ล่าสุด สถานทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอชี้แจงให้ทราบว่า บทความที่เกี่ยวข้องกับข่าว “นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เปิดเผยถึง นักการเมืองไทย 7 คนที่พัวพันและมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา” นั้น ไม่เป็นความจริงสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี จะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อข่าวปลอมดังกล่าว
นาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
ด้านประเทศไทยนาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย สั่งให้ กระทรวงการต่างประเทศ และทีมงานตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีข่าวลือว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ เตรียมเปิดชื่อ นักการเมืองไทย 7 คน ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ สแกมเมอร์ในกัมพูชา
อนุทินยืนยันว่า ขณะพูดคุยกับ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย และได้สั่งให้ สถานเอกอัครราชทูตไทยในเกาหลีใต้ ตรวจสอบแล้ว พร้อมย้ำว่า หากพบว่ามีผู้กระทำผิดจริง จะดำเนินคดีโดยไม่มียกเว้น
สำหรับการปราบปรามสแกมเมอร์ นายกฯ ระบุว่า หลังรัฐบาลชุดนี้เริ่มทำงานเพียงสัปดาห์เดียว จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 37 ราย และเตรียมประชุมใหญ่เพื่อวางมาตรการขยายผลเพิ่มเติม รวมถึง ร่วมมือกับนานาชาติ ในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเต็มรูปแบบ
ส่วนกรณีข่าวลือว่า บริษัท ปริ๊นซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ตั้งอยู่ในอาคาร Sino-Thai Tower นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้อง
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อี แจ มยอง
ทั้งนี้ช่วงวันที่ 15 – 19 ต.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ เร่งปฏิบัติการช่วยเหลือพลเมืองที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการ หลอกลวงออนไลน์ (Scam Centers) ในประเทศ กัมพูชา หลังพบว่ามีชาวเกาหลีใต้กว่า 63 คนถูกควบคุมตัว จากการกวาดล้างศูนย์หลอกลวงระหว่างเดือนก.ค. – ก.ย. 68 โดยรัฐบาลตั้งเป้านำทุกคนกลับประเทศภายใน 1 เดือน
ประธานาธิบดี อี แจ มยอง สั่งระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หลังพบการล่อลวงพลเมืองไปทำงานในกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์นักศึกษาเกาหลีใต้วัย 22 ปีถูกลักพาตัว เรียกค่าไถ่ และเสียชีวิตจากการถูกทรมาน ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อประท้วง พร้อมส่ง คณะทำงานพิเศษ จากกระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจ และหน่วยข่าวกรอง เดินทางไปกัมพูชาเมื่อวันที่ 15 ต.ค.68 เพื่อประสานสอบสวนร่วม
สถิติการลักพาตัวพลเมืองเกาหลีใต้ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากในปี 66 อยู่ที่ 21 คดี ในปี 67 เพิ่มขึ้นเป็น 221 คดี และช่วง 8 เดือนแรกปี 68 อยู่ที่ 300 กว่าคดี จนรัฐบาลเกาหลีใต้ออก คำเตือนการเดินทางไปยังกัมพูชา โดยเฉพาะกรุงพนมเปญ
ในเวลาเดียวกัน มิจฉาชีพยังคงโฆษณาหลอกเหยื่อผ่านออนไลน์ เสนอเงินเดือนสูงถึง 340,000 บาทต่อเดือน พร้อมที่พักและตั๋วเครื่องบินฟรี ก่อนกักขังและบังคับทำงานในศูนย์หลอกลวง
นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ให้ คิม จีนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่สองของเกาหลีใต้ ที่ทำเนียบสันติภาพ กรุงพนมเปญ
ต่อมา กัมพูชาเตรียมส่งชาวเกาหลีใต้ 59 คนกลับประเทศ หลังทีมเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เข้าพบ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เพื่อหารือความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยฮุน มาเนต แสดงความเสียใจต่อกรณีนักศึกษาเกาหลีใต้เสียชีวิต และให้คำมั่นว่าจะเร่งจับผู้กระทำผิด พร้อมย้ำว่าการออกคำเตือนการเดินทางของเกาหลีใต้อาจกระทบการท่องเที่ยว แต่เกาหลีใต้ระบุว่ามาตรการดังกล่าวจำเป็นจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
หลังการหารือ ตำรวจกัมพูชาแถลงว่าจะ ส่งชาวเกาหลีใต้ 59 คนกลับประเทศ ซึ่งมีทั้งผู้สมัครใจและผู้ถูกหลอกไปทำงาน โดยขณะนั้นทางการกัมพูชาระบุว่ามี ชาวเกาหลีใต้ 80 คนอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่ได้ถูกจับกุมทั้งหมด
องค์กร Cyber Scam Monitor รายงานว่ากัมพูชามีศูนย์สแกมเมอร์และกาสิโนกว่า 256 แห่ง มากกว่าตัวเลขของ Amnesty International ถึง 4 เท่า และรัฐบาลเกาหลีใต้คาดว่ามีพลเมืองของตนกว่า 1,000 คน อยู่ในเครือข่ายแรงงานข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงเหล่านี้
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 68 ชาวเกาหลีใต้ 64 คน ถูกส่งตัวกลับถึงประเทศด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ โดยมีตำรวจคุมกว่า 190 นาย ถือเป็นภารกิจนำผู้ต้องสงสัยกลับประเทศครั้งใหญ่ที่สุดจากประเทศเดียว ผู้กลับมาทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและตรวจหาสารเสพติด
ซึ่งก่อนหน้านั้น วันที่ 17 ต.ค. 68 เกาหลีใต้และกัมพูชาได้ลงนาม ข้อตกลงร่วม 3 ข้อ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ได้แก่
- ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมกัน
- ขึ้นบัญชีดำผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวง
- ห้ามบุคคลเหล่านี้เดินทางเข้ากัมพูชา
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย เพื่อย้ำความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยไทยยืนยันพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อช่วยเหลือเหยื่อจากขบวนการอาชญากรรมในภูมิภาคนี้อีกด้วย
