เปิดคู่มือลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส 2568 ผ่านแอปฯ เป๋าตัง พร้อมเช็กเงื่อนไขและรายละเอียดล่าสุดที่นี่
Thai PBS รวบรวมข้อมูลโครงการ "คนละครึ่งพลัส" อัปเดตล่าสุด 2568 หลัง "คณะรัฐมนตรี" ได้เห็นชอบวงเงินงบประมาณดำเนินโครงการ สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน หรือจนกว่าจะครบวงเงินสิทธิ จำนวนไม่เกิน 44,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" และเว็บไซต์ คนละครึ่งพลัส.com วันที่ 20-26 ต.ค. 68 ตั้งแต่เวลา 06.00 - 22.00 น. โดยมีรายละเอียดดังนี้
เช็กคุณสมบัติผู้รับสิทธิ "คนละครึ่งพลัส"
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ณ วันที่ลงทะเบียน)
- มีบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 1-5
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จะเริ่มใช้จ่ายได้ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2568 ในช่วงเวลา 06:00 - 23:00 น. โดยการสแกนจ่ายเงินผ่านโครงการ ต้องมีการซื้อสินค้า-บริการจริง ตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย และไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการถอนเงินสด หรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสด ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
“คนละครึ่งพลัส” กับวงเงินและสิทธิประโยชน์
โดยโครงการ "คนละครึ่งพลัส" หรือ "คนละครึ่ง 2568" จะมีการปรับรูปแบบจากโครงการ “คนละครึ่ง” ที่เคยดำเนินการมาก่อน ใน 3 ประเด็นหลัก คือ เพิ่มวงเงินการใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน (จากเดิมคือ 150 บาท) , ขยายฐานอายุผู้ใช้สิทธิ “คนละครี่งพลัส” ให้กว้างขึ้น เป็นอายุ 16 ปี (จากเดิมคือ 18 ปี) และเพิ่มสิทธิพิเศษให้ผู้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้รับวงเงินเพิ่มขึ้น โดยกำหนดวงเงินสิทธิ ดังนี้
- ประชาชนผู้เสียภาษี* : ได้เงินคนละ 2,400 บาท (รัฐจ่าย 60% เราจ่าย 40%)
- ประชาชนที่ไม่อยู่ในระบบภาษี : ได้เงินคนละ 2,000 บาท (รัฐจ่าย 50% เราจ่าย 50%)
* หมายเหตุ : ประชาชนผู้เสียภาษี ณ ที่นี้ ได้แก่
- ผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90)
- ผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91)
- ผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568
วิธีรับสิทธิ "คนละครึ่งพลัส" อย่างไร?
หากตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขในการลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” เรียบร้อยแล้ว สามารถลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง ได้ ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. 68 เวลา 06.00-22.00 น. ของทุกวัน โดยมีขั้นตอนการลงทะเบียนดังนี้
- อัปเดตแอปฯ เป๋าตัง เป็นเวอร์ชันล่าสุด และเปิดใช้งาน G Wallet
- โหลด "เป๋าตัง" ได้ที่ App Store หรือ Google Play Store
- รองรับโทรศัพท์ที่ใช้ Android 9.0 ขึ้นไป หรือ iPhone ที่มี iOS 15.0 ขึ้นไป - เข้าแอปฯ เป๋าตัง และกดที่แบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่งพลัส”
- ยอมรับ "ข้อตกลงและเงื่อนไข" พร้อมยืนยันการลงทะเบียน
- แจ้งผลการลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง
- เติมเงินเข้า G Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ
- เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่ วันที่ 29 ต.ค.-31 ธ.ค. 68 เวลา 06.00 - 23.00 น.
- ตรวจประวัติการใช้สิทธิคงเหลือ บนแอปฯ เป๋าตัง
วิธีอัปเดตและเปิดใช้งานแอปฯ เป๋าตัง ก่อนรับสิทธิ “คนละครึ่งพลัส”
ก่อนจะลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ “คนละครึ่งพลัส” ผ่านแอปฯ เป๋าตัง จะต้องทำการอัปเดตแอปฯ ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อน
สำหรับผู้ที่มีแอปฯ เป๋าตัง อยู่แล้ว มีการลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้งาน G Wallet แล้วเรียบร้อย แต่ไม่ได้ใช้งานนาน สามารถอัปเดตแอปฯ ง่ายๆ ดังนี้
- เปิด App Store หรือ Google Play Store
- พิมพ์ค้นหา "เป๋าตัง" และกดที่ปุ่ม "อัปเดต"
และสำหรับผู้ที่ไม่มีแอปฯ เป๋าตัง และไม่เคยใช้งาน จะต้องทำการโหลดแอปฯ ผ่าน App Store หรือ Google Play Store และเปิดใช้งาน G Wallet ก่อน โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เปิด App Store หรือ Google Play Store
- ค้นหาแอปฯ "เป๋าตัง" เลือก "GET" หรือ “ติดตั้ง”
- ติดตั้งเสร็จ เปิดแอปฯ เป๋าตัง
- กดให้ความยินยอม จัดการข้อมูลยืนยันตัวตน
- เตรียมบัตรประชาชน เพื่อถ่ายรูปยืนยันตัวตน
- ตรวจสอบเลขบัตรประชาชน และกรอกเบอร์มือถือเพื่อรับรหัส OTP
- ใส่รหัส OTP 6 หลัก
- กรอกข้อมูลบัตรประชาชน
- เลือกวิธียืนยันตัวตน จาก 2 ช่องทาง
- แอปฯ Krungthai NEXT
- สแกนใบหน้า - หากลงทะเบียนสำเร็จ จะแสดงการ์ด Wallet ให้สมัครใช้บริการ
*หมายเหตุ : แอปฯ เป๋าตัง รองรับโทรศัพท์ที่ใช้ Android 9.0 ขึ้นไป หรือ iPhone ที่มี iOS 15.0 ขึ้นไปเท่านั้น
เงื่อนไขและข้อยกเว้น “คนละครึ่งพลัส”
- ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR เพื่อชำระค่าสินค้า/บริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) เท่านั้น ไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์หรือคนกลางได้
- ใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 06.00 - 23.00 น. ของทุกวัน
- ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการกระทำการใดๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดหรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินการของมาตรการ/โครงการใดๆ ของรัฐ
- สินค้า/บริการที่ใช้ได้ : ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ (เช่น นวด สปา ทำผม ทำเล็บ ค่าเดินทางขนส่งสาธารณะ)
- สินค้า/บริการที่ยกเว้น : สลากกินแบ่ง, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ผลิตภัณฑ์ยาสูบ, บัตรกำนัลเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระสินค้า หรือบริการล่วงหน้า
วิธีใช้สิทธิ "คนละครึ่งพลัส" ซื้ออาหารผ่าน "ฟู้ดเดลิเวอรี"
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ "คนละครึ่งพลัส" 2568 สำหรับสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (ฟู้ดเดลิเวอรี) สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ วันที่ 7 พ.ย. 68 ตั้งแต่ 06.00 - 21.00 น. ของทุกวัน โดยมีข้อจำกัดดังต่อไปนี้
- ต้องเป็นการซื้อขายสินค้าเฉพาะประเภทอาหาร/เครื่องดื่ม โดยประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการฯ เท่านั้น
- รัฐจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ห้ามมีการรับหรือเรียกเงินทอนเป็นเงินสด หรือประโยชน์รูปแบบอื่น นอกจากการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ไม่ว่ากรณีใดๆ
- การซื้อขายอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี จะต้องเป็นการซื้อ-ขายกันจริง โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้อยู่สถานที่เดียวกัน หรือเป็นบุคคลเดียวกัน
- แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ได้แก่ Grab Food, LINE MAN, ShopeeFood และ Robinhood
ร้านค้ารายย่อย เข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” อย่างไร ?
เว็บไซต์คนละครึ่งพลัส.com ได้ให้รายละเอียดคุณสมบัติร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการไว้ดังนี้
1. เป็นผู้ประกอบการร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ที่มีสัญชาติไทย (ผู้ประกอบการร้านค้าฯ) ดังนี้
- ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่นิติบุคคล
- ร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านค้าธงฟ้าฯ) ที่ไม่ใช่นิติบุคคล เว้นแต่เป็นร้านค้าธงฟ้าฯ ของสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- ร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ)
- ร้านค้าของวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนฯ)
ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นร้านค้าที่มีลักษณะเป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ และต้องมีการประกอบการที่สามารถตรวจสอบได้
2. เป็นผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม ที่มีสัญชาติไทย (ผู้ประกอบการบริการฯ)
- ผู้ประกอบการบริการที่ไม่ใช่นิติบุคคล
- ผู้ประกอบการบริการของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง ตาม พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ
- ผู้ประกอบการบริการของวิสาหกิจชุมชนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนฯ
ทั้งนี้ ต้องมีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งและตรวจสอบได้ และกรณีเป็นผู้ประกอบการบริการนวด สปา จะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
3. เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะ ที่มีสัญชาติไทยและไม่ใช่นิติบุคคล (ผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะฯ) ดังนี้
- ผู้ประกอบการประเภทรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) รถตู้โดยสารประจำทางที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถสองแถวรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ผู้ประกอบการรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารที่สามารถตรวจสอบได้ เช่น สามล้อถีบ เป็นต้น
4. เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะ ได้แก่
- รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ (ผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะฯ)
5. เป็นนิติบุคคลขนาดเล็ก เฉพาะที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 68 และงบการเงินตามมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. 50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2567
ซึ่งขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป หรือให้บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 กันยายน 2568
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการนวด สปา หรือผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะจะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
6. ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จะต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 1-5
7. ประเภทสินค้าและบริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ
โดยไม่รวมถึงสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า
ทั้งนี้ การกำหนดเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าและบริการของโครงการฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนด
อย่างไรก็ตาม ร้านค้ากลุ่มเดิมที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ เช่น ร้านค้าถุงเงินที่เคยเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 5” เมื่อปี 2565 , ร้านค้าธงฟ้าบุคคลธรรมดา และร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โดยสามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสได้ทันที ผ่านแอปฯ ถุงเงิน
ส่วนร้านค้ากลุ่มใหม่ ที่ผ่านเกณฑ์ และยังไม่เคยสมัครเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” มาก่อน สามารถติดต่อขอลงทะเบียนร้านค้าได้ที่ จุดตั้งบูธกระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารกรุงไทย หรือ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม- 19 ธันวาคม 2568
ขั้นตอนดาวน์โหลดและติดตั้ง "แอปฯ ถุงเงิน" เพื่อเข้าโครงการคนละครึ่งพลัส
1. เปิดแอปฯ App Store หรือ Google Play
2. พิมพ์ค้นหา "ถุงเงิน"
3. กดเลือกติดตั้ง
หมายเหตุ : แอปฯ ถุงเงิน รองรับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ Android 10+ และรองรับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ iOS 15+ ขึ้นไป
วิธีการสร้าง QR รับเงิน “คนละครึ่งพลัส” สำหรับร้านค้า
- เลือกเมนู “โครงการคนละครึ่งพลัส”
- กด “ยอมรับ” ข้อตกลงและเงื่อนไข
- เข้าสู่หน้าจอ ใส่จำนวนเงิน
- ระบุจำนวนเงิน และกดยืนยัน
- สร้าง QR รับเงิน เพื่อให้แอปฯ เป๋าตัง สแกน
- ได้รับแจ้งเตือน เมื่อลูกค้าสแกนสำเร็จ
วิธีการใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” กับร้านค้า
- เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือกแบนเนอร์ โครงการ “คนละครึ่งพลัส”
- กดปุ่ม สแกน QR เพื่อใช้สิทธิ
- สแกน QR ร้านค้าถุงเงิน
- กดปุ่มยืนยัน เพื่อยืนยันการชำระเงิน
- ใส่รหัส PIN เป๋าตัง 6 หลัก
- บันทึกสลิป ทำรายการสำเร็จ
จำให้แม่น! ไทม์ไลน์ “คนละครึ่งพลัส” ลงทะเบียนวันไหน ใช้ได้เมื่อไร
15-19 ต.ค. 68 : ร้านค้าใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
20-26 ต.ค. 68 : ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ระหว่างเวลา 06.00-22.00 น. ของทุกวัน
29 ต.ค. 68 : เริ่มใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” วันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน
7 พ.ย. 68 : เริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. ของทุกวัน
11 พ.ย. 68 : ต้องใช้สิทธิครั้งแรก ภายในเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ
31 ธ.ค. 68 : สิ้นสุดโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เวลา 23.00 น.
“คนละครึ่งพลัส” กับความหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
“คนละครึ่งพลัส” เป็นโครงการที่ต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” เดิม โดยมีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ภายใต้การขับเคลื่อนของรัฐบาลที่นำโดย “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ซึ่งตัดสินใจหยิบโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน และสร้างสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ก็ไม่ได้เป็นเพียงการสานต่อแนวคิด “รัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง-ประชาชนร่วมจ่ายครึ่งหนึ่ง” เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในระบบเศรษฐกิจโดยรวมเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนเดินหน้าเข้าสู่ระบบการเสียภาษี โดยไม่ลืมให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งถือเป็นพลเมืองชาวไทยเช่นเดียวกัน
รวมเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และแอปฯ เป๋าตัง