เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ดร.มาซากิ ฟูจิโมโตะ (Masaki Fujimoto) รองผู้อำนวยการ JAXA และผู้อำนวยการ ISAS ได้เผยแผนอนาคตของภารกิจ Hayabusa II SLIM และโครงการลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโครงการสาธิตเทคโนโลยีโล่กันความร้อนระหว่างเข้าชั้นบรรยากาศของดาวอังคารแบบกางออกได้ มีแผนจะเดินทางไปยังดาวอังคารอย่างเร็วที่สุดภายในปี 2030 และหากญี่ปุ่นทำสำเร็จ จะเป็นการเปิดประตูของการเป็นชาติมหาอำนาจทางอวกาศที่สามารถนำยานอวกาศลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารได้จริง
เมื่อปี 1998 ญี่ปุ่นเคยส่งยานอวกาศ Nozomi โคจรและสำรวจชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร แต่ในขณะที่ยานกำลังเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร เครื่องยนต์ของยานก็ระเบิดและสูญเสียการติดต่อกับยานอวกาศไป หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ไม่เคยส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารอีกเลย ซึ่งอาจเป็นเพราะญี่ปุ่นได้วางกลยุทธ์ไม่ได้มุ่งสำรวจเป้าหมายที่น่าสนใจเหมือนกับชาติมหาอำนาจอวกาศอย่าง สหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรป แต่จะเน้นไปที่เป้าหมายรองอย่างดาวศุกร์หรือดาวเคราะห์น้อย เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ที่ชาติมหาอำนาจยังไม่มีแผนจะไปสำรวจ
ภาพรวมภารกิจสำรวจอวกาศของญี่ปุ่นเหมือนจะเป็นภารกิจรองและมีขนาดเล็ก แต่องค์ความรู้ที่ญี่ปุ่นเก็บเกี่ยวระหว่างภารกิจเหล่านั้นทำให้ตอนนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจที่อวกาศที่ต้องจับตามองชาติหนึ่ง หนึ่งในโครงการที่ทะเยอทะยานที่สุดของญี่ปุ่นคือภารกิจ Martian Moons eXploration (MMX) ภารกิจเดินทางไปเก็บตัวอย่างหินจากดวงจันทร์โฟบอสและสำรวจดวงจันทร์ดีมอสบริวารของดาวอังคาร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นจะส่งยานกลับไปโคจรรอบดาวอังคาร และรอบนี้ยาน MMX จะไม่ได้เป็นเพียงแค่การลงไปแตะเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ เหมือนกับการเก็บตัวอย่างบนดาวเคราะห์น้อย แต่เป็นการลงจอดอย่างเต็มรูปแบบเพื่อทำการทดลองและเก็บตัวอย่างกลับมายังโลก ทำให้ภารกิจนี้ท้าทายไม่แพ้กับภารกิจการลงจอดบนดาวอังคาร
แต่ก็ใช่ว่าญี่ปุ่นจะสนใจเพียงแต่ภารกิจขนาดเล็กเท่านั้น เพราะจริง ๆ ญี่ปุ่นเองก็สนใจการสำรวจพื้นผิวบนดาวอังคารเหมือนกัน ซึ่งในงานแถลงข่าวนี้ ดร.มาซากิ ได้เผยถึงภารกิจสาธิตเทคโนโลยีการลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารโดยใช้โล่กันความร้อนแบบอ่อนและกางได้ในการชะลอความเร็วของยานระหว่างเข้าชั้นบรรยากาศ ซึ่งแตกต่างจากการใช้ร่มชะลอความเร็วที่ NASA ใช้ วิธีการนี้ทำให้ JAXA ใช้ต้นทุนในค่าขนส่งและพัฒนาระบบลงจอดน้อยลงจากการที่ไม่ต้องพัฒนาวัสดุโล่กันความร้อนแข็งและร่มชะลอความเร็วที่ต้องปะทะความเร็วเหนือเสียง อีกทั้งโล่กันความร้อนแบบอ่อนยังยืดหยุ่นพอจะทำหน้าที่คล้ายร่มชะลอความเร็วได้
ก่อนหน้านี้ JAXA ได้ทดลองโล่กันความร้อนและชะลอความเร็วแบบกางได้ในชั้นบรรยากาศของโลกด้วยจรวดความเร็วเสียง (Sounding Rocket) ในชื่อโครงการ “Re-entry and Recovery Module with Deployable Aeroshell Technology for Sounding Rocket Experiment” (โครงการทดลองโมดูลกลับเข้าสู่บรรยากาศพร้อมแอโรเชลล์กางได้ ด้วยจรวดความเร็วเสียง) การทดลองเริ่มมาตั้งแต่ปี 2021 และผ่านไปด้วยดี ซึ่งหากเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในการลงจอดบนพื้นผิวของดาวอังคารได้จริง จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงจอดของยานลงจอดบนดาวอังคารเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี เพราะยานอวกาศทุกลำในปัจจุบันใช้วิธีการลงจอดเดียวกับยานไวกิ้งที่ลงจอดบนดาวอังคารได้เมื่อปี 1976 ตั้งแต่การใช้โล่กันความร้อนแข็งและร่มชะลอความเร็ว ก่อนจะใช้เครื่องยนต์จรวดพยุงตัวยานลงจอดบนพื้นผิว
การลงจอดบนดาวอังคารนับว่าเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมขั้นสูงเนื่องจากต้องใช้ความพร้อมทางเทคโนโลยีหลายด้าน ซึ่งทาง JAXA ได้กล่าวว่าการลงจอดบนดาวอังคารจะต้องเก็บเกี่ยวองค์ความรู้จากทั้งภารกิจ Hayabusa II SLIM และ MMX ที่กำลังจะส่งขึ้นไป หากสามารถทำได้จริง ญี่ปุ่นจะขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการสำรวจอวกาศของโลกในทันที นับว่าเป็นความทะเยอทะยานของญี่ปุ่นเป็นอย่างมากที่จะส่งยานไปสาธิตเทคโนโลยีการลงจอดบนดาวอังคารในปี 2030 และโครงการยานลงจอดขนาดใหญ่ภายในปี 2040
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech