EN

แชร์

Copied!

จะขอเงินคืนได้หรือไม่? หากโดนเซลล์ในห้างตามตื้อขายคอร์ส จนสูญเงินไม่รู้ตัว

12 ก.ย. 6817:06 น.
จะขอเงินคืนได้หรือไม่? หากโดนเซลล์ในห้างตามตื้อขายคอร์ส จนสูญเงินไม่รู้ตัว
สภาองค์กรของผู้บริโภค แนะ 4 วิธีรับมือและแนวทางดำเนินการเบื้องต้น เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองจากการโดนชักจูงให้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยไม่เป็นธรรม

เดินห้างอยู่ดี ๆ เผลอสบตาพนักงานขายคอร์สความงามหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็แห่กรูเข้ามาทัก พูดจาคล่องแคล่วจนเราแทบตั้งตัวไม่ทัน ก่อนรู้ตัวอีกที กลับต้องรูดบัตรจ่ายคอร์สราคาหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนโดยไม่ตั้งใจ แล้วแบบนี้ จะเอาเงินคืนได้ไหม 

การขายคอร์สหรือสินค้าในคลินิกเสริมความงามมักใช้ กลยุทธ์การตลาดที่หลากหลาย เช่น ชักชวนให้ซื้อคอร์สก่อน ใช้วิธีโน้มน้าวให้ลูกค้าส่งมอบบัตรเครดิต เพื่อรูดบัตร อีกกรณีคือ ให้จ่ายเงินต้นก่อนครึ่งหนึ่ง แล้วผ่อนจ่ายที่เหลือ หรือให้มาชำระภายหลัง ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าอยู่ภายใต้แรงกดดัน หากไม่เต็มใจซื้อคอร์สก็อาจถูกกดดันให้รับคอร์ส บ่อยครั้งพอบริการแล้วไม่เห็นผลตามที่โฆษณาไว้ บางคลินิกอาจปิดกิจการ ทำให้ลูกค้าติดต่อไม่ได้ นำไปสู่ปัญหาในการเรียกร้องสิทธิหรือขอเงินคืน

ลักษณะที่เข้าข่ายไม่เป็นธรรมในการรับบริการ

การให้บริการจากคลินิกเสริมความงามควรเป็นไปอย่างโปร่งใส และเคารพสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งกรณีต่อไปนี้ถือว่าเข้าข่ายไม่เป็นธรรม หากเกิดในลักษณะการให้บริการหรือการขายคอร์ส-สินค้า โดยผู้บริโภคอาจถูกเอาเปรียบ ถูกกดดัน หรือไม่ได้รับสิทธิที่กฎหมายคุ้มครองอย่างเต็มที่

  • คลินิกโน้มน้าวให้ลูกค้าส่งมอบบัตรเครดิตโดยที่ลูกค้าไม่เต็มใจ รวมถึงเสนอและกดดันให้เพิ่มวงเงินบัตรเครดิต เพื่อให้ลูกค้าซื้อคอร์สที่เกินกำลังชำระ
  • ซื้อบริการไว้แล้ว แต่คลินิกปิดกิจการก่อนให้บริการครบตามที่ตกลงไว้
  • ขายคอร์สที่มีราคาสูงเกินไป หรือโฆษณาอวดอ้างผลที่เกินจริง ทำให้ลูกค้าคาดหวังสูง แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้
  • กดดันให้ซื้อสินค้า-บริการโดยไม่เต็มใจ เช่น พนักงานโน้มน้าวมาก ใช้คำพูดให้เสียความรู้สึก ถ้าไม่ซื้อจะมีผลเสีย มีการปิดประตู ไม่ให้ออกจากร้าน เป็นต้น
  • จ่ายเงินล่วงหน้าโดยไม่มีหลักประกัน หรือไม่มีใบเสร็จที่ชัดเจน
  • ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินก่อน เช่น ครึ่งหนึ่ง แล้วจ่ายทีหลัง แต่ไม่มีสัญญาหรือเงื่อนไขชัดเจน
  • บริการไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เช่น อุปกรณ์ไม่มาตรฐาน บุคลากรไม่ได้คุณวุฒิ
  • เลิกกิจการ / ปิดร้านหนี ทำให้ลูกค้าไม่สามารถใช้บริการได้ตามสัญญา หรือไม่สามารถเรียกร้องคืนเงินได้

มานะ  บุญส่งส่ง ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภค 1 (สคบ.) ให้ข้อมูลกับทาง Thai PBS Verify ว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีบทบาทในการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีธุรกิจเสริมความงาม โดยมีกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง เช่น “ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการเสริมความงามเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2563” ที่กำหนดว่า เมื่อผู้บริโภคชำระเงินสำหรับคอร์สบริการเสริมความงามแล้ว ผู้ประกอบการมีหน้าที่ออกหลักฐานการรับเงินให้ผู้บริโภค ซึ่งต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจและผู้มีอำนาจออกหลักฐาน ชื่อผู้บริโภค วันที่เริ่มต้น-สิ้นสุดการให้บริการ หรือเงื่อนไขการเข้าใช้บริการ และจำนวนเงินค่าบริการ 

มานะ บุญส่งส่ง ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภค 1 (สคบ.)

ในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อคอร์สไว้แล้วแต่ยังไม่ใช้บริการ มีสิทธิยกเลิกสัญญาภายใน 7 วัน และผู้ประกอบการต้องคืนเงินให้เต็มจำนวน หากชำระด้วยบัตรเครดิต ผู้ประกอบการอาจหักค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตได้ตามที่กฎหมายหรือข้อตกลงระบุไว้

ถ้าถูกชักชวนให้ซื้อสินค้าหรือบริการในลักษณะที่มีการกดดัน ไม่ให้ออกจากร้าน หรือนำเอาบัตรเครดิตไปใช้โดยที่ลูกค้าไม่เต็มใจนั้น ผู้บริโภคสามารถแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนได้ และหากเกิดกรณีที่คลินิกปิดกิจการหรือล้มเลิกสัญญาโดยไม่เป็นธรรม ผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิร้องขอคืนเงินได้ โดยมีเอกสารและหลักฐานที่สำคัญ เช่น ใบเสร็จรับเงิน  หลักฐานการจ่ายเงิน สัญญาหรือข้อตกลงการให้บริการ/ข้อความโฆษณาหรือโปรโมชั่นที่ใช้ชักชวน ข้อมูลอื่น ๆ ที่แสดงเงื่อนไข คำรับรอง 

เบื้องต้นทางสภาองค์กรของผู้บริโภคแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้ถูกหลอกขายหรือถูกชักจูงให้ซื้อสินค้าหรือบริการที่ไม่เหมาะสม ไว้ดังนี้

  1. เมื่อซื้อสินค้าและสงสัยในราคาของสินค้านั้น ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบราคาเบื้องต้นผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ ของสินค้านั้น ๆ รวมถึงเปรียบเทียบราคาในหลาย ๆ ร้าน หากพบว่าราคาสูงเกินจริง ผู้บริโภคต้องติดต่อสอบถามไปยังร้านค้าที่สั่งซื้อเพื่อสอบถามว่า ราคาที่สูงนั้นเพราะเหตุใด และที่สำคัญการเช็กของก่อนจ่ายเงินก็เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อป้องกันการโดนโกง
  2. หากยังมีข้อสงสัยในราคาสินค้า สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแล กำกับ ควบคุมราคาสินค้า โทรศัพท์ 0 2507 5530 หรือ สายด่วน 1569
  3. ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญา โดยระบุเหตุผลว่า ‘การเข้าซื้อสินค้าหรือบริการถูกจูงใจ ชักชวนในลักษณะบังคับหรือชักจูงให้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยไม่เป็นธรรม ถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค’ และขอเงินคืนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522* ทั้งนี้ การส่งหนังสือให้กับร้านค้าจะต้องส่งโดยไปรษณีย์ตอบรับ และจะต้องเก็บหลักฐานใบตอบรับไว้ด้วย
  4. หากไม่ได้รับการตอบกลับหรือได้รับการตอบกลับ แต่บริษัทฯ หรือร้านค้า ไม่ตอบรับข้อเสนอตามหนังสือบอกเลิกสัญญา ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือสภาองค์กรของผู้บริโภค

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ระบุว่า การเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการต่าง ๆ ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ เมื่อผู้ประกอบธุรกิจประกอบธุรกิจค้าขายสินค้าโดยจูงใจ ชักชวนในลักษณะบังคับหรือชักจูงให้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยไม่เป็นธรรม ถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ผู้บริโภคจะต้องได้รับการพิจารณาเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ เช่น ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาขอเงิน ขอคืนสินค้า ขอเปลี่ยนสินค้า เป็นต้น

ที่มา : สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) – เตือนภัย! โดนเซลล์ในห้างขายคอร์สเสริมความงาม จนต้องจ่ายไม่รู้จบ