ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

18 ปี Girls’ Generation : แด่เธอ…ความรักอันเป็นนิรันดร์ของไทยโซวอน


Insight

นวพร เรืองศรี

แชร์

18 ปี Girls’ Generation : แด่เธอ…ความรักอันเป็นนิรันดร์ของไทยโซวอน

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2994

18 ปี Girls’ Generation : แด่เธอ…ความรักอันเป็นนิรันดร์ของไทยโซวอน

กาลครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่นานเท่าไหร่…มีเด็กผู้หญิงผมสั้นเท่าติ่งหูคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน ทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณ เพื่อบอกเวลาหมดคาบเรียนสุดท้ายของวัน

แน่นอนว่าจุดมุ่งหมายของเธอนั้น ก็คงไม่แตกต่างไปจากความสนใจของเด็กสาวอายุ 15 ปีโดยทั่วไป นั่นคือการกลับไปนั่งออนไลน์รอเพื่อนๆ และคนที่แอบชอบอยู่หน้าจอโปรแกรม MSN พลางครุ่นคิดถึงอนาคตการศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของตนเอง ว่าจะเดินไปในทิศทางไหนดี

จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากเปิด YouTube เข้าไปเจอ ‘ผู้หญิง 9 คน’ 9 แบบ 9 สไตล์ แต่มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปินร่วมกัน ภายใต้ชื่อวง Girls’ Generation  พวกเธอกำลังร้องเพลงและเต้นอย่างสุดแรงเกิด พร้อมส่งสัญญาณความมุ่งมั่นผ่านเนื้อเพลงท่อนหนึ่งว่า “Girls’ Generation, We don’t stop.” โดยไม่รู้เลยว่า วินาทีที่พวกเธอเปล่งเสียงร้องประโยคนั้นออกมา เป็นวินาทีที่เปลี่ยนชีวิตอันอ้างว้างและโดดเดี่ยวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาลเช่นเดียวกัน

จากวันนั้นจนวันนี้ เด็กผู้หญิงผมสั้นเท่าติ่งหูคนนั้นได้เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับผู้หญิง 9 คนในหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นกลุ่มศิลปิน ‘ดาวค้างฟ้า’ และกลายเป็นตำนานของวงการเพลง K-Pop เจ้าของฉายา ‘เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ’ มานานกว่า 18 ปีแล้ว (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) โดยมี “โซวอน” แฟนคลับผู้เป็นดัง ‘ความหวัง’ ของ Girls’ Generation คอยเป็น ‘ลมใต้ปีก’ ช่วยประคองกันไป

เนื่องในวันครบรอบ 18 ปี อันแสนยาวนานนี้ Thai PBS NOW ซึ่งเป็นหนึ่งในโซวอนตัวน้อยๆ ของสาวๆ Girls’ Generation เช่นเดียวกัน อยากจะขอพาคุณนั่งไทม์แมชชีน ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาอันเป็นนิรันดร์ ร่วมกับ Soshi Fanclub เว็บบอร์ดและเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านที่สุดเว็บหนึ่งในยุคเปลี่ยนผ่าน ก่อนการมาของโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการทำเว็บ ไปจนถึง ‘ก้าวต่อๆ ไป’ ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่รู้ว่ามี (กัน) อยู่อย่างแน่นอน


จุดเปลี่ยนผ่านในชีวิต คือจุดเริ่มต้นของการเป็น “โซวอน”

Soshi Fanclub เป็นบ้านเบสแฟนคลับของ Girls’ Generation หรือ ‘โซนยอชิแด (소녀시대)’  ซึ่งเป็นชื่อภาษาเกาหลีที่แปลว่า ‘ยุคสมัยของหญิงสาว’ เหมือนกับชื่อภาษาอังกฤษ แต่โซวอนอย่างพวกเรา จะชอบเรียกสาวๆ สั้นว่า ‘โซชิ’ 

คุณเบบี้ หนึ่งในทีมผู้ก่อตั้ง Soshi Fanclub เล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นในการเป็นแฟนคลับของเธอนั้น เกิดจากการดูรายการ Girls Go To School รายการเรียลลิตี้แรกของ Girls’ Generation ที่สาวๆ ทั้ง 9 คนได้โชว์ความเป็นตัวเองกันแบบเต็มร้อย

“ตอนแรกเราเป็นแฟนคลับของสาวๆ Baby Vox มาก่อน แต่เป็นช่วงยุคหลังๆ ก่อนที่เขากำลังจะเริ่มพักวง มีเพื่อนคนหนึ่งที่เราชอบคุยด้วยในไอซีคิว (ICQ) บอกว่า Girls Group วงใหม่ ของค่าย SM กำลังจะเปิดตัวนะ ไปมุงกันดีไหม”

SM Entertainment ค่ายต้นสังกัดของสาวๆ ค่อยๆ ปล่อยคลิปวิดีโอเปิดตัวออกมาทีละคนๆ อันประกอบไปด้วยสมาชิก 9 คน คือ แทยอน (Taeyeon) ลีดเดอร์สาวเสียงทรงพลัง, เจสสิก้า (Jessica) เจ้าหญิงน้ำแข็ง นักร้องเสียงหลักที่โดดเด่น ทั้งด้านการร้องเพลงและวิชวล , ซันนี่ (Sunny) สาวที่ตัวเล็กที่สุดในวง ตัวกระจายคาริสม่าบนสเตจ, ทิฟฟานี่ (Tiffany) สาวตายิ้ม ตำแหน่งนักร้องนำ แบกความฝันข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอเมริกา, ฮโยยอน (Hyoyeon) เมนแดนซ์นักเต้นเท้าไฟ , ยูริ (Yuri) สาวผิวแทน ตำแหน่งนักร้องเสริม แรปเปอร์และนักเต้นนำ เจ้าของฉายา ‘ไข่มุกดำแห่งเอเชีย’, ซูยอง (Sooyoung) สมาชิกในวงที่ตัวสูงที่สุด แรปเปอร์สาวที่มีความสามารถทางด้านการเต้น, ยุนอา (Yoona) วิชวล-เซนเตอร์ของวง และซอฮยอน (Seohyun) มักเน่น้องนุชคนสุดท้อง กับความสามารถแบบ All-Rounder

หญิงสาวทั้ง 9 จากวง Girls' Generation

“พอได้ดู Girls Go To School รายการเรียลลิตี้แรกของโซชิ เราก็ยิ่งชอบ แต่คุยกับเพื่อนคนเดียวแล้วมันไม่สนุก เราอยากคุยเยอะๆ อยากเม้าท์มอย เลยเริ่มหาเพื่อนที่ชอบ Girls’ Generation เหมือนกัน ซึ่งสมัยก่อนมันจะมีฟรีฟอรั่ม (Free Forum) เปิดพื้นที่ให้คนคุยกัน สรุปสุดท้ายได้ทำความรู้จักกับคนที่สร้างฟรีฟอรั่มนั้น ซึ่งเขาอยากได้คนมาช่วยพอดี และเราก็อยากให้ Girls’ Generation กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เลยชวนเพื่อนมาทำฟรีฟอรั่มด้วยกัน ก่อนจะขยายเป็นเว็บไซต์ Soshi Fanclub” คุณเบบี้กล่าว

เมื่อย้อนกลับไปในปี 2007  คนส่วนใหญ่จะรู้จักศิลปินต่างชาติจาก MTV ซึ่งต้องดูผ่านระบบเคเบิลทีวีเท่านั้น การทำเว็บบอร์ดขึ้นมา จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด (ในเวลานั้น) แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง เพราะเป็นยุคเริ่มต้นของระบบอินเทอร์เน็ต ก่อนจะได้ ‘คุณพลอย’ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเว็บ และ ‘คุณมด’ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน ‘ผ้าเบรก’ ของทีมเข้ามาช่วย

