บทความตอนนี้ชวนติดตามเรื่องราวของศิลปินชายที่ใช้เสียงกีตาร์ในการเดินทางอย่าง “โอ้ เสกสรรค์” เจ้าของเพลงสุดคลาสสิกอย่าง “ใจให้ไป” และศิลปินชายอีกหนึ่งคนอย่าง “ชัด ชัยชัตน์” เจ้าของเพลงดังอย่าง “อยู่คนเดียว...ไม่ได้แล้ว”
ทั้งคู่ได้มาเปิดใจเรื่องราวการเดินทางที่กว่าจะมีวันนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยสิ่งที่นำทางพวกเขาให้มาถึงจุดนี้ได้ นั่นคือ ‘ใจที่รักในการเล่นกีตาร์’
เส้นทางดนตรีของ “โอ้ เสกสรรค์”
เริ่มต้นกันที่เรื่องราวของศิลปินชายอย่าง “โอ้ เสกสรรค์” ซึ่งเขาได้แชร์เรื่องราวชีวิตของตัวเขาเองในรายการนักผจญเพลง Replay ว่า ก่อนที่เข้ามาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่นชอบในเสียงดนตรี แล้วลองเล่นเครื่องดนตรีมาหมดแล้วแทบจะทุกอย่าง แต่ในที่สุดก็มาจบที่ ‘กีตาร์’ เพราะรู้สึกว่า สิ่งนี้คือสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับเขา
โอ้ เสกสรรค์มีมุมมองต่อกีตาร์ว่าเป็นพาหนะชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถถ่ายความความรู้สึกกับมันได้อย่างเต็มที่ ทำให้เขาศึกษาเล่าเรียนวิชากีตาร์อย่างตั้งใจ โดยมีครอบครัวที่คอยสนับสนุน และเป็นแรงผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งใหไปเรียนกีตาร์กับมือกีตาร์ชั้นครูอย่าง “กิตติ กีตาร์ปืน” หรือแม้แต่ส่งไปเรียนที่สถาบันการศึกษาด้านดนตรีที่อเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาบันที่ยอดเยี่ยมและติดอับดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งโอ เสกสรรค์ ได้เก็บเกี่ยววิชาความรู้อย่างเต็มที่ จนเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีความสามารถด้านกีตาร์ที่ทุกคนให้การยอมรับ
ชีวิตพลิกผันของ โอ้ เสกสรรค์
แต่เส้นทางชีวิตคนเรามันไม่ได้สวยงามและเรียบง่ายเสมอไป ในช่วงหนึ่งเมื่อเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง ยุคหนึ่งที่ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้โอ้และครอบครัวต้องเจอกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และทำให้สภาวะที่บ้านล้มละลาย
ชีวิตของ โอ้ เสกสรรค์ เป็นไปอย่างลำบาก ถึงขั้นที่ว่าไม่มีเงินแม้แต่จะนำไปจ่ายค่าไฟ เขาต้องใช้ชีวิตอยู่แบบไม่มีไฟฟ้าใช้นานถึง 3 เดือน ซึ่งนี่ถือเป็นเหตุการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตที่ โอ้ เสกสรรค์และครอบครัวต้องเผชิญ
โอ้ เสกสรรค์ กับชีวิตที่กอบกู้ใหม่อีกครั้ง
จากชีวิตที่เคยอยู่ในจุดสูงสุด ครอบครัวมีเงิน Support ความฝันของเขาอย่างเต็มที่ จนถึงจุดที่กราฟชีวิตดิ่งลงมาตกต่ำถึงขีดสุด ทำให้เขาเริ่มเขียนเพลงขึ้นมา และโอกาสในชีวิตก็ได้มาถึง เมื่อโอ้มีโอกาสนำเพลงไปเสนอกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่างแกรมมี่ และจากความสามารถทางดนตรีของเขา ทำให้ในที่สุดเพลงของเขาก็เข้าตาผู้ใหญ่ และได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด
เมื่อได้เซ็นสัญญากับค่ายแกรมมี่ไม่ถึง 5 เดือน เขาก็ผลิตอัลบั้มเป็นของตัวเอง และในสัปดาห์แรกที่ปล่อยเพลงออกไป เขาเผยว่า ไม่ว่าตนจะเปิดวิทยุไปคลื่นไหน เขาก็จะได้ยินเพลงของตัวเองอยู่ในทุกคลื่น นี่เป็นโมเมนต์ที่ทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมานั้น ประสบความสำเร็จในฐานะคนที่ใฝ่ฝันว่าอยากเป็นศิลปินแล้ว
หลังจากสู้ชีวิตและผ่านเหตุการณ์สุดยากลำบากเหล่านั้นมาได้ โอ เสกสรรค์เปิดใจว่า นี่ถือเป็นภูมิต้านทานชีวิตชั้นดีที่เขาได้รับ เพราะหลังจากนั้น เขาก็ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคใด ๆ อีกเลย จะเห็นได้จากบทเพลงของเขา ที่มีการเขียนเนื้อหาในเชิงมองโลกในแง่ดี ซึ่งการที่จะเขียนเพลงเชิงบวกแม้ตัวเองจะมีชีวิตสุดด่ำดิ่งแบบนี้ได้นั้น ต้องมีพลังใจที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกใจที่บทเพลงของโอ้ เสกสรรค์ ยังคงอยู่คู่กับวงการมาจนถึงปัจจุบัน
เส้นทางชีวิตของ ชัด ชัยรัตน์
ต่อกันที่เรื่องราวของ “ชัด ชัยชัตน์” เจ้าของเพลง “อยู่คนเดียว...ไม่ได้แล้ว” ซึ่งเขาได้เปิดใจเรื่องราวการเดินทางของเขาเอาไว้ว่า ย้อนกลับไปช่วงก่อนจะเข้าวงการเพลง เขาเคยเป็นพนักงาน Messenger มาก่อน แต่ด้วยความฝันที่อยากเป็นนักดนตรี จึงได้เริ่มเส้นทางด้วยการลาออกจากสิ่งที่ทำ แล้วหันไปเล่นดนตรีกับพี่ที่รู้จัก
โดยเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เล่นคือ ‘กีตาร์’ ชัด ชัยรัตน์เริ่มจากการเล่นดนตรีกลางคืนครั้งแรก แต่ในช่วงนั้นเศรฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้ร้านที่เขาไปสมัครเล่นดนตรีกลางคืนไม่สามารถจ้างเขาได้เนื่องจากค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังมีความมุ่งมั่นที่อยากเล่นดนตรีกลางคืนเพื่อต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เขาถึงกับขอเล่นดนตรีเพื่อแลกกับข้าวเลยด้วยซ้ำ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าของร้านเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ จึงยอมรับเขาเข้ามาทำงานร้านด้วย
ในช่วงแรก ๆ ชัด ชัยรัตน์เดินสายทั้งเล่นดนตรี ทำงาน และส่งตัวเองเรียนไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากต้นทุนในชีวิตของเขามีไม่สูงเหมือนคนอื่น ๆ เขาเลยต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า จนในที่สุด เมื่อวันที่โอกาสในการเป็นศิลปินมาถึง เขาก็ได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงอย่าง “ฉันนั่งดูรูปเธอ”, “เธอคือเหตุผล”, “ยังไงก็รักเธอ” รวมไปถึงเพลงอื่น ๆ อีกมากมายที่เรายังคงได้ยินได้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้
นับว่าไม่ง่ายกว่าจะเดินทางมาเป็นศิลปินที่มีเพลงสุดคลาสสิกตลอดกาล แถมเรื่องราวของทั้งสองศิลปิน ยังได้สะท้อนข้อคิดที่ว่า
หากเรามีสิ่งที่รัก มีความฝันที่ต้องการจะทำ ต้องไม่กลัวคำว่าผิดหวัง เพราะถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่เราต้องให้โอกาสตัวเองได้ลองทำก่อน
ความฝันสูงสุดของคนเล่นดนตรี คือการได้เป็นศิลปินที่มีเพลงเป็นของตัวเอง ในวันนี้ ศิลปินทั้ง 2 คนต่างทุ่มเท และใช้ความพยายามอย่างหนักในการก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ จากความรักในการเล่นกีตาร์ ได้พาให้ทั้งคู่เดินทางเข้ามาเป็นศิลปินที่มีเพลงที่ทุกคนรู้จักมากว่า 20 ปี ถือเป็นบุคคลตัวอย่างที่ใช้ความพยายามและความรักในเสียงดนตรี เดินทางตามความฝันได้สำเร็จ
ใครที่อยากติดตามเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงโชว์เพลงที่ทั้งตัวของ “โอ้ เสกสรรค์” และ “ชัด ชัยชัตน์” ได้มาร่วมโชว์เอาไว้ในรายการ ชมย้อนหลังได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.thaipbs.or.th/program/SongHunterTV/episodes/109600
