น้ำท่วมสร้างความเสียหายได้มากมาย รถไฟฟ้า EV ถือเป็นทรัพย์สินสำคัญ หากต้องเจอกับเหตุน้ำท่วมจำเป็นต้องรับมืออย่างถูกวิธีเพื่อสามารถป้องกันความเสียหายได้
Thai PBS รวบรวมวิธีรับมือ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้า EV ต้องเจอกับน้ำท่วม ขับลุยในช่วงน้ำมาอย่างไรให้ปลอดภัย หรือหากจอดในน้ำท่วมต้องทำอย่างไรเพื่อป้องกันหรือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้บ้าง ? มาดูกัน
รถยนต์ไฟฟ้า EV เจอน้ำท่วมขับลุยได้หรือไม่ ?
รถยนต์ไฟฟ้า EV มีมาตรฐานสำหรับการรับมือน้ำไว้โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการติดตั้งระบบป้องกันที่เรียกกันว่า Ingress Protection (IP) หรือระดับ IP เป็นคะแนนของการป้องกันน้ำและฝุ่น ยิ่งมี่ค่า IP สูง ยิ่งสามารถป้องกันได้ดียิ่งขึ้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยทั่วไปแล้วจะมีค่าอยู่ที่ IP67 ถือว่าป้องกันน้ำได้ดี โดยปกติแล้วจะสามารถลุยน้ำได้ประมาณ 3 ฟุต เป็นเวลา 30 นาที โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลเข้ามาในส่วนประกอบไฟฟ้ารถ
อย่างไรก็ตาม การขับรถยนต์ไฟฟ้า EV ลุยน้ำยังควรต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ขับขี่ลุยน้ำเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น และควรมีการขับอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยมีข้อแนะนำดังนี้
ขับรถอย่างระมัดระวัง ประเมินความลึกของน้ำก่อนขับเสมอ ไม่ควรขับผ่านพื้นที่น้ำสูงเกิน 30 เซนติเมตร หากหลีกเลี่ยงได้ รวมถึงระมัดระวังสิ่งกรีดขวางต่าง ๆ ที่จะสามารถกระทบกับแบตเตอรี่รถได้
ลดความเร็วลง ขับช้า ๆ เพื่อลดการกระเซ็นของน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมรถ กันอาการรื่นรวมถึงการตกหลุมบ่อใต้น้ำ
รักษาระยะห่างให้ปลอดภัยจากรถคันอื่น เว้นระยะห่างเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้ ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิด ป้องกันน้ำกระเซ็นจากรถขันอื่น
ปิดแอร์ ป้องกันน้ำพัดเข้าสู่ระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าของรถยนต์
ทั้งนี้ การขับรถยนต์ไฟฟ้า EV ลุยน้ำท่วม ยังคงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรขับลุยนานเกิน 30 นาที หากเจอพื้นที่น้ำท่วมจึงควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะช่วงรถติดยิ่งควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันความเสียหาย หลังลุยน้ำควรนำรถยนต์เข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานต่อไป
รถยนต์ไฟฟ้า EV จมน้ำท่วมต้องทำอย่างไร ?
รถยนต์ไฟฟ้า EV ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วมสูง หากพบว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ จึงมีข้อแนะนำให้เคลื่อนย้ายไปจอดในพื้นที่สูง แต่หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องลุยน้ำท่วมและเจอน้ำท่วมหนัก รถยนต์ไฟฟ้า EV จมน้ำท่วมเป็นเวลานาน การตรวจสอบสภาพรถถือเป็นสิ่งจำเป็น มีข้อควรปฏิบัติเพื่อจำกัดความเสียหาย ดังนี้
อย่าพยายามใช้งานรถทันที ควรมีการตรวจสอบสภาพรถโดยผู้เชี่ยวชาญก่อนเป็นลำดับแรก
ห้ามยุ่งเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าทันที กรณีรถจมน้ำแล้วห้ามสตาร์ทรถหรือถอดสายไฟเปิดฝาแบตเตอรี่เอง เพราะอาจเกิดอันตรายรวมถึงทำให้ระบบไฟฟ้ารัดวงจรได้ นอกจากนี้ หากพบว่าต้องขับผ่านน้ำลึก มีข้อแนะนำให้หลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดอีกด้วย
ถ่ายรูปความเสียหายของรถไว้เป็นหลักฐาน เก็บหลักฐานที่แสดงให้เห็นระดับน้ำและความเสียหายให้ชัดเจนที่สุด ช่วยให้การเคลมประกันทำได้ง่ายขึ้น ก่อนติดต่อบริษัทประกันเพื่อใช้งานรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปตรวจสอบตามศูนย์บริการที่มีความชำนาญ
เคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัย ควรให้อยู่ในพื้นที่ที่หากจากเชื้อไฟ รถคันอื่น ราว 15 เมตร เพื่อความปลอดภัย เพราะอาจเกิดไฟฟ้ารัดวงจร หากสังเกตเห็นควัน ประกายไฟ เสียงระเบิด เสียงฟู่ หรือมีความร้อนมาจากรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ประสบเหตุ ต้องถอยห่างและแจ้งหน่วยงานฉุกเฉินทันที
ประเมินความเสียหาย หากน้ำท่วมไม่ถึงแบตเตอรี่การซ่อมจะช่วยให้สามารถกลับมาใช้งานต่อได้ แต่หากท่วมถึงห้องโดยสารและแบตเตอรี่ หรือท่วมถึงอุปกรณ์สำคัญภายในรถ ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว ค่าซ่อมที่สูงและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาจไม่คุ้มค่ากับการซ่อมและอาจพิจารณาขายพร้อมเคลมประกันบางส่วนได้ ทั้งนี้ กรณีที่บริษัทประกันประเมินแล้วไม่คุ้มกับการซ่อม อาจมีการคืนทุนประกันได้
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV เสียหาย สามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ?
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV ถือเป็นส่วนสำคัญและมีมูลค่าสูง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. มีการเผยแพร่เอกสาร “คำสั่งนายทะเบียนที่ 47/2566 เรื่องให้ใช้แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า” ที่มีรายละเอียดครอบคลุมส่วนของแบตเตอรี่รถไฟฟ้า มีใจความระบุถึงอัตราค่าสินไหมทดแทนกรณีแบตเตอรี่รถไฟฟ้าเสียหาย สามารถเครมรับการชดใช้ค่าสินไหมได้ตามปีของอายุการใช้งานดังนี้
รถอายุไม่เกิน 1 ปี ชดใช้ 100% ของราคาแบตใหม่
รถอายุเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ชดใช้ 90% ของราคาแบตรถยนต์ไฟฟ้าใหม่
รถอายุเกินกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ชดใช้ 80% ของราคาแบตรถยนต์ไฟฟ้าใหม่
รถอายุเกินกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 4 ปี ชดใช้ 70% ของราคาแบตรถยนต์ไฟฟ้าใหม่
รถอายุเกินกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี ชดใช้ 60% ของราคาแบตรถยนต์ไฟฟ้าใหม่
รถอายุเกินกว่า 5 ปี ขึ้นไป ชดใช้ 50% ของราคาแบตรถยนต์ไฟฟ้าใหม่
ทั้งนี้ ประกาศดังนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 แล้ว
อ้างอิง
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



















