EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว : “มิจฉาชีพ” ใช้ AI Deepfake ปลอมข่าว “สรยุทธ” พิธีกรชื่อดัง โฆษณายาลดเบาหวาน

27 พ.ค. 6810:30 น.
1
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว : “มิจฉาชีพ” ใช้ AI Deepfake ปลอมข่าว “สรยุทธ” พิธีกรชื่อดัง โฆษณายาลดเบาหวาน

Thai PBS Verify พบคลิปจากเฟซบุ๊ก ใช้ภาพของพิธีกรชื่อดัง "สรยุทธ" ลงคลิปใช้เทคโนโลยี AI Deepfake ปลอมเสียงพร้อมขยับหน้าตา อ้างอดีตอาจารย์วิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตบหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะขัดขวางไม่ให้ใช้ยารักษาโรคเบาหวาน เตือนอย่าหลงเชื่อ

พบมิจฉาชีพใช้บัญชี Facebook โดยใช้พิธีกรชื่อดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ลงคลิปอ่านข่าว อ้าง “นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ อดีตหมอผ่าตัดหัวใจและผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 และ นายประมวล เพ็งจันทร์ อดีตอาจารย์วิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตบหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะขัดขวางไม่ให้ใช้ยารักษาโรคเบาหวาน แท้จริงเป็นคลิปปลอมที่ใช้ AI Deepfake เพื่อลวงแอดไลน์เว็บพนันออนไลน์ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เสี่ยงตกเป็นเหยื่อหลอกลวง

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงคลิปปลอมใช้ภาพ

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงคลิปปลอมใช้ภาพ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” พิธีกรชื่อดังอ่านข่าวนักเขียนและอดีตแพทย์ออกมาแนะนำยารักษาโรคเบาหวาน

Thai PBS Verify พบคลิปจากผู้ใช้บัญชี Facebook ชื่อ “Take care of your body” โพสต์คลิปข่าวที่มีพิธีกรชื่อดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” อ่านข่าวซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ นายประมวล เพ็งจันทร์ นักเขียนและอดีตอาจารย์วิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ้างว่า นายประมวล ป่วยเป็นเบาหวาน และทำร้ายร่างกายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะขัดขวางไม่ให้ใช้ยารักษาโรคเบาหวาน โดยโพสต์เมื่อ 16 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าชมไปกว่า 460,000 ครั้ง

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบภายในเพจดังกล่าวพบว่า บัญชีดังกล่าวมียอดผู้ติดตามเพียง 253 คน ระบุว่าเป็นเพจการแพทย์และสุขภาพ ถูกสร้างเมื่อ 15 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา มีผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่ภายในเพจดังกล่าวไม่มีการโพสต์เนื้อหาอื่น ๆ แต่อย่างใด (ลิงก์บันทึกที่ นี่ นี่ และ นี่)

ความโปร่งใสของเพจ Take care of your body

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงความโปร่งใสของเพจที่พบว่ามีผู้ดูแลอยู่ในต่างประเทศ

สำหรับภาพที่ถูกกล่าวอ้างว่า นายประมวล เพ็งจันทร์ ให้สัมภาษณ์นั้น Thai PBS Verify ตรวจสอบโดยใช้คีย์เฟรมจากเครื่องมือตรวจสอบดิจิทัล InVid-WeVerify และการค้นหาด้วยเครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพบุคคล พบว่า ภาพดังกล่าวถูกนำมาจากรายการ “ประมวลความคิด” ของช่องยูทูบ The Cloud ซึ่งเผยแพร่คลิปเรื่อง “วิธีแก้ปัญหาวัยทำงานที่วนกับทรัพย์ ชื่อเสียง คู่ชีวิต” ไว้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเนื้อหาของรายการไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคเบาหวานแต่อย่างใด (ลิงก์บันทึก)

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงภาพจากรายการประมวลความคิด (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ ภาพจากคลิปปลอม (ขวา)

ขณะที่คลิปที่อ้างว่า เป็นภาพของนายประมวล เข้าไปทำร้ายร่างกายตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อค้นหาด้วยเครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens พบว่า ไปตรงกับรายงานข่าว การทะเลาะวิวาทกันของรัฐสภาในกรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย ที่เผยแพร่ไว้เมื่อวันจันทร์ที่ 8 เม.ย. 2567 ซึ่งเป็นการทะเลาะกันในระหว่างการอภิปรายเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ ที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งและวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็น “กฎหมายของรัสเซีย” ที่จะกำหนดให้องค์กรต่าง ๆ ต้องลงทะเบียนเป็น “ตัวแทนต่างชาติ” หากพวกเขารับเงินทุนจากต่างประเทศ (ลิงก์บันทึก)

คลิปปลอม, สรยุทธ

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงภาพจากคลิปปลอม (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ ภาพจากคลิปข่าวการทะเลาะวิวาทกันของรัฐสภาในกรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย (ขวา)

นอกจากการอ้างถึงนายประมวลแล้ว เรายังพบการนำภาพของ นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ อดีตหมอผ่าตัดหัวใจและผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 มาใช้อีกด้วย โดยเนื้อหาระบุว่า นพ. สันต์ ได้ผลิตยารักษาที่กำจัดสาเหตุของโรคเบาหวาน ฟื้นฟูการอักเสบของตับอ่อน โดยไม่จำเป็นต้องฉีดอินซูลิน และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตรวจวัดปริมาณน้ำตาล เพียงแค่กินแคปซูลวันละ 1 ครั้ง และเลิกพึ่งยาตลอดชีวิต ซึ่งเมื่อตรวจสอบโดยใช้คีย์เฟรมจากเครื่องมือตรวจสอบดิจิทัล InVid-WeVerify และการค้นหาด้วยเครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพบุคคล พบว่า ภาพดังกล่าวถูกนำมาจากรายการ “หมอสันต์” ของช่องยูทูบ “WELLNESS WE CARE” ซึ่งเผยแพร่เรื่อง “รักษาโรคเบาหวานด้วยตัวเอง” ที่เผยแพร่ไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการแนะนำเรื่องของโรคเบาหวาน รวมถึงการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งไม่ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับยารักษาโรคเบาหวานแต่อย่างใด (ลิงก์บันทึกที่ นี่ และ นี่)

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงภาพจากคลิปปลอม (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ ภาพจากคลิปยูทูบจากช่อง “WELLNESS WE CARE” ที่เผยแพร่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ขวา)

ด้าน นพ. สันต์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การปลอมเป็นหมอสันต์ทุกกรณีล้วนมีเจตนาตะล่อมหลอกขายสินค้าทางด้านสุขภาพ เช่นอาหารเสริมที่ใช้เลข อย. ปลอม เป็นต้น วิธีหลอกขาย เช่น เอาภาพเอาเสียงของหมอสันต์มาแต่งให้พูดในรายการดัง เหมือนหมอสันต์ตัวจริงกำลังสอนวิธีดูแลสุขภาพด้วยตัวเองอยู่ แต่จบท้ายกลายเป็นหลอกให้ซื้อสินค้าที่พูดให้คนฟังเข้าใจผิด ว่าหมอสันต์ทำขึ้นมาขาย หรือรับจ้างเขาโฆษณาขาย ซึ่งหมอสันต์ตัวจริงต้องไม่ขายอะไรทั้งสิ้น ไม่รับจ้างเป็น presenter ให้สินค้าตัวไหนเด็ดขาด สิ่งที่หมอสันต์ตัวจริงทำอยู่จริง ๆ มีอย่างเดียว คือให้ความรู้และตอบคำถามด้านสุขภาพ แบบมุ่งให้ผู้ฟังหรือผู้ถามเอาคำตอบไปปฏิบัติด้วยตนเองได้โดยไม่มีการโปรโมทยาหรืออาหารเสริมใด ๆ ทั้งสิ้น (ลิงก์บันทึก)

กระบวนการตรวจสอบ

1. วิเคราะห์คลิปวิดีโอ : ภาพดูผิดปกติจากการพูดของมนุษย์ทั่วไป, เสียงไม่สอดคล้องกับภาพ, ออกเสียงอักขระผิด ซึ่งทั้งหมดนี้มีลักษณะตรงกับเทคนิค AI Deepfake

2. เปรียบเทียบกับช่องจริง : เมื่อตรวจสอบกับช่องจริงด้วยการค้นหาด้วยคำสำคัญ ไม่พบว่ามีเนื้อหาตรงกับคลิปปลอมแต่อย่างใด

3. ใช้เครื่องมือ InVid-WeVerify และ Google Lens : ตรวจสอบภาพคีย์เฟรมจากวิดีโอ เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพบุคคล

4. ตรวจสอบบุคคลที่ถูกอ้างอิง : นำภาพของ นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ ไปตรวจสอบ พบถูกนำมาจากวิดีโอสุขภาพเมื่อ 5 ปีก่อน และยังตรวจสอบโพสต์ Facebook ของ นพ. สันต์ พบชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าใด ๆ และไม่เคยรับโฆษณาอาหารเสริม

ผลกระทบจากการได้รับข้อมูลเท็จ

1. หลอกลวงด้วยการใช้เทคโนโลยี Deepfake

  • ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า “สรยุทธ” เป็นผู้แนะนำผลิตภัณฑ์รักษาโรคเบาหวาน
  • ผู้ชมที่ศรัทธาในตัวบุคคลสาธารณะมีโอกาสเชื่อโดยไม่ตรวจสอบ

2. ทำลายชื่อเสียงบุคคลจริง

  • ทั้ง “สรยุทธ”, นพ. สันต์ และนายประมวล ต่างได้รับผลกระทบจากการถูกแอบอ้าง
  • อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในระยะยาว

3. ส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อาจเป็นอันตราย

  • ยา หรืออาหารเสริมที่กล่าวอ้างอาจไม่มีการรับรอง อย. หรือใช้เลข อย. ปลอม
  • เสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค

4. บั่นทอนความเชื่อมั่นในสื่อ

  • การปลอมแปลงบุคลากรสื่อชื่อดัง อาจทำให้ประชาชนไม่สามารถแยกแยะข่าวจริง-ปลอมได้

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

วิธีสังเกตและป้องกันภัยจากมิจฉาชีพที่ใช้ AI และเทคโนโลยีหลอกลวง

1. อย่าแชร์หากยังไม่ได้รับการตรวจสอบ : มองหาสัญลักษณ์ “Verified” หรือ ติ๊กถูกสีฟ้าบน Facebook, TikTok หรือ YouTube ข้างชื่อช่อง

2. ตรวจสอบกับแหล่งข่าวต้นทาง : เปรียบเทียบกับช่องจริงของบุคคลที่ถูกกล่าวอ้าง

3. ใช้เครื่องมือตรวจสอบภาพ/วิดีโอ : เช่น Google Lens หรือ InVid-WeVerify เพื่อดูว่าภาพนั้นเคยปรากฏที่ใดมาก่อน หรือถูกตัดต่อหรือไม่

4. หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือเพิ่มเพื่อนในไลน์ :อย่าดำเนินการตามคำแนะนำในคลิป เช่น การแอดไลน์, การคลิกลิงก์หรือกดสั่งซื้อสินค้า

5. แจ้ง Facebook หรือแพลตฟอร์มที่เผยแพร่ : กดรายงาน (Report) บัญชีที่เผยแพร่ Deepfake หรือข่าวปลอม เพื่อช่วยจำกัดการเข้าถึง