EN

แชร์

Copied!

มาตรการ ‘บัญชีม้า’ กับช่องว่างการคุ้มครองผู้บริสุทธิ์

21 ก.ย. 6809:00 น.
มาตรการ ‘บัญชีม้า’ กับช่องว่างการคุ้มครองผู้บริสุทธิ์
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การอายัดบัญชีธนาคารกลายเป็นประเด็นร้อน หลังมีประชาชนบางส่วนได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัด “บัญชีม้า” ของทางการ จนบัญชีถูกระงับใช้งานชั่วคราว ทำให้เกิดความตื่นตระหนก ส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากออกมากดเงินสดจากธนาคารเพื่อความปลอดภัยทางการเงินของตนเอง

ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแนวทางรับมือ โดยหากพบความผิดปกติ ธนาคารจะระงับบัญชีทันที เพื่อหยุดธุรกรรมและจำกัดความเสียหาย แต่กลับทำให้มีผู้บริสุทธิ์ส่วนหนึ่ง ที่ถูกระงับบัญชีโดยไม่รู้ตัว 

ทั้งนี้ ธปท. กำหนดว่า การปลดล็อกบัญชีใช้เวลาเฉลี่ย 3-7 วัน หากเป็นการระงับวงเงินชั่วคราว และไม่มีหมายอายัด ธนาคารจะปลดล็อกให้ไม่เกิน 7 วัน และหากครบกำหนดโดยไม่มีคำสั่งอายัด บัญชีจะถูกปลดล็อกทันที พร้อมมีการแจ้งเตือนลูกค้าผ่าน SMS หรือ Mobile Banking โดยระบุรายละเอียดชัดเจน เช่น ระยะเวลาการระงับวงเงินที่ถูกจำกัด, ขั้นตอนต่อไป และช่องทางสอบถาม

อย่างไรก็ตามกระบวนการดังกล่าว สร้างความกังวลและถูกตั้งคำถามเรื่องความสมดุลระหว่างการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน กับการคุ้มครองสิทธิของประชาชนผู้บริสุทธิ์

 

ศูนย์ AOC ย้ำ “ระงับเส้นทางเงิน ไม่ใช่อายัดบัญชี”

มาตรการ 'บัญชีม้า' กับช่องว่างการคุ้มครองผู้บริสุทธิ์

นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

ทั้งนี้ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีประชาชนโทรเข้าร้องเรียนผ่านศูนย์ AOC 1441 ประมาณ 1,300 สาย โดยส่วนใหญ่ไม่ยอมบอกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล มีเพียง 30 สาย (10%) ที่ไม่เกี่ยวข้อง จึงได้รับการปลดล็อก ส่วนอีก 270 สาย เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ซึ่งอาจเป็นความพยายามกดดันให้เจ้าหน้าที่ปลดล็อกโดยไม่ตรวจสอบ

นายวิศิษฏ์ ระบุว่า ประชาชนที่ถูกระงับธุรกรรม ต้องโทรเข้าศูนย์สายด่วน AOC 1441 พร้อมข้อมูลชื่อ-สกุล, เลขบัญชี และเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ซึ่งปัจจุบันศูนย์ดังกล่าว มี 100 คู่สายที่คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และจะเพิ่มอีก 20 คู่สาย เพื่อรองรับการให้บริการ

อย่างไรก็ตาม การระงับบัญชีเป็นเพียงการ “ระงับเส้นเงินจากบัญชีม้า” ไม่ใช่อายัดทั้งบัญชี หากพบความเชื่อมโยงการฟอกเงิน จะอยู่ในความรับผิดชอบของ ปปง. และตำรวจ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งตรวจสอบนิติบุคคลเสี่ยง

ด้าน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดย นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (RTP) ปราบปรามการใช้ “บัญชีม้า” และนิติบุคคลเข้าข่ายฟอกเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลศูนย์ AOC พบรายชื่อบุคคลความเสี่ยงสูง 94,161 ราย จากบัญชี HR03 มีนิติบุคคล 1,415 ราย ที่เชื่อมโยงน่าสงสัย ถูกติดป้ายกำกับเพื่อติดตามพฤติกรรม

ขณะเดียวกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กำลังพัฒนาระบบ “iBas” เพื่อติดตามพฤติกรรมนิติบุคคลอย่างต่อเนื่อง และเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนตรวจสอบที่อยู่จดทะเบียน พบว่านิติบุคคล 41 ราย  แจ้งที่อยู่เท็จ และดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ธปท. ออกแนวทางแก้ไขปัญหา ลดเวลาระงับบัญชีเหลือ 4 ชั่วโมง

ปท. ออกแนวทางแก้ไขปัญหา ลดเวลาระงับบัญชีเหลือ 4 ชั่วโมง

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า ธปท. ได้หารือกับศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และสถาบันการเงิน เห็นชอบแนวทางใหม่ ผู้สุจริตสามารถร้องเรียนผ่านสายด่วน 1441 กด 2 พร้อมแจ้งชื่อ เลขบัญชี และหมายเลขบัตรประชาชนเพื่อปลดล็อกบัญชี

มาตรการใหม่เน้นไปที่

  1. กวาดบัญชีม้าและแยกบัญชีมิจฉาชีพออกจากบัญชีผู้บริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว
  2. ลดระยะเวลาปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ให้เหลือ 4 ชั่วโมง จากเดิม 3-7 วัน
  3. ปรับปรุงการแจ้งผู้ถูกระงับให้ชัดเจนและมาตรฐานมากขึ้น

ด้านอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. ระบุว่า ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 11 กันยายน 2568 จำนวนบัญชีที่ถูกระงับชั่วคราวเฉลี่ย 10,000 บัญชีต่อสัปดาห์ รวมทั้งบัญชีผู้บริสุทธิ์และบัญชีมิจฉาชีพ

ผู้บริโภคกังวล มาตรการอายัดบัญชีไม่ชัดเจน กระทบคนบริสุทธิ์

ปท. ออกแนวทางแก้ไขปัญหา ลดเวลาระงับบัญชีเหลือ 4 ชั่วโมง

คุณนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์

คุณนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ กล่าวถึง มาตรการตรวจสอบบัญชีม้าว่า มีเจตนาเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน แต่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียน

ปัญหาหลักคือประชาชนไม่ได้รับการชี้แจงล่วงหน้าว่าควรยืนยันวัตถุประสงค์การใช้แต่ละบัญชี เช่น บัญชีเก็บเงิน บัญชีรับโอนเงินเดือน หรือบัญชีธุรกิจ หากมีการแจ้งตั้งแต่แรก ผู้ใช้จะเข้าใจเหตุผลการยืนยันตัวตนเมื่อมีธุรกรรมเกินวงเงินที่กำหนด

ปัจจุบัน การอายัดบัญชีมักเริ่มจากตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินเมื่อมีผู้เสียหายแจ้งความ ทำให้บัญชีที่เกี่ยวข้องถูกอายัดเป็นทอด ๆ แม้บางบัญชีผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้อง

สิ่งสำคัญคือรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชี้แจงขั้นตอน เปิดช่องทางให้ประชาชนพิสูจน์ตัวตนได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกำหนดระดับความผิดปกติของธุรกรรมให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนเตรียมยืนยันตัวตนล่วงหน้า

แม้มาตรการนี้มุ่งช่วยให้ผู้ถูกหลอกโอนเงินได้เงินคืน แต่ขั้นตอนซับซ้อนและการสื่อสารไม่ทั่วถึง ทำให้ประชาชนเดือดร้อน การรับฟังความคิดเห็นและสื่อสารชัดตั้งแต่ต้น จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้มาตรการนี้ได้ผลโดยไม่กระทบผู้บริสุทธิ์เกินความจำเป็น