ฟินแลนด์พัฒนา “แบตเตอรี่ทราย” ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นำพลังงานสะอาดมาเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนโดยใช้ทราย เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืนในอนาคต
ฟินแลนด์เปิดใช้งานแบตเตอรี่ทราย (Sand Battery) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อใช้กักเก็บพลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น เทคโนโลยีนี้เป็นส่วนหนึ่งของการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในอนาคต
บริษัทด้านพลังงาน Polar Night Energy ในประเทศฟินแลนด์ ได้พัฒนาระบบแบตเตอรี่ทรายที่สามารถกักเก็บพลังงานได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมง โดยอาศัยกลไกการทำงานอาศัยการนำไฟฟ้าส่วนเกินมาเปลี่ยนเป็นความร้อน แล้วอัดเก็บไว้ในชั้นทรายที่สามารถรักษาอุณหภูมิสูงถึง 600 องศาเซลเซียส และปลดปล่อยพลังงานออกมาใช้ได้ตามต้องการ
แบตเตอรี่ทรายสามารถกักเก็บพลังงานได้ดีกว่าวิธีเดิม เพราะไม่ต้องพึ่งพาวัสดุหายาก เช่น ลิเทียมหรือโคบอลต์ อีกทั้งยังมีต้นทุนการผลิตต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน การกักเก็บพลังงานในรูปแบบความร้อนนั้นเหมาะสมกับระบบการทำความร้อนเขตเมือง (district heating) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในประเทศฟินแลนด์ และมีความต้องการใช้พลังงานสูงโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
นอกจากนี้ แบตเตอรี่ทรายยังช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับระบบพลังงานหมุนเวียน โดยสามารถเก็บสำรองพลังงานในช่วงที่มีการผลิตเกิน และนำมาใช้งานช่วงที่การผลิตลดลง ส่งผลให้ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ฟินแลนด์ตั้งเป้าหมายจะเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2035 ซึ่งการใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้เข้าถึงเป้าหมายได้มากขึ้น
ระบบกักเก็บพลังงานด้วยทรายมีศักยภาพสูงเพราะสามารถเก็บพลังงานได้ยาวนานหลายเดือน แตกต่างจากแบตเตอรี่เคมีที่มักเก็บได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือเพียงไม่กี่วัน การใช้ทรายเป็นวัสดุหลักยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นทรัพยากรที่หาได้ง่าย และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ได้ การประยุกต์ใช้งานยังเหมาะสมกับการขยายสู่ระดับอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้หลายประเทศมีโอกาสพัฒนาระบบพลังงานสะอาดที่มั่นคง ลดการพึ่งพานำเข้าพลังงานฟอสซิล และเพิ่มความยืดหยุ่นต่อวิกฤตด้านพลังงานโลก
แบตเตอรี่ทรายถือเป็นก้าวสำคัญของการจัดเก็บพลังงานหมุนเวียน ที่ไม่เพียงเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน แต่ยังลดการปล่อยคาร์บอนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จดังกล่าวยังเป็นต้นแบบให้อีกหลายประเทศนำไปปรับใช้ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาด้านอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก
ที่มาข้อมูล: newatlas, polarnightenergy, cleantechnica, euronews
ที่มาภาพ: polarnightenergy
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech