ปัจจุบันมี “อาชญากรรมไซเบอร์” (Cyber Crime) โจมตีบุคคล องค์กร หน่วยงานทุกแห่งหนทั่วโลก ซึ่งละเมิดกฎหมายแต่ละประเทศ ด้วยเหตุนี้ “ศาลอาญาระหว่างประเทศ” เกิดแนวคิดจะเริ่มดำเนินคดีกับ “อาชญากรรมไซเบอร์” ที่ทำให้เกิด “อาชญากรรมสงครามไซเบอร์” (Cyber War Crimes) อย่างจริงจัง เนื่องจากเหตุที่ก่อ สามารถนำเงินที่ได้มาอำนวยความสะดวกในการก่ออาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ รวมถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้
Karim Khan ทนายความระดับสูงของศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) เปิดเผยว่า “ศาลกรุงเฮก” จะเริ่มทำการสืบสวนและดำเนินคดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมโลกไซเบอร์ที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แม้ว่าจะมีกฎหมายเฉพาะทางเพื่อจัดการกับสงครามไซเบอร์แล้วก็ตาม โดย Khan มองว่า กฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่นั้นเพียงพอแล้ว ในการนำ “อาชญากรรมไซเบอร์” เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
“อาชญากรรมไซเบอร์” ไปจนถึง “อาชญากรรมสงครามไซเบอร์” สามารถสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตของผู้คน เป็นช่องหาทำเงินในการก่ออาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และยังใช้เป็นช่องทางในการโจมตีประเทศต่าง ๆ ได้ด้วย จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดี เพื่อนำตัว “อาชญากรรมสงครามไซเบอร์” มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการป้องปรามภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้แม้จะยังไม่มีบทบัญญัติ “ธรรมนูญกรุงโรม” เฉพาะ เกี่ยวกับ “อาชญากรรมไซเบอร์” โดยตรง แต่ “ICC” จะดำเนินคดีกับ “อาชญากรรมที่โจมตีทางไซเบอร์กำหนดเป้าหมายทางทหารโดยเฉพาะ” ซึ่งไม่ใช่สถานที่พลเรือน เช่น ระบบไฟฟ้า หรือโรงพยาบาล
อนึ่ง “ธรรมนูญกรุงโรม” คือสนธิสัญญาที่ ICC นำมาใช้ในปี 1998 (ปี 2541) เพื่อจัดการกับอาชญากรรมระหว่างประเทศหลัก 4 ประการ ได้แก่ 1. การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 2. อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ 3. อาชญากรรมสงคราม 4. อาชญากรรมจากการรุกราน
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : techspot