“Soshi Fanclub ในยุคแรกๆ เรายังแชร์เว็บกับชาวบ้านเขาอยู่ พอจำนวนผู้ใช้งาน (Users) มากขึ้น เราก็มาคุยกันว่า ทำไมเราไม่ซื้อเซิร์ฟเวอร์แยกมาเอง ให้มันสามารถจัดการทุกอย่างได้ในเซิร์ฟเวอร์เดียวไปเลย ก่อนจะซื้อเซิร์ฟเวอร์สำหรับเก็บภาพและวิดีโอเพิ่มอีก 1 ตัว เพื่อให้คนที่เป็นโซวอนมาโหลดไฟล์ได้ที่เรา ไม่ต้องไปนั่งฝากไฟล์ที่เว็บอื่น ซึ่งบางทีจำกัดขนาดไฟล์ไว้ที่ 100MB แต่ไฟล์งานแสดงของสาวๆ บางครั้งก็ 700MB เขาก็ต้องมาหั่น 7 ไฟล์กว่าจะได้ดูงานๆ หนึ่ง” คุณพลอยเล่า

 

เส้นทางไอดอล ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

กระแสในช่วงขวบปีแรกของ Girls’ Generation ไม่ได้ ‘แป้ก’ แต่ก็ห่างไกลจากคำว่า ‘เปรี้ยง’ เพราะคนส่วนใหญ่ (ในตอนนั้น) จะรู้จักพวกเธอในฐานะวง ‘น้องสาว’ ของ Super Junior ศิลปิน Boy Group ที่กระแสกำลังบูมสุดๆ ในตอนนั้น ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องการ ‘เดทข้ามวง’ และพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของเหล่ากูรู (กูรู้) ที่ไม่รู้ว่ารู้จริงไหม ทำให้ความเกลียดชังขยายตัวไปในวงกว้าง นำไปสู่เหตุการณ์ Black Ocean หรือการที่ผู้ชมพร้อมใจกันปิดแท่งไฟ และพร้อมใจกันนั่ง ‘เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงปรบมือให้กำลังใจสาวๆ ในงาน Dream Concert 2008 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและโหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลง K-Pop เลยก็ว่าได้

“Black Ocean ในสมัยนั้น มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่เหมือนกัน เท่าที่มดจำได้ สมัยนั้นข่าวลือมันเยอะมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นข่าวลือในด้านที่ไม่ดี ไอ้เราก็ไม่เข้าใจภาษาเกาหลีเนอะ ต้องไปนั่งอ่านภาษาอังกฤษ ที่มีคนแปลเป็นภาษาไทยอีกที ถึงได้รู้ว่ามันคือการแอนตี้ หรือการแสดงความไม่เคารพแบบหนึ่งนะ”

“ในมุมมองเรา คนที่ชอบโซชิ เราก็จะรู้สึกว่า ทำไมเขาต้องมาเกลียดสาวๆ เราขนาดนี้ ศิลปินของเราไปทำอะไรให้เขา แต่พอย้อนมองกลับไปในวันที่โตขึ้นแล้ว จริงๆ เขาก็แค่ไม่ชอบแหละ ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำอะไรก็ผิดไปหมด ต่อให้เราไปอธิบาย หรือทุ่มเททำอะไรแค่ไหน ก็ไม่สามารถลบอคติตรงนั้นออกไปได้” คุณมดเล่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ Black Ocean

ภาพเหตุการณ์ Black Ocean

ฉายา ‘เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ’ ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

แต่ฟ้าหลังฝน ย่อมสวยงามเสมอ ในที่สุด จุดเปลี่ยนชนิดพลิกผันของ  Girls’ Generation ก็มาถึง เมื่อสาวๆ ปล่อยเพลง Gee ออกมาในปี 2009 ด้วยทำนองและเนื้อเพลงที่ติดหู ทำให้คนร้องท่อน “จี” ติดกัน 5 ครั้งได้แบบทั่วบ้านทั่วเมือง พร้อมกับภาพจำของผู้หญิง 9 คน สวมเสื้อสีขาว และกางเกงยีนส์หลากสี จุดกระแสความนิยมให้พวกเธอ ทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศ

แน่นอนว่า พอจุดไฟแช็กติดแล้วครั้งหนึ่ง การจุดไฟในครั้งต่อๆ ไปก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น Girls’ Generation ยังคงส่งตรงเพลงฮิตถึงใจคนฟังอย่างต่อเนื่อง ด้วยซิงเกิ้ลย่อยง่ายอย่าง Genie (Tell me your Wish), Oh! หรือแนวเพลงที่โตขึ้นอย่าง Run Devil Run และ Hoot ในช่วงปีต่อๆ มา ก่อนบุกตลาดเพลงสหรัฐฯ ด้วยเพลง The Boys ในปี 2011 และบุกตลาดเพลงญี่ปุ่นอย่างจริงจังกับอัลบั้ม The First Japanese Album : Girls’ Generation  

นอกจากผลงานเพลง อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Girls’ Generation ประสบความสำเร็จ ในการ ‘ตก’ โซวอนเข้าด้อม คือคาแรกเตอร์ของทั้ง 9 สาว ที่หลากหลายและชัดเจน มีทั้งสายหวาน, สายแซ่บ และสายฮา จนได้รับฉายา ‘9 สาวคณะตลกแห่งชาติ’ กลายเป็นที่รักของผู้คนมากมาย และพร้อมใจกันโบกแท่งไฟสีชมพู (สีประจำวง) ในคอนเสิร์ตอื่นๆ จน Black Ocean เปลี่ยนเป็น Pink Ocean ในที่สุด

คุณเบบี้เล่าว่า ช่วงที่พีคมากๆ ของสาวๆ คือช่วงปี 2009-2015 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ ‘จุดพีค’ ของ Soshi Fanclub เช่นเดียวกัน

“จำได้ว่าช่วงนั้น เว็บบอร์ดของเราคึกคักมาก จากช่วงแรกๆ ที่เป็นการตอบกระทู้คุยกัน เราก็เริ่มทำ Chat Box ให้โซวอนได้เข้ามาพูดคุยกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ รู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้รู้ว่าโซวอนหลายๆ คน เขาเริ่มรู้จักกันผ่านตรงนี้ และในปัจจุบันนี้ เขาก็ยังคุยกันอยู่”

“เพราะจริงๆ แล้ว Soshi Fanclub เกิดขึ้นมาด้วยจุดประสงค์หลักๆ คืออยากให้ทุกคนได้รู้จัก Girls’ Generation อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าผู้หญิง 9 คนนี้เป็นยังไง ซึ่ง ณ ตอนนั้น เทคโนโลยีต่างๆ มันยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงอยู่ เราเลยอยากจะสร้าง ‘คอมมิวนิตี้ที่จริงใจ’ ให้กันขึ้นมา แค่นั้นเลยค่ะ” คุณเบบี้ย้ำ

 

เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง (จำนวนสมาชิก) ครั้งยิ่งใหญ่

Girls’ Generation ถูกจดจำในฐานะศิลปิน ด้วยภาพจำของเด็กสาว 9 คน มาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ 30 กันยายน ปี 2014 เจสสิก้าได้โพสต์ใน Weibo ของเธอ โดยมีเนื้อหาระบุว่า “ฉันตื่นเต้นมาก ๆ กับอีเวนต์ที่กำลังจะถึง เพียงเพื่อจะต้องมาทราบจากบริษัทของฉัน และสมาชิกอีก 8 คนว่าฉันไม่ใช่สมาชิกวงอีกต่อไปแล้ว” กลายเป็นเหตุการณ์ ‘ฟ้าถล่ม’ ของเหล่าโซวอน ที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้ทำใจ

“เราจำได้ว่าตอนนั้นเราร้องไห้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝัน แต่ถ้าให้พูดในมุมทีมงาน Soshi Fanclub เราไม่เคยมีข้อถกเถียงกันเลยนะคะ ว่าจะไปในทางไหน เพราะเราตัดสินใจกันตั้งแต่วันแรกที่จะทำแล้วว่า Soshi Fanclub เกิดมาเพื่อสนับสนุน Girls’ Generation ทั้งหมด 9 คน”

“สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อมั่นมาโดยตลอดคือ ต่อให้เส้นทางของสาวๆ ในวันนั้นหรือในอนาคต มันจะต้องแยกจากกัน เราก็ยืนยันที่จะสนับสนุนทั้ง 9 คนอยู่ดี ทุกคนเห็นร่วมกันในสิ่งนี้โดยทันทีค่ะ” คุณมดกล่าว  

ด้วยเหตุนี้ Soshi Fanclub ยังเดินหน้าต่อไป พร้อมกับการสนับสนุนสาวๆ ทั้ง 9 คน ทั้งในส่วนของกิจกรรมวงและกิจกรรมเดี่ยว ในอัลบั้ม Party และ Lion Heart (2015) รวมถึง “Holiday Night” (2017) ซึ่งเป็นอัลบั้มครบรอบเดบิวต์ 10 ปีของ Girls’ Generation

 

การเป็น ‘โซวอน’ ทำให้รู้จักการให้

นอกจากการมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ Soshi Fanclub ยังเดินหน้าต่อไปได้คือการมีทีมงานที่เยอะและหลากหลาย ซึ่งทีมงานที่ว่านั้น ไม่ได้มีแค่ ‘แอดมิน’ เพียงอย่างเดียว

“นอกจากทีมแอดมินคอยดูแลหลังบ้าน เรายังมีห้องแปลข่าว หรือห้อง Translator คอยแปลข่าวรายวันเกี่ยวกับตัวสาวๆ ลงหน้า NEWS มีทีมรูปและทีมคลิป คอยเซฟรูปและวิดีโอจากเว็บไซต์ แล้วนำมารีโพสต์ลงห้องแกลอรี่ หรือห้อง Media มีแม้กระทั่งทีมทำซับไตเติ้ลของซีรีส์ รายการเพลง หรือรายการเรียลลิตี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย” คุณพลอยกล่าว

ในขณะเดียวกัน โซวอนบางคนก็ลงทุนด้วยสิ่งที่มีราคาแพงที่สุดในชีวิต นั่นคือ “เวลา” เพื่อมาประจำการใน Chat Box ตั้งแต่เช้ายันเย็น เพื่อดูแลความเรียบร้อยภายในบอร์ด คอยดูแลความคิดเห็นที่สุ่มเสี่ยงไปในเชิงดรามา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสมาชิกในวง ในขณะที่โซวอนบางกลุ่มก็ช่วยสมทบทุนหรือโดเนทกันเข้ามา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการวาง Server

“ซึ่งทุกคนที่มาช่วยงานเรา ไม่ว่าจะเป็นน้องพลอย หรือทีมงานคนอื่นๆ ที่เคยช่วย หรือว่าปัจจุบันนี้ยังช่วยอยู่ เขาไม่ได้อะไรจากเราไปเลย นอกจากได้ใจจากเราไป เขามาช่วยด้วยความสมัครใจ ซึ่งสิ่งนี้เราว่าเป็นสิ่งที่ดีมากเลย เพราะมันเป็นพื้นฐานให้ทุกคนได้รู้จักการให้” คุณเบบี้กล่าวเสริม

เมื่อถูกถามถึงการทำแฟนโปรเจกต์ เพื่อเซอร์ไพร์สศิลปิน ซึ่งแทบจะกลายเป็น ‘ธรรมเนียมปฏิบัติ’ ของทุกคอนเสิร์ตไปแล้วในตอนนี้ สามทหารเสือสาวตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า แฟนโปรเจกต์แปรตัวอักษรในงาน Super Joint Concert ปี 2013 ที่จัดขึ้นที่ราชมังคลากีฬาสถาน เป็นโปรเจกต์ที่น่าประทับใจมากที่สุด

“ตอนนั้นเราแปรอักษรเป็นคำว่า AYO GG ซึ่งมันเป็นอะไรที่ค่อนข้าง ‘ตื่นตะลึง’ อยู่เหมือนกัน ในยุคที่ยังไม่มีแท่งไฟ หรือกล่องไฟสำเร็จรูปให้เช่าเหมือนทุกวันนี้”

ภาพการแปรอักษรเป็นคำว่า AYO GG จาก Soshi Fanclub

“ซึ่งแฟนโปรเจกต์ในวันนั้น จะไม่มีทางออกมาสวยงามได้เลย ถ้าไม่มีเหล่าโซวอนที่เป็นอาสาสมัครเกือบ 100 ชีวิต มาช่วยกันนั่งจิ้มหลอดไฟ ช่วยบัดกรีสายไฟกันเป็นพันๆ แผ่น เพื่อจะทำเป็นตัวอักษร” คุณมดเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงร่าเริง โดยมีคุณพลอยช่วยกล่าวเสริมเป็นระยะๆ

“มันเป็นโปรเจกต์ที่เราไม่ได้สั่งซื้อของมาอย่างเดียว เราต้องไปแงะเอาป้ายหาเสียงเลือกตั้งที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อนำมาทำเป็นแผงบอร์ด ซึ่งแฟนคลับหรือคนภายนอกคงได้เห็นสตอรี่มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ที่เราบิ้วคน ประกาศหาอาสาสมัครมาเป็นร้อยคน เพื่อมาช่วยกันทำ มันเลยกลายเป็นความผูกพัน ร่วมมือร่วมใจ และร่วมแรงกัน”

“เท่าที่จำได้ มดเคยได้ยินโซวอนต่างประเทศบอกว่า “โซวอนไทยรวยจัง เอาไอแพดมาแปรอักษร” แต่จริงๆ ไม่ใช่นะคะ (หัวเราะ) เราไม่ได้ใช้ไอแพด เราใช้หลอดไฟ LED ธรรมดาๆ นี่แหละค่ะ ต้องนัดคนเป็นร้อยมาช่วยกันนั่งทำ แล้วไม่ได้ทำกันแค่วันเดียว ทำกันนานหลายวันมากๆ คิดสภาพว่าเป็นผู้หญิง มานั่งบัดกรีกันใต้อาคาร มันเป็นอย่างนั้นเลย” คุณมดสรุปให้ฟัง

บรรยากาศของการทำป้ายไฟ AYO GG ฝีมือไทยโซวอน จาก Soshi Fanclub

ตอนนี้ก็โซนยอชิแด, พรุ่งนี้ก็โซนยอชิแด, โซนยอชิแดตลอดไป

เมื่อถูกถามว่า ‘ก้าวต่อไป’ ของ Soshi Fanclub คืออะไร สามทหารเสือสาว ต่างก็ให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘จะพยายามเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง’ ถึงแม้ว่าบทบาทในการ ‘บ้านเบส’ ในตอนนี้จะไม่ได้ ‘แอคทีฟ’ อย่างสม่ำเสมอ เหมือนแต่ก่อนแล้วก็ตาม

“กิจกรรมหลักๆ ของ Soshi Fanclub ตอนนี้อาจจะไม่ได้เน้นไปที่การอัปเดตข่าวสารแบบเรียลไทม์แล้ว แต่เป็นการประสานงานอีเวนต์ตอนที่สาวๆ มาไทยซะมากกว่า ซึ่งไอ้นี่แหละ ที่กินแรงและกินเวลาชีวิตมากๆ”

“ปีที่แล้วเป็นช่วงที่มดรู้สึกว่า ภารกิจส่วนตัวในชีวิตตัวเองเยอะมาก จนน่าจะทำอีเวนต์ไม่ไหวแล้ว คงจะจบอยู่แค่นี้แหละ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรกับใคร เก็บไว้ในใจเงียบๆ จนมาเจอน้องคนหนึ่ง ที่มาเป็นอาสาสมัครช่วยวางโปรเจกต์ในคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดที่ผ่านมา”

“น้องคนนั้นบอกว่า เขาน่ะมาเป็นอาสาสมัครทำโปรเจกต์ทุกครั้งเลย เพราะมันทำให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนๆ โซวอนคนอื่นๆ มันทำให้เรารู้สึกใจฟู ว่าการประสานงานในโปรเจกต์ของเรา มันยังมีความหมาย และมีคนอยากจะทำร่วมกับเราอยู่นะ จากที่เคยคิดจะเฟดๆ ออกไป มดก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้ว”

ภาพบรรยากาสสุดประทับใจของ "ไทยโซวอน" กับ "แทยอน" ในคอนเสิร์ต 𝑻𝒉𝒆 𝓣𝓔𝓝𝓢𝓔 𝗶𝗻 𝗕𝗔𝗡𝗚𝗞𝗢𝗞

ส่วนคุณเบบี้มองว่า การเป็นแฟนคลับของ Girls’ Generation คือการเรียนรู้เพื่อเติบโตไปพร้อมกัน

“เราเติบโตมาด้วยกันจริงๆ นะคะ ถึงมันจะเป็นการที่เราเรียนรู้เขา มากกว่าเขาเรียนรู้เรา แต่ทุกครั้งที่ย้อนมองกลับไปในทุกๆ เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เราจะมี Girls’ Generation เป็นเหมือนเส้นคู่ขนานที่เดินทางไปกับทุกๆ การเติบโตของเราเสมอ”

ที่สำคัญที่สุด Girls’ Generation ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกับมิตรภาพที่ดี ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้รับ

“อย่างน้องๆ หลายคนที่เรายังพูดคุยกันอยู่ หรือไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แต่ยังกลับมาพบเจอกันทุกครั้งที่มีคอนเสิร์ต เรายังได้เห็นพัฒนาการของน้องๆ แต่ละคนที่เติบโตมาอย่างดี มันเป็นสิ่งที่เราจับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้” คุณเบบี้เล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงใจกับทุกคำพูดที่สื่อสารออกมา 

ส่วนคุณพลอยขอปิดท้ายถึงสาวๆ Girls’ Generation ด้วยสิ่งที่แทนใจโซวอนและแฟนคลับอีกหลายๆ วง นั่นคือการขอให้ศิลปินที่เธอรักได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด โดยไม่มีปัจจัยภายนอกอันไม่พึงประสงค์เข้ามาแทรกแซง

“ถ้าฝากอะไรถึงสาวๆ ได้จริง พลอยอยากบอกว่ามาเถอะ อยากเห็นผลงานครบวง ไม่ผลงานเพลงก็คอนเสิร์ต ไม่คอนเสิร์ตก็แฟนมีตติ้ง ไม่แฟนมีตติ้งก็เอาอะไรมาให้เจอสักทีเถอะ อย่าให้มีมารผจญในรูปแบบโรคภัยเหมือนตอนครบรอบ 15 ปีเลย (หัวเราะ)”

จะอีก 20 ปี หรือ 25 ปี ก็มาเหอะ โซวอนอย่างพวกเรา ไม่มีหยองอยู่แล้ว!  กระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บแล้วยังไง ในเมื่อหัวใจยังสู้
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

SNSDGirls’ Generationโซนยอชิแดวงการเพลง K-PopK-Pop
นวพร เรืองศรี

ผู้เขียน: นวพร เรืองศรี

หญิงสาวหัวล้านและหัวรั้น ผู้อุทิศชีวิตให้หนังสือ, ภาพยนตร์-ซีรีส์ และชานมไข่มุกหวาน 100% มีแมว 4 ตัว กับศิลปินที่ชอบเป็นแรงบันดาลใจในการหาเงิน ชอบกินส้มตำกุ้งสดและหมูกระทะที่สุดในโลก

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด