ทีมวิจัยญี่ปุ่นเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับ “ผมหงอก” ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Cell Biology โดยชี้ว่าการสูญเสียเม็ดสีในเส้นผมอาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าร่างกายกำลังกำจัดเซลล์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง

การมี “ผมหงอก” อาจเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามหรือไม่พึงประสงค์ตามวัย แต่ผลการวิจัยล่าสุดในหนูทดลองซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Cell Biology เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 68 โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้เปิดเผยว่า ผมหงอกหรือการที่ผมเปลี่ยนเป็นสีขาวอาจสะท้อนถึงกลไกป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังตามธรรมชาติของร่างกาย และชี้ให้เห็นว่า “เซลล์ต้นกำเนิดเมลาโนไซต์” (Melanocyte Stem Cells หรือ McSCs) ซึ่งทำหน้าที่สร้างสีผมนั้น เมื่อต้องเผชิญกับความเครียดในระดับพันธุกรรม จะถูกบังคับให้เลือกเดินไปตามสองเส้นทางที่ตรงกันข้าม ขึ้นอยู่กับสัญญาณที่ได้รับจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ความรู้ว่า หัวใจสำคัญของการค้นพบนี้อยู่ที่เซลล์ต้นกำเนิดเมลาโนไซต์ (McSCs) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์พิเศษที่อยู่ในรูขุมขน (Hair Follicle) บริเวณส่วนล่างที่เรียกว่า Bulge และ Hair Germ หน้าที่หลักของ McSCs คือ การเป็นแหล่งสำรองของเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) เพื่อให้สีแก่เส้นผมและผิวหนัง เมื่อเข้าสู่ระยะเติบโตของเส้นผม เซลล์ McSCs จะถูกกระตุ้นและเคลื่อนที่ไปยังกระเปาะผม (Hair Bulb) เพื่อสร้างเม็ดสีตามปกติ

โดยงานวิจัยนี้เปิดเผยว่า เซลล์ McSCs ที่มี DNA เสียหายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดของสาย DNA ทั้งสองด้าน (DNA double-strand breaks) จะเลือกเส้นทางที่เป็นการป้องกันตนเองที่เรียกว่า “seno-differentiation” คือ การที่เซลล์ McSCs ที่เสียหายจะเกษียณตัวเองทันที เซลล์จะไม่แบ่งตัวอีกต่อไปเพื่อป้องกันไม่ให้ DNA ที่เสียหายแพร่กระจาย และเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเซลล์สีผมที่ใช้แล้วทิ้ง จนหมดไปจากคลังสำรอง การสูญเสียเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดสีนี้เองที่นำไปสู่การเกิดผมหงอก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกลไกกำจัดเซลล์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเมลาโนมา (Melanoma) ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดลุกลามที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในทางตรงกันข้าม หาก McSCs ได้รับความเสียหายและมีการกระตุ้นจากสารก่อมะเร็ง (Carcinogens) บางชนิดที่ยับยั้งกระบวนการ seno-differentiation ทำให้เซลล์ McSCs ที่มี DNA เสียหายสามารถอยู่รอดและเพิ่มจำนวนต่อไปแทนที่จะถูกกำจัดออกจากร่างกาย ซึ่งการอยู่รอดและการแบ่งตัวของเซลล์ที่มีความผิดปกตินี้เองเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดมะเร็งเมลาโนมา ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเซลล์เมลาโนไซต์

ศาสตราจารย์ Emi Nishimura ผู้นำทีมวิจัย ระบุว่า การค้นพบนี้ให้มุมมองใหม่เกี่ยวกับเรื่องผมหงอกและมะเร็งเมลาโนมา (Melanoma) ว่า ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันของการตอบสนองต่อความเครียดของเซลล์ต้นกำเนิด ทั้งนี้ นักวิจัยย้ำว่า ผมหงอกไม่ได้เป็นการป้องกันมะเร็งโดยตรง แต่เป็นผลลัพธ์ ของกลไกการป้องกัน (seno-differentiation) ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจวงจรโมเลกุลที่ควบคุมชะตากรรมที่แตกต่างกันของเซลล์ McSCs นี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความชราของเนื้อเยื่อกับการเกิดมะเร็ง และอาจนำไปสู่แนวทางการรักษาใหม่ ๆ ในอนาคต
📌อ่าน : จริงไหม ? “ความเครียด” ทำให้ผมหงอก
📌อ่าน : หมอยืนยัน ! “ผมหงอก” ยิ่งถอนไม่ทำให้ยิ่งหงอก
📌อ่าน : “ผมหงอก” กลับคืนเป็น “ผมดำ” ได้ไหม ?
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : Nature, แก้วนภา ชวาร์ซ กองสื่อสารวิทยาศาสตร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















