ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไขข้อสงสัย 4 บุญใหญ่กฐิน-ผ้าป่าต่างกันอย่างไร?


วันสำคัญ

วิรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร | จูล~Joule

แชร์

ไขข้อสงสัย 4 บุญใหญ่กฐิน-ผ้าป่าต่างกันอย่างไร?

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3176

ไขข้อสงสัย 4 บุญใหญ่กฐิน-ผ้าป่าต่างกันอย่างไร?

เมืองไทยเมืองพุทธ! นี่คือประโยคที่พุทธศาสนิกชนเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อาจจะต้องยอมรับกันตามตรงว่า นอกจากการใส่บาตรในตอนเช้า ท่องนะโม 3 จบก่อนสวดมนต์แต่ละบท หรือถวายสังฆทานในวันเกิดแล้ว ข้อปฏิบัติในศาสนพิธีที่สืบทอดมาอย่างยาวนานเท่ากับการนับพุทธศักราชนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจและไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจน ในโอกาสวันสำคัญทางศาสนา Thai PBS ขอพาไปทบทวน 4 งานบุญที่หลายคนอาจไม่รู้ความหมาย

รู้จักความหมายของกฐิน-จุลกฐิน-มหากฐิน-ผ้าป่า

กฐิน

  • เป็นคำที่ครอบคลุมทั้งในด้านของวัตถุ ซึ่งหมายถึง “ผ้ากฐิน” คือ ผ้าที่ได้มาจากไม้สะดึง (ไม้แบบ) ที่ขึงผ้าจีวรให้ตึงเพื่อการตัดเย็บที่สะดวก และในด้านของประเพณี “การทอดกฐิน” เพื่อถวายผ้าจีวรใหม่แด่พระภิกษุสงฆ์เป็นสังฆทาน หลังการจำพรรษาครบ 3 เดือน โดยจะมีการ “กรานกฐิน” หรือการอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์รับผ้ามานุ่งห่มได้ เป็นสังฆกรรมที่ทำได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เรียกว่า “กฐินกาล”

จุลกฐิน

  • เป็นพิธีที่ต้องปั่นฝ้าย ทอผ้า ย้อมผ้า และเย็บจีวรให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน เป็นงานบุญที่ต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมืออย่างสมัครสมานสามัคคีของสาธุชนคนจำนวนมาก รวมถึงต้องรีบทำให้เสร็จทันเวลา จึงทำให้มีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า “กฐินแล่น” หรือ “กฐินด่วน” มีความเชื่อกันว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่มีอานิสงส์แรงด้วยความตั้งใจของผู้ร่วมงาน ทั้งนี้พบได้เฉพาะในประเทศไทยและลาว มีการสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ปัจจุบันนิยมทำในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มหากฐิน

  • เป็นพิธีที่มีการถวายบริวารจำนวนมาก เพื่อรวบรวมจตุปัจจัยไทยธรรมและสิ่งของบริวาร เช่น เครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค หรือสิ่งของที่ใช้ในการทำนุบำรุงวัด ซึ่งอาจมีเจ้าภาพเพียงคนเดียวหรือเป็นกฐินสามัคคีที่ประชาชนร่วมกันบริจาคและจัดงานก็ได้

ผ้าป่า

  • เป็นงานบุญที่มีต้นกำเนิดจากผ้าจีวรที่ผู้ถวายนำไปวางพาดไว้บนกิ่งไม้ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์หยิบไปใช้ได้โดยไม่ต้องกล่าวคำถวายหรือประเคน โดยอ้างอิงจากในสมัยพุทธกาลที่พระภิกษุสงฆ์จะรับผ้าที่ถูกทิ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ผ้าที่เคยใช้ห่อศพในป่าช้า มานุ่งห่มเป็นจีวรเพื่อการปลงสังขาร แต่ในปัจจุบันการ “ทอดผ้าป่า” เปลี่ยนไปเป็นการบริจาคเงินหรือสิ่งของตามศรัทธา เพื่อร่วมกันสร้างสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การสร้างถาวรวัตถุของวัด โรงเรียน หรือโรงพยาบาล

กฐิน-จุลกฐิน-มหากฐิน-ผ้าป่า แตกต่างกันอย่างไร ?

ระยะเวลา

  • “กฐิน” และ “มหากฐิน” ทำได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น ในช่วงเวลา 1 เดือน หลังจากวันออกพรรษา ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 
  • “จุลกฐิน” ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 วัน ตั้งแต่การเก็บฝ้าย ทอผ้า เย็บผ้า ย้อมผ้า ไปจนถึงนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ในเช้าวันรุ่งขึ้น
  • “ผ้าป่า” สามารถทำได้ตลอดทั้งปี ไม่จำกัดระยะเวลา

เงื่อนไขในการถวาย

  • “กฐิน” และ “จุลกฐิน” ต้องถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบพรรษา 3 เดือนเท่านั้น อย่างน้อย 5 รูป นอกจากนี้แต่ละวัดจะสามารถรับได้เพียง 1 ครั้ง ต่อปี
  • “มหากฐิน” ถวายแด่คณะพระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษา ณ วัดใดวัดหนึ่ง
  • “ผ้าป่า” สามารถถวายให้กับพระภิกษุสงฆ์รูปใดก็ได้และมีเพียงรูปเดียวก็ได้ ไม่มีข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาจำพรรษา และจำนวนครั้งในการทำ

ประวัติของกฐินและที่มาของพิธีกฐิน

ครั้งหนึ่งภิกษุชาวเมืองปาฐาประมาณ 30 รูป เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เมืองสาวัตถี แต่ไปถึงเมืองสาเกต (ห่างอีก 6 โยชน์) ก็ถึงวันเข้าพรรษา จึงต้องจำพรรษาที่นั่น พอออกพรรษาก็รีบเดินทางต่อ แม้ฝนยังตกมากและทางเดินเป็นโคลนตม เมื่อมาถึงสาวัตถี พระพุทธเจ้าทรงทราบความลำบากของภิกษุเหล่านั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้พระภิกษุทำพิธีกรานกฐินในระยะเวลาภายหลังวันออกพรรษา 1 เดือน โดยภิกษุที่ได้ทำพิธีกรานกฐินแล้วจะได้รับอานิสงส์คือความยกเว้นในการผิดวินัย 5 ประการ เป็นเวลา 4 เดือน (หมดเขตในวันเพ็ญเดือนสี่)

เหตุผลที่ทรงบัญญัติ
ตามหลักวินัย พระภิกษุมีข้อบังคับที่ค่อนข้างเข้มงวด เช่น ต้องเอาไตรจีวรไปครบทุกครั้งที่เดินทาง ต้องบอกลากันก่อนเข้าบ้าน ฉันอาหารต้องนั่งเรียงกัน ไม่ให้เก็บจีวรเกิน 10 วัน ซึ่งสร้างความลำบากมาก พระพุทธเจ้าทรงเห็นความลำบากเหล่านี้มานาน แต่วินัยไม่สามารถยกเลิกได้ จึงทรงบัญญัติให้มีความยกเว้นพิเศษผ่านพิธีกรานกฐิน ซึ่งถือเป็นความดีความชอบที่ต้องทำด้วยความรีบร้อน (ทำจีวรให้เสร็จภายในวันเดียว) และเป็นสมบัติของคณะสงฆ์

พิธีการของกฐินความหมายของกฐิน

คำว่า "กฐิน" หมายถึงกรอบไม้สำหรับขึงผ้าเย็บจีวรของพระภิกษุ (ไทยเรียกว่า "สะดึง") เนื่องจากในอดีตการเย็บจีวรต้องขึงผ้าบนกรอบไม้ก่อนจึงจะเย็บได้พิธีการทอดกฐินมี 2 ขั้น

ขั้นที่ 1 ทอดกฐิน - ผู้มีศรัทธานำผ้าไปถวายพระภิกษุในช่วงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันเพ็ญเดือน 12 (หลังออกพรรษา 1 เดือน)
ขั้นที่ 2 กรานกฐิน - พระภิกษุนำผ้าไปตัด เย็บ ย้อมให้เสร็จภายในวันเดียว แล้วทำพิธีอนุโมทนา
 

ประเภทของการทอดกฐิน
มหากฐิน - เอาผ้าสำเร็จรูปไปถวาย (ทำกันในปัจจุบัน)
จุลกฐิน - เก็บฝ้าย ปั่น กรอ สาง ทอ ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จภายในวันเดียว

ขั้นตอนพิธีสังฆกรรมในการทอดกฐิน

ขั้นตอนทั้ง 3 นี้เป็นกระบวนการสังฆกรรม (กิจของสงฆ์) ที่ต้องทำเพื่อเลือกพระภิกษุรูปหนึ่งให้เป็นผู้รับผ้ากฐินและทำพิธีกรานกฐินต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. อปโลกนกรรม (การเสนอนามภิกษุผู้รับผ้า)
เป็นขั้นตอนแรกในการเสนอชื่อพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่คณะสงฆ์เลือกให้เป็นผู้รับผ้ากฐิน โดยเมื่อผู้มีศรัทธานำผ้ากฐินมาถวาย ต้องเสนอนามภิกษุผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่คณะสงฆ์เลือกไว้ ซึ่งการเสนอนามนี้เป็นการบอกให้ที่ประชุมสงฆ์รับทราบว่า “ขอเสนอพระรูปนี้เป็นผู้รับผ้า” วัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้ที่ประชุมสงฆ์ทราบว่าจะให้ภิกษุรูปใดเป็นผู้รับผ้ากฐินไปทำพิธีกรานกฐินต่อไป

2. ญัตติกรรม (การเสนอญัตติวาระที่ 1)
เป็นการเสนอญัตติอย่างเป็นทางการให้ที่ประชุมสงฆ์พิจารณาเป็นวาระแรก โดยพระภิกษุ 2 รูป ต้องมาสวดประกาศออกนามภิกษุที่จะให้เป็นผู้รับผ้า และเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมสงฆ์ว่า “ขอให้พระรูปนี้เป็นผู้รับผ้าและกรานกฐิน” ถ้าไม่มีผู้คัดค้าน ก็จะดำเนินการต่อไปในวาระถัดไป เพื่อให้ที่ประชุมสงฆ์ได้รับทราบและพิจารณาเป็นครั้งแรก มีโอกาสคัดค้านหากไม่เห็นด้วย

3. ญัตติทุติยกรรม (การเสนอญัตติวาระที่ 2)
เป็นการเสนอญัตติซ้ำอีกครั้งให้ที่ประชุมสงฆ์พิจารณาเป็นวาระที่ 2 โดยขั้นตอนมีดังนี้

  1. พระภิกษุ 2 รูป สวดประกาศซ้ำอีกครั้ง
  2. มีข้อความคล้ายกับที่สวดในวาระแรก
  3. ถ้ายังไม่มีผู้คัดค้าน ก็ถือว่าที่ประชุมเห็นชอบแล้ว

วัตถุประสงค์ก็เพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้ง เปิดโอกาสให้คัดค้านในรอบสุดท้าย หากไม่มีผู้คัดค้าน พระภิกษุรูปที่ได้รับเสนอนามก็จะเป็นผู้รับผ้ากฐินอย่างเป็นทางการ

อานิสงส์กฐิน
พระภิกษุที่กรานกฐินได้รับความยกเว้นพิเศษในวินัย 5 ประการ เป็นเวลา 4 เดือน ได้แก่

  1. เข้าบ้านได้โดยไม่ต้องลาภิกษุด้วยกัน
  2. เดินทางโดยไม่ต้องเอาไตรจีวรไปด้วย
  3. ฉันอาหารโดยล้อมวงกันได้
  4. เก็บอาหารที่ยังไม่ต้องการใช้ไว้ได้
  5. ลาภที่เกิดขึ้นให้เป็นของภิกษุผู้จำพรรษาในวัดนั้น

เกร็ดน่ารู้ของกฐิน-จุลกฐิน-มหากฐิน-ผ้าป่า

ตำนานกฐิน : ผ้าไตรจีวรที่เปียกปอน

  • ในสมัยพุทธกาล มีคณะพระภิกษุสงฆ์ 30 รูป เดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เมืองสาวัตถี ช่วงนั้นเป็นฤดูฝนที่พระสงฆ์ต้องจำพรรษา ทำให้จีวรของพระภิกษุสงฆ์คณะนี้เปียกปอนและเก่าขาด เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทอดพระเนตรเช่นนั้น ก็ทรงอนุญาตให้คณะพระภิกษุสงฆ์สามารถรับ “ผ้ากฐิน” เพื่อจะนำไปผลัดเปลี่ยนจีวรใหม่นั่นเอง

จุลกฐิน : งานบุญเวลาน้อยที่เชื่อว่าได้กุศลมาก

  • เนื่องจากต้องทำให้เสร็จใน 1 วัน จึงต้องใช้แรงกายแรงใจจากผู้คนจำนวนมากที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า บวกกับขั้นตอนการทำที่ต้องมีความพิถีพิถัน เริ่มจากการ “เก็บฝ้าย” ที่แก่จากฝัก ในปริมาณที่มากพอจะทำจีวรได้ แล้วนำมา “ปั่นฝ้าย” โดยการนำฝ้ายมาอิ้ว (แยกเมล็ด) ดีดเป็นผง ทำเป็นเส้นด้าย แล้วไจด้ายเป็นมัด จากนั้นกรอด้ายเป็นเข็ด (พวงด้าย) ต่อมาจึง “ฆ่าฝ้าย” โดยการนำเส้นด้ายมาฆ่าด้วยน้ำข้าว และตากให้แห้ง ขั้นตอนต่อไปคือ “ทอผ้า” ด้วยการนำเส้นด้ายใส่กงปั่นหลอด เพื่อกรอเส้นด้ายเข้าหลอด ใส่กระสวย แล้วทอเป็นผืนผ้า จากนั้นนำไป “ย้อมสีและตัดเย็บ” ให้เป็นจีวร และ “ถวายผ้า” ที่ผ่านกระบวนการทั้งหมดแด่พระภิกษุสงฆ์ การร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อความสำเร็จหนึ่งเดียว จึงทำให้เกิดความเชื่อว่าจะได้กุศลมากนั่นเอง

ผ้าป่า : ความหลากหลายในคำเรียก

ในงานบุญพิธีถวายผ้าป่า หลายคนอาจได้ยินคำเรียกที่ชวนสงสัยถึงความหมาย ลองมาไล่เรียงกันว่ามีคำเหล่านี้บ้างไหม ? 

  • “ชักผ้าป่า” กิริยาที่พระภิกษุสงฆ์หยิบผ้าที่แขวนไว้ไปใช้ 
  • “ทอดผ้าป่า” กิริยาการถวายผ้าป่า นิยมจัดของใช้เป็นบริวารผ้าป่าเหมือนบริวารกฐิน
  • “ผ้าป่าหางกฐิน” หรือ “ผ้าป่าแถมกฐิน” จัดถวายต่อจากการทอดกฐิน
  • “ผ้าป่าโยง” จัดทำรวมกันหลายกอง แล้วนำไปแห่เรือเพื่อทอดผ้าป่าไปตามวัดริมแม่น้ำ 
  • “ผ้าป่าสามัคคี” เป็นการบอกบุญโดยการแจกซองให้ผู้คนร่วมกันบริจาคเงินหรือสิ่งของ เพื่อสร้างสาธารณประโยชน์

คำศัพท์เกี่ยวกับกฐิน

  • “จองกฐิน” หมายถึง การแสดงความประสงค์ที่จะถวายผ้ากฐินต่อวัด เนื่องด้วยแต่ละวัดสามารถรับได้เพียง 1 ครั้งต่อปี ทำให้พุทธศาสนิกชนต้องไปแจ้งความจำนงล่วงหน้าที่วัดนั้น ๆ นอกจากนี้ยังเป็นภาษาปากที่มีความหมายว่า “หมายหัวไว้ กำหนดไว้” อีกด้วย
  • “กฐินโจร” หรือ “กฐินจร” หมายถึง เครื่องกฐินพร้อมถวายที่ไม่ได้แสดงความประสงค์ล่วงหน้ากับวัดตามธรรมเนียมก่อน นอกจากนี้ยังเป็นสำนวนพูด ซึ่งเปรียบเหมือนการที่โจรเข้าโจมตีโดยไม่ให้ตั้งตัว หรือกฐินที่สัญจรมาโดยไม่ได้นัดหมาย 
  • “วุ่นเป็นจุลกฐิน” เป็นสำนวนไทย ใช้เปรียบเทียบกับงานที่เร่งรีบและอลหม่าน เหมือนงานจุลกฐินที่ทุกคนต่างขะมักเขม้น เพื่อทำให้เสร็จทันเวลาภายใน 1 วัน

อ่านจบครบถึงบรรทัดนี้แล้ว งานบุญคราวหน้าเราก็จะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ทั้งมีความศรัทธาและความรู้ทางศาสนาพุทธมากขึ้น รวมทั้งเข้าใจและเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามโอกาสอันสมควร ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า

สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ - การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง

ข้อจำกัด 7 ประการที่ทำให้กฐินทานพิเศษ

  1. จำกัดประเภททาน - ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น ไม่สามารถถวายเฉพาะภิกษุรูปใดรูปหนึ่งได้
  2. จำกัดเวลา - ต้องถวายภายใน 1 เดือนนับจากวันออกพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12)
  3. จำกัดงาน - พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน
  4. จำกัดไทยธรรม - ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่สงฆ์กำหนด
  5. จำกัดผู้รับ - พระภิกษุผู้รับต้องจำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 รูป
  6. จำกัดคราว - วัดหนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
  7. เป็นพระบรมพุทธานุญาต - ทานอย่างอื่นทายกทูลขอ แต่ผ้ากฐินพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตเอง ถือเป็นพระพุทธประสงค์โดยตรง

เกร็ดน่ารู้ของกฐินพระราชทาน

กฐินพระราชทาน เป็นผ้าพระกฐินพิเศษที่มีความสำคัญสูงสุดในพิธีทอดกฐิน โดยเป็นผ้าพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แก่ผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อนำไปทอดถวายยังพระอารามหลวงต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร

องค์ประกอบของกฐินพระราชทาน
กฐินพระราชทานประกอบด้วยสองส่วนหลัก ได้แก่ ผ้าพระกฐินซึ่งเป็นผ้าจีวรสำหรับถวายพระสงฆ์ และเครื่องกฐินซึ่งหมายถึงสิ่งของอุปกรณ์ประกอบพิธีทอดกฐิน รวมถึงปัจจัยต่างๆ สำหรับถวายพระภิกษุสงฆ์

ผู้ที่ได้รับพระราชทานกฐิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานผ้าพระกฐินแก่หลายกลุ่มคน โดยกลุ่มแรกคือพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ที่ได้รับพระราชทานเพื่อนำไปทอดถวาย กลุ่มที่สองคือข้าราชบริพารที่เป็นข้าราชการรับราชการใกล้ชิดพระองค์
นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการซึ่งหมายถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น กระทรวง กรม กอง รวมถึงหน่วยงานรัฐและองค์กรของรัฐที่ได้รับพระราชทาน ส่วนกลุ่มสมาคมต่างๆ ที่มีการขอพระราชทานก็ได้รับโอกาสนี้เช่นกัน และสุดท้ายคือกลุ่มเอกชนทั้งบุคคลและองค์กรที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งกฐินพระราชทานนี้มีความสำคัญและคุณค่าในหลายมิติ ในด้านศาสนานั้น กฐินพระราชทานถือเป็นการทำบุญสูงสุดในงานกฐินและมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประธานทางใจ ในด้านสังคม กฐินพระราชทานช่วยสร้างความสามัคคีและความร่วมมือในสังคม รวมทั้งเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน
ในด้านวัฒนธรรม กฐินพระราชทานช่วยรักษาประเพณีไทยที่ดีงามและสืบทอดความผูกพันระหว่างสถาบันหลักของชาติ ส่วนในด้านเกียรติและศักดิ์ศรีนั้น ผู้ที่ได้รับพระราชทานถือเป็นเกียรติยศสูงสุดและแสดงถึงความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระมหากษัตริย์

วัตถุประสงค์ของการพระราชทาน
การที่พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานผ้าพระกฐินมีวัตถุประสงค์สำคัญหลายประการ 
วัตถุประสงค์แรกคือเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนา โดยส่งเสริมให้ประชาชนทำบุญถวายสังฆทานและสืบทอดประเพณีพุทธศาสนาอันดีงาม
วัตถุประสงค์ที่สองคือเพื่อแสดงพระมหากรุณาธิคุณ โดยพระราชทานโอกาสให้ผู้ได้รับพระราชทานมีส่วนร่วมในการทำบุญใหญ่ ส่วนวัตถุประสงค์ที่สามคือเพื่อรักษาพระอารามหลวงและสนับสนุนการบำรุงรักษาวัดที่สำคัญทั่วประเทศ
วัตถุประสงค์สุดท้ายคือเพื่อเชื่อมโยงพระมหากษัตริย์กับประชาชน แสดงถึงความใกล้ชิดระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพระพุทธศาสนาและประชาชน

สถานที่ทอดกฐินพระราชทาน
กฐินพระราชทานจะนำไปทอดเฉพาะพระอารามหลวง ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร ไม่ใช่วัดทั่วไป พระอารามหลวงแบ่งออกเป็นสามประเภทตามลำดับความสำคัญ คือพระอารามหลวงชั้นเอกซึ่งได้แก่ราชวรวิหารและราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นโทซึ่งได้แก่วรวิหารและวรมหาวิหาร และพระอารามหลวงชั้นตรีซึ่งเป็นวัดหลวงทั่วไป

หน่วยงานรับผิดชอบงานกฐินพระราชทาน
ปัจจุบันกรมการศาสนาสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบงานกฐินพระราชทาน โดยมีหน้าที่จัดทำผ้าพระกฐินและเครื่องกฐินเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงประสานงานการพระราชทานแก่หน่วยงานต่างๆ
กรมการศาสนายังมีหน้าที่กำหนดตารางและสถานที่ทอดกฐินพระราชทาน ดูแลและอำนวยความสะดวกในพิธีทอดกฐินพระราชทาน ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อวัดและกำหนดการทอดกฐินพระราชทานแก่สาธารณชนให้ทราบอย่างทั่วถึง

ความแตกต่างระหว่างกฐินพระราชทานกับกฐินทั่วไป
กฐินพระราชทานแตกต่างจากกฐินทั่วไปในหลายประเด็นสำคัญ ในแง่ของแหล่งที่มา กฐินพระราชทานเป็นพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ ขณะที่กฐินทั่วไปประชาชนจัดทำเองทั้งหมด เรื่องของสถานที่ก็ต่างกัน โดยกฐินพระราชทานจะทอดได้เฉพาะพระอารามหลวงเท่านั้น แต่กฐินทั่วไปสามารถทอดได้ที่วัดทั่วไป
ผู้ทอดกฐินพระราชทานจะเป็นหน่วยงานที่ได้รับพระราชทาน ในขณะที่กฐินทั่วไปเป็นกลุ่มบุคคลทั่วไปที่สมัครใจ ความสำคัญของกฐินพระราชทานถือว่าสูงสุดและมีเกียรติยศมาก แต่กฐินทั่วไปจะมีความสำคัญตามบุญกุศลที่สร้าง
การจัดการของกฐินพระราชทานมีกรมการศาสนาดูแล ส่วนกฐินทั่วไปผู้จัดงานเองรับผิดชอบทั้งหมด และในเรื่องจำนวนวัดนั้น กฐินพระราชทานมีจำนวนจำกัดประมาณ 100 กว่าวัดทั่วประเทศ ในขณะที่กฐินทั่วไปมีหลายพันวัดทั่วประเทศไทย

ความเชื่ออานิสงส์จากการทำบุญทอดกฐิน

การทอดกฐินถือเป็นบุญใหญ่ที่พุทธศาสนิกชนให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่ามีอานิสงส์และผลบุญมากมาย ทั้งในชาติปัจจุบันและชาติหน้า ดังต่อไปนี้

อานิสงส์ตามพระไตรปิฎก
1. ได้บุญมหาศาล ผู้ร่วมทอดกฐินจะได้รับบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ที่ผ่านพรรษามาแล้ว ซึ่งถือเป็นทานที่มีคุณค่าสูงสุดชนิดหนึ่งในพุทธศาสนา
2. เป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรือง ความเชื่อว่าผู้ทำบุญทอดกฐินจะมีชีวิตเจริญก้าวหน้า ทั้งในด้านการงาน การเงิน สุขภาพ และความสัมพันธ์กับผู้คน
3. ได้พบพระพุทธเจ้าในอนาคต ตามความเชื่อทางพุทธศาสนา ผู้ที่ทำบุญทอดกฐินจะได้สร้างบารมีที่จะได้พบพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล หรือได้เกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนา
4. ช่วยให้บรรลุนิพพาน บุญกุศลจากการทอดกฐินจะเป็นบาทฐานนำไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด


อานิสงส์ในชีวิตปัจจุบัน
1. มีความสุขและความสงบใจ การทำบุญทอดกฐินทำให้จิตใจผ่องใส มีความสุข สงบ และเบิกบาน เพราะได้ทำความดี
2. มีโชคลาภและความเจริญ เชื่อว่าผู้ทอดกฐินจะได้รับโชคลาภ ความเจริญในหน้าที่การงาน ธุรกิจราบรื่น และมีรายได้ที่ดี
3. ปราศจากอุปสรรค เชื่อกันว่าการทอดกฐินช่วยขจัดอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ทำให้มีชีวิตที่ราบรื่น ปราศจากเคราะห์กรรม
4. ได้รับการปกป้องคุ้มครอง ความเชื่อว่าผู้ทอดกฐินจะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทวดา เจ้าที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
5. มีสุขภาพแข็งแรง เชื่อกันว่าบุญจากการทอดกฐินช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุยืนยาว
6. มีเกียรติยศชื่อเสียง เชื่อกันว่าผู้ทำบุญทอดกฐินจะได้รับความเคารพนับถือจากคนทั่วไป มีเกียรติยศและชื่อเสียงในสังคม


อานิสงส์ในชาติหน้า
1. เกิดในตระกูลดี เชื่อกันว่าผู้ทอดกฐินจะได้เกิดในตระกูลที่ดี มีฐานะมั่นคง มีพ่อแม่ที่ดี และได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
2. มีความมั่งคั่ง เชื่อกันว่าจะเกิดมาในฐานะที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่ขัดสน มีความสุขสบาย
3. มีความงาม เชื่อว่าผู้ทอดกฐินจะได้เกิดมาในร่างที่สวยงาม น่าดู มีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คน
4. มีปัญญาดี เชื่อกันว่าจะได้เกิดมามีปัญญาเฉลียวฉลาด มีสติปัญญาดี เรียนรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็ว
5. มีอายุยืนยาว เชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตในภพหน้าจะมีอายุยืน มีสุขภาพแข็งแรง และอายุขัยยาวนาน
 

ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

Thai PBS On This Dayวันสำคัญวันนี้ในอดีตThai PBS Digital MediaThai PBSไทยพีบีเอสกฐินจุลกฐินมหากฐินผ้าป่าวันออกพรรษาวันสำคัญทางศาสนาพระพุทธศาสนา
วิรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร | จูล~Joule

ผู้เขียน: วิรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร | จูล~Joule

ทาสแมวผู้เลี้ยงกระต่ายอย่างมืออาชีพ รักในศิลปะ การถ่ายภาพและดนตรีนอกกระแส ชื่นชอบการชมภาพยนตร์ในโรง รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด