีคิด จากที่มักชอบคิดว่า “ทำไมต้องมีเรื่องนี้เกิดกับฉัน” กลายเป็น “เรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ฉันจะแก้ไขมันยังไง”

การเปลี่ยนมุมมองของสถานการณ์ที่ทำให้โกรธเสียใหม่ โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ใครก็สามารถพบเจอได้ สิ่งที่ควรทำต่อไป นั่นคือ มีสติ แล้วแก้ปัญหาให้ตรงประเด็น

ฝึกทักษะการสื่อสาร 
เหตุผลหนึ่งที่คนเรามักเกิดอารมณ์โกรธ เพราะสื่อสารอะไรแล้วผู้อื่นไม่ฟัง จนเกิดความอึดอัดและขุ่นมัวในใจ วิธีแก้ไขคือ หัดรับฟังให้มากขึ้น เปิดใจ และหากเริ่มรู้สึกมีอารมณ์โกรธ ให้ทำตัวเองช้าลง ระมัดระวังคำพูดมากขึ้น และฟังอย่างตั้งใจ หัดทำบ่อย ๆ จนเกิดความเคยชิน จะทำให้เราฝึกควบคุมอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนาได้

สร้างสมดุลอารมณ์
หลายครั้งหลายคราที่เรามักปล่อยให้อารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยไร้การควบคุม การจัดการและสร้างสมดุลอารมณ์จึงมีความจำเป็น และช่วยในการจัดการอารมณ์โกรธได้ 

เมื่อใดที่เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์โกรธ พยายามฝึกตัวเองให้นิ่ง โดยอาจใช้วิธีกำหนดลมหายใจ หายใจเข้าออกช้า ๆ ให้สมาธิไปอยู่ที่ลมหายใจ สักพักหนึ่งค่อยหายใจตามปกติ การทำแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกายคุ้นชิน จนกลายเป็นเรื่องปกติ

เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เพื่อขจัดความโกรธ
ในชีวิตประจำวัน เราไม่อาจกำหนดหรือควบคุมสิ่งใด ๆ ได้หมดทุกอย่าง ย่อมมีเรื่องเข้ามารบกวนจิตใจ โดยเฉพาะโลกออนไลน์ในวันนี้ ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และหลาย ๆ เรื่องราวเหล่านั้น มักเข้ามากระทบจิตใจจนทำให้เกิดความโกรธ 

อีกหนึ่งทางออกที่ตรงไปตรงมาที่สุด คือการเปลี่ยนตัวเองจากสภาพแวดล้อมนั้น ๆ หากเมื่อไรที่รู้ตัวว่าจะเกิดอารมณ์โกรธ ให้เอาตัวออกจากสิ่งเร้า เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง ใช้เวลาไม่นาน 5 – 10 นาที ยิ่งหากฝึกควบคุมอารมณ์มาก่อนหน้าแล้ว การสยบอารมณ์ขุ่นมัว ยิ่งทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น

หากมองโลกอย่างขบขัน อันคำว่า “ความโกรธ” ล้วนเป็นสมบัติของตัวเองทั้งสิ้น ไม่แปลกที่เรามักจะมีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจ จนพาลให้เกิดความโกรธ แต่อย่าเหมารวม โทษเอาความโกรธ เป็นตัวปัญหาอยู่ร่ำไป เพราะถ้าเรารู้จัก “จัดการ” ทำให้อารมณ์ต่าง ๆ อยู่ในที่ในทาง เมื่อนั้น ความโกรธก็จะเป็นเพียงหนึ่งในภาวะที่เกิดขึ้น 

เมื่อเห็น รับรู้ สุดท้ายก็ปล่อยให้มันดับลงไป แล้วความโกรธก็จะไม่พาเราไปพบกับปัญหา (ใหญ่) ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นต่อไป…

อ้างอิง

  • รู้ทันรับทันความโกรธ / คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
     

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ความโกรธโกรธอารมณ์จัดการ
สันทัด โพธิสา

ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด