ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ร่างงบประมาณประจำปี 2026 ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านสภาจนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งต้องชะงัก NASA เองก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ด้วยเช่นกัน รวมถึงยานอวกาศจูโนซึ่งเป็นหนึ่งในยานอวกาศที่มีการต่ออายุภารกิจถึงแค่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และการที่ร่างงบประมาณยังคงไม่ประกาศออกมา อาจจะทำให้สถานการณ์ของยานอวกาศลำนี้จบลงเมื่อไรก็ได้
ผ่านมาแล้วแปดปีที่ยานอวกาศจูโน (Juno Spacecraft) โคจรรอบดาวพฤหัสบดี มันได้สร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์บริวารของอย่างมากมายมหาศาล จูโนได้โคจรรอบดาวพฤหัสบดีไปแล้ว 76 รอบ มากกว่ายานกาลิเลโอที่เคยโคจรเพียง 35 รอบภายในช่วงเวลาเท่ากัน
จูโนเป็นหนึ่งในภารกิจสำรวจอวกาศห้วงลึกต้นทุนต่ำของ NASA ภายใต้โครงการ New Frontier ซึ่งเป็นโครงการเดียวกับยาน New Horizons ที่เดินทางไปดาวพลูโต งบประมาณรวมของภารกิจจูโนตลอด 8 ปีอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่ายานกาลิเลโอซึ่งใช้งบประมาณ 1.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในยุคนั้น และหากปรับตามอัตราเงินเฟ้อจะเทียบเท่าราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบัน นั่นทำให้จูโนเป็นหนึ่งในภารกิจต้นทุนต่ำที่ให้ผลตอบแทนทางวิทยาศาสตร์สูง อันจากการสำรวจดาวพฤหัสบดี
ในช่วงแรกของภารกิจ ระหว่างปี 2016–2021 ยานจูโนประสบความสำเร็จอย่างมากในการศึกษาสนามแม่เหล็ก โครงสร้างภายใน และแกนกลางของดาวพฤหัสบดี รวมถึงการบันทึกภาพพลวัตของชั้นบรรยากาศในระยะใกล้ อีกทั้งยังช่วยไขข้อสงสัยที่ยานกาลิเลโอเคยทิ้งไว้ เช่น ปริมาณน้ำในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีที่ดูน้อยผิดคาด จูโนค้นพบว่าจุดที่ยานสำรวจขนาดเล็กของยานกาลิเลโอพุ่งลงไปสำรวจเป็นบริเวณที่เป็นหลุมอากาศซึ่งมีความชื้นต่ำกว่าพื้นที่โดยรอบ จึงไม่สะท้อนค่าที่แท้จริงของประมาณน้ำภายในดาวเคราะห์ทั้งดวง อีกทั้งยังพบความเชื่อมโยงระหว่างดวงจันทร์คัลลิสโตกับแสงออโรราที่ขั้วเหนือและใต้ของดาวพฤหัสบดี
เมื่อภารกิจได้รับการขยายระยะเวลาจนถึง ปี 2025 ยานจูโนได้เข้าใกล้และสำรวจดวงจันทร์บริวารหลักของดาวพฤหัสบดีเพิ่มเติม ได้แก่ ยูโรปา แกนิมีด และไอโอ นับเป็นครั้งแรกที่ยานอวกาศสามารถเก็บข้อมูลความละเอียดสูงของดวงจันทร์ไอโอได้จากระยะใกล้อย่างปลอดภัย การค้นพบสำคัญในช่วงขยายภารกิจนี้ ได้แก่ การพบว่าดวงจันทร์ยูโรปาสามารถผลิตก๊าซออกซิเจนได้จากการชนของอนุภาคในสนามแม่เหล็กของดาวพฤหัสบดี และการตรวจพบแหล่งกำเนิดของภูเขาไฟจำนวนมากบนพื้นผิวของดวงจันทร์ไอโอ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ในช่วงที่จูโนได้รับการต่ออายุภารกิจ
แม้ภาพรวมของภารกิจจูโนจะเป็นไปได้โดยดี แต่ตัวยานเองก็ปะทะเข้ากับสนามแม่เหล็กและรังสีอันตรายที่อยู่รอบดาวพฤหัสบดีบ่อยครั้งจนทำให้การทำงานของยานขัดข้อง ระหว่างการโคจรรอบที่ 47 กล้องถ่ายภาพ JunoCam เริ่มมีอาการติดขัดจากการรบกวนของสนามแม่เหล็ก และในรอบการโคจรที่ 55 ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องนั้นเต็มไปด้วยสัญญาณรบกวนจนแทบไม่สามารถเจาะลึกรายละเอียดของพื้นผิวดวงจันทร์ไอโอได้เลย แต่ทีมวิศวกรของ JPL ก็สามารถซ่อมแซมกล้องถ่ายภาพให้กลับมาเป็นปกติได้อีกครั้งในรอบการโคจรที่ 74 ทั้งที่ตัวยานอยู่ห่างจากโลกไกลถึงหลักพันล้านกิโลเมตร นับเป็นความสำเร็จด้านวิศวกรรมที่น่าทึ่งของ JPL และเป็นรากฐานองค์ความรู้ใหม่ในการแก้ไขปัญหากล้องถ่ายภาพของยานอวกาศที่สำคัญ
ตลอดภารกิจที่ผ่านมา ยานอวกาศจูโนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าทางวิทยาศาสตร์อันมหาศาลที่ได้จากภารกิจที่มีต้นทุนต่ำ และยังคงอยู่ในสภาพดีพร้อมเชื้อเพลิงเพียงพอสำหรับการทำงานต่อไป หากภารกิจถูกยุติลงตามกรอบกำหนดเดิมที่เดือนกันยายน 2025 จะนับเป็นความน่าเสียดายอย่างยิ่ง ต้องรอดูทิศทางการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า NASA จะเลือกต่ออายุภารกิจของยานจูโนออกไปอีกหรือไม่
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech