“โลกร้อน” ทำให้ “สภาพอากาศ” ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างสัมผัสได้ แล้วหากอีก 5 ปีข้างหน้า กลายเป็น “โลกเดือด” ซึ่งมาพร้อมกับ “สภาวะโลกรวน” โลกกำลังจะเผชิญกับอะไรบ้าง ตามมาหาคำตอบได้จากคอนเทนต์นี้
โดยในเรื่องนี้ ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้ความรู้ผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat 4 ข้อดังนี้ว่า
1. รายงานการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization : WMO)
โดยทุกปีจะมีการประชุมเพื่อคาดการณ์และปรับปรุงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกหรือที่เรียกว่า “WMO Climate Update” ซึ่ง WMO ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเพื่อคาดการณ์แนวโน้มสภาพภูมิอากาศในอีก 5 ปีข้างหน้า เป็นการอัปเดตใหม่ประจำปี 2025 - 2029 ซึ่งเพิ่งเผยแพร่ไป และเป็นหนึ่งในการอัปเดตที่น่าตกใจที่สุด
2. การคาดการณ์สภาพอากาศที่สำคัญปี 2025 - 2029 ระบุดังนี้
2.1 มีความเป็นไปได้ถึง 80% อย่างน้อยหนึ่งปีระหว่างปี 2025 - 2029 จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โดยจะแซงหน้าปี 2024 ที่อุณหภูมิในเดือนเมษายน 2024 ในพื้นที่เอเชียใต้บางเมือง สูงขึ้นไปถึง 52 องศาเซลเซียส
2.2 มีโอกาสถึง 86% ที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นเกิน 1.5องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (ช่วงระหว่าง พ.ศ. 2393 - พ.ศ. 2443) อย่างน้อยหนึ่งปี
2.3 มีโอกาสถึงร้อยละ 70 ที่อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้ง 5 ปีจะเกิน 1.5 องศาเซลเซียสด้วย
2.4 ในแต่ละปี อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.2 - 1.9 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม
3. ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง ?
สิ่งที่โลกกำลังเผชิญ :
3.1. สภาพอากาศรุนแรงมากขึ้น : อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นคาดว่าจะทำให้สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้นกว่าก่อนปี 2025 ทำให้เกิดคลื่นความร้อนบ่อยครั้ง, พายุจะเกิดถี่และรุนแรงมากขึ้น, จะเกิดภัยแล้งยาวนาน รวมทั้งฤดูฝนจะมีฝนจะตกหนักมากกว่าปกติจนเกิดน้ำท่วมได้
3.2 ผลกระทบต่ออาหารและน้ำ : เมื่อปริมาณน้ำฝนไม่แน่นอนและอุณหภูมิยังคงสูงขึ้น พืชผลจะได้รับผลกระทบ น้ำเริ่มขาดแคลน และความมั่นคงด้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในภูมิภาคที่เปราะบางอยู่แล้ว
3.3 พื้นที่อาร์กติกขั้วโลกเหนือกำลังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว : ส่วนที่น่าตกใจที่สุดประการหนึ่งของการพยากรณ์คืออัตราการอุ่นขึ้นของพื้นที่อาร์กติกขั้วโลกเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงสามเท่าในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิที่ผิดปกติอาจสูงถึง 2.4 องศาเซลเซียสจากปกติ ส่งผลให้น้ำแข็งในทะเลละลายเร็วขึ้นและส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก
3.4 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่เท่าเทียมกันทั่วโลก ตามรายงานระบุว่า : พื้นที่เช่นยุโรปตอนเหนือ ไซบีเรียตอนเหนือ อลาสกา และซาเฮล มีแนวโน้มที่จะมีฝนตกมากขึ้น ในทางกลับกันบางภูมิภาค เช่น พื้นที่แอมะซอนอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณฝนที่ลดลง ส่งผลให้ป่าเสื่อมโทรมและสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
4. โลกสามารถทำอะไรได้บ้าง ?
4.1 มาตรการสำหรับรัฐบาลผู้กำหนดนโยบาย
- ปรับปรุงกลยุทธ์ด้านภูมิอากาศและปรับแผนปฏิบัติการระดับชาติ ให้สอดคล้องกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด
- เพิ่มการลงทุนในแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ
- สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ภัยจากน้ำทะเลสูงขึ้นเกิดน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง การเกิดพายุรุนแรงขึ้น เป็นต้น
4.2 มาตรการสำหรับประชาชนทั่วไป
- ลดการใช้พลังงานโดยปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ ใช้แสงสว่างที่มีประสิทธิภาพ และเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด
- สนับสนุนบริษัทและแบรนด์ที่ดำเนินการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- มีส่วนร่วมในระดับท้องถิ่น ใช้สิทธิ์ลงคะแนน และยืนหยัดเพื่อนโยบายที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องร่วมลดดลกร้อนอย่างเป็นจริงจัง - เป็นรูปธรรม ก่อนที่ปัญหาจะสายเกินแก้
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : WMO, ดร.สนธิ คชวัฒน์
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech