EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้าง กกต. ไม่รับรองผลเลือกตั้งธัญบุรี ที่แท้แค่เข้าใจผิดปมหาเสียงฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง

5 มิ.ย. 6816:59 น.
1
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้าง กกต. ไม่รับรองผลเลือกตั้งธัญบุรี ที่แท้แค่เข้าใจผิดปมหาเสียงฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง

กกต.ปทุมธานีแจง ยังไม่รับรองผลเลือกตั้ง สท.ธัญบุรี เพราะอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้อง ไม่เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งเกิน

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ตะลึงทั่วโซเชียล” โพสต์ข้อความ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่รับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ธัญบุรี เนื่องจาก บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง” โดยมีภาพ นายกฤษดา หลีนวรัตน์ หรือ นายกฯ เบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี และลูกชาย พร้อมเขียนข้อความในภาพว่า “ธัญบุรีอดกินหญ้าหวาน กกต. ไม่รับการเลือกตั้ง สท. ธัญบุรี หลังบัตรเลือกตั้ง มีมากกว่า “ผู้มาใช้สิทธิ์” มีการแสดงความรู้สึกกว่า 76,000 ครั้ง แสดงความคิดเห็น 9,900 ครั้ง และแชร์กว่า 9,900 ครั้ง

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็นข่าวปลอม ที่บิดเบือนข้อมูล โดยข้อมูลกรณีที่ กกต. ยังไม่ประกาศรับรองการเลือกตั้งนายกเทศบาลธัญบุรีที่เป็นข้อมูลจริง และใช้ข้อมูลเรื่อง บัตรเลือกตั้งมีมากกว่าผู้มาใช้สิทธิ์เป็นข้อมูลเท็จ ต่อมา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 68  พร้อมชี้แจง ว่าอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องร้องเรียน คาดว่าจะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายในสัปดาห์นี้ (1- 6 มิ.ย. 68) 

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

ตรวจสอบแล้ว: โพสต์อ้าง กกต. ไม่รับรองผลเลือกตั้งธัญบุรี ที่แท้แค่เข้าใจผิดปมหาเสียงฝ่าฝืนกฏหมายเลือกตั้ง

ภาพเฟซบุ๊ก ตะลึงโซเชียล แชร์ภาพนายกเบี้ยวและลูกชาย

 

Thai PBS Verify พบโพสต์ดังกล่าววันที่ 23 พ.ค. 68 .ตรวจสอบความโปร่งใสของบัญชีเพจเฟซบุ๊ก ตะลึงทั่วโซเชียล  ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.3 ล้านคน แสดงความรู้สึกถูกใจ 1.1 ล้านคน ให้คำอธิบายว่า เป็นเว็บไซต์ข่าวเพื่อคนไทย รวมข่าวเด่นข่าวดัง พร้อมเนื้อหาสาระอัพเดท 24 ชม. ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 อยู่ในประเทศไทย ยังไม่ได้รับเครื่องหมายยืนยันจาก Facebook  โพสต์ภาพพร้อมข้อความ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่รับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ธัญบุรี เนื่องจาก บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง” มีการแชร์โพสต์ดังกล่าวไปกว่า 9,900 ครั้ง 

ภาพเฟซบุ๊ก ตะลึงโซเชียล แชร์ภาพนายกเบี้ยวและลูกชาย

จากการตรวจสอบด้วย Google Lens  พบว่าภาพดังกล่าวตรงกับโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กชื่อ Stay in Thailand ที่ได้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 68 ระบุว่า “การเลือกตั้ง – คณะกรรมการการเลือกตั้งชี้แจงเหตุผลที่ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองธัญบุรี โดยระบุว่า มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหลายประเด็น ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีบัตรเลือกตั้งเกินหรือสูญหาย” ซึ่งเพจดังกล่าวเป็นเพจที่เน้นการนำเสนอ ข่าวเกี่ยวกับประเทศไทยและเอเชีย สำหรับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติ (ลิงก์บันทึก)

ภาพเฟซบุ๊ก ตะลึงโซเชียล แชร์ภาพนายกเบี้ยวและลูกชาย

ภาพเพจเฟซบุ๊ก Stay in Thailand เกี่ยวกับข่าวกกต.ไม่รับรองผลการเลือกตั้ง

จากการตรวจสอบภาพดังกล่าวเป็นภาพที่คล้ายกับข่าว คนธัญบุรีกินหญ้าหวาน! เมียนายกเบี้ยวพร้อมลูกพีชชนะยกทีม ของสำนักข่าวผู้จัดการ ออนไลน์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2568 

ภาพเพจเฟซบุ๊ก Stay in Thailand เกี่ยวกับข่าวกกต.ไม่รับรองผลการเลือกตั้ง

ภาพเปรียบเทียบเพจเฟซบุ๊กตะลึงทั่วโซเชียลและสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์

นอกจากนี้ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ wasitai พบว่าภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจาก AI 

นอกจากนี้ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ wasitai พบว่าภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจาก AI

 

จากการตรวจสอบข้อมูล คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลธัญบุรี รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรีอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 โดยมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 50,608 คน และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 25,513 คน บัตรเลือกตั้งที่ใช้ลงคะแนนทั้งหมดมีจำนวน 25,513 ใบ แบ่งเป็นบัตรดี 21,901 ใบ และบัตรเสีย 939 ใบ 

สำหรับผลคะแนนผู้สมัครนายกเทศบาลธัญบุรี อย่างไม่เป็นทางการ  ปรากฏว่า นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้รับคะแนนสูงสุดที่ 10,429 คะแนน ตามด้วย นายสมชาติ ค้าทันเจริญ หมายเลข 2 ได้ 9,637 คะแนน นางสิริกัญญา เสาะแสวง หมายเลข 1 ได้ 1,438 คะแนน และ นายณัฐณวัฒน์ หลีนวรัตน์ หมายเลข 3 ได้ 397 คะแนน

จากผลคะแนนดังกล่าว ทำให้ นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรีคนใหม่ ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างรอการรับรองผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อไป

นอกจากนี้ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ wasitai พบว่าภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจาก AI

นอกจากนี้ตรวจสอบผ่านเครื่องมือตรวจสอบภาพ wasitai พบว่าภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจาก AI

 

จากการตรวจผ่านเว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พบว่ายังไม่มีการประกาศผลการเลือกตั้งของธัญบุรีอย่างเป็นทางการ (ลิงก์บันทึก)

ขณะเดียวกัน นางสาวสง่า ทาทอง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า จากกรณีโซเชียลได้มีการพูดถึงบัตรเลือกตั้ง มีมากกว่าผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตธัญบุรีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง มีแค่เรื่องที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการหาเสียงที่ฝ่าฝืนกฏหมายเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาไต่สวน

“ ระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของจังหวัด ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว เพราะมีกรอบระยะเวลาตามระเบียบ แต่ในเบื้องต้นการพิจารณาของคำร้อง เราต้องพิจารณาก่อนว่า ตามคำร้องที่ยื่นเข้ามา ข้อเท็จจริงในคำร้องตามที่ยื่นมาเป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งไหม  รายละเอียดคำร้องครบถ้วนไหม ถ้ารายละเอียดคำร้องไม่ครบถ้วน หรือเรื่องที่ร้องมาไม่ผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ในส่วนของสำนักงานก็ต้องพิจารณาในเรื่องของการสั่งไม่รับคำร้องไว้ดำเนินการ แต่ในเบื้องต้นเรียนว่า อยู่ในชั้นพิจารณาตรวจสอบคำร้องอยู่ เพราะว่าในส่วนของปทุมธานีไม่ได้มีแค่ธัญบุรีที่เดียว แต่มีทั้งหมด 29 แห่ง เพราะฉะนั้น เราจะไม่โฟกัสพิเศษว่าจุดไหนควรพิจารณาก่อน ก็คงดูภาพรวมในทั่ว ๆ ไปให้เท่าเทียมกันทุกเทศบาลที่มีเรื่องร้องเข้ามา” นางสาวสง่า กล่าว 

สำหรับขั้นตอนต่อไป เมื่อมีการพิจารณาคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางปทุมธานีจะส่งไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้พิจารณาประกาศต่อไป คาดว่าน่าจะประกาศภายในสัปดาห์นี้ จะประกาศภาพรวมทุกเทศบาล หรือเฉพาะพื้นที่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกกต.  

 

ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562  หลังประกาศผลคะแนน อย่างไม่เป็นทางการ ณ หน่วยเลือกตั้ง จะส่งผลคะแนนให้ กกต.ท้องถิ่น และส่วนกลาง จากนั้น กกต. ต้องตรวจสอบความถูกต้องของการเลือกตั้ง ว่ามีการทุจริตหรือไม่ ต้องรับรองผลภายใน 30 วัน หากมีการร้องเรียนหรือมีเหตุให้สอบสวนเพิ่มเติม กกต.สามารถ ขยายเวลาได้อีกไม่เกิน 60 วัน

สำหรับผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถร้องเรียนเรื่องการทุจริต, การใช้เงินซื้อเสียง, บัตรเลือกตั้งเกิน / หาย / ไม่ถูกต้อง คำร้องจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวน สืบสวน และไต่สวนโดย กกต.

หากพบการกระทำผิดร้ายแรง หรือผลคะแนนไม่น่าเชื่อถือ กกต.มีอำนาจ สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เฉพาะหน่วย หรือทั่วเขต เมื่อ กกต.รับรองผลแล้ว จะมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ชนะให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ได้รับเลือกต้องรายงานตัว และแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน (ลิงก์บันทึก)

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ : บัญชีเพจเฟซบุ๊ก ตะลึงทั่วโซเชียล ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ถูกสร้างเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 มีผู้ติดตาม 1.3 ล้านคน และกดถูกใจ 1.1 ล้านคน ยังไม่ได้รับเครื่องหมายยืนยันจาก Facebook
  2. ตรวจสอบที่มาของภาพด้วยเครื่องมือ Google Lens : พบว่าภาพตรงกับข่าวจาก Stay in Thailand ระบุว่า “กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบการร้องเรียนหลายประเด็น แต่ ไม่มีบัตรเลือกตั้งเกินหรือสูญหาย” และตรวจสอบภาพจากเครื่องมือ wasitai พบว่าเป็นภาพที่ถูกสร้างจาก AI และเป็นภาพที่คล้ายกับข่าวของสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์
  3. ตรวจสอบข้อมูล รายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อ 11 พ.ค. 2568 รายงานผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ คือ นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้รับคะแนนสูงสุดที่ 10,429 คะแนน ขณะเดียวกันสำนักงาน กกต. จังหวัดปทุมธานี ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ และอยู่ระหว่างการพิจารณาร้องเรียนเกี่ยวกับความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง

ผลกระทบของข้อมูลนี้

  1. ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน : ข่าวลือเรื่อง “บัตรเขย่ง” (บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์) แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการเลือกตั้งโดยรวม และทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความสับสน และอาจตั้งข้อสงสัยในความโปร่งใสของ กกต. แม้ภายหลังจะมีการชี้แจงแล้วก็ตาม
  2. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของผู้สมัครที่ได้รับเลือก : การที่ยังไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ในทันที แม้คะแนนชนะ อาจทำให้เกิดข้อครหา หรือกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม   และผู้ชนะการเลือกตั้งอาจถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียน แม้ยังไม่มีมูลหรือข้อสรุปที่ชัดเจนจาก กกต.
  3. ผลกระทบต่อการทำงานของ กกต. : กกต.ต้องใช้ทรัพยากรในการสอบสวนร้องเรียนเพิ่มเติม โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสสังคมและข่าวลือที่สร้างความเข้าใจผิด และกดดันให้ กกต.ทำงานอย่างรอบคอบ ภายใต้กรอบเวลา 30-60 วันตามกฎหมาย และสื่อสารอย่างโปร่งใสต่อสาธารณชน
  4. ผลกระทบต่อการรับรู้ของสื่อและผู้ใช้โซเชียล : การเผยแพร่ข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบหรือขาดความชัดเจน อาจก่อให้เกิดข่าวลวง (fake news) ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

1. ตรวจสอบก่อนแชร์
ก่อนจะกดแชร์ข้อมูลข่าวสารใด ๆ ควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่า ข่าวนั้นมาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือจริง ๆ หรือไม่ ไม่ควรเชื่อหรือแชร์ทันที แม้ข้อมูลจะมาจากเพจ ที่มีคนติดตามจำนวนมาก หรือมีคนแชร์เยอะ เพราะบางครั้งเพจเหล่านั้นอาจมีการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ การตรวจสอบอย่างรอบคอบช่วยลดการแพร่กระจายข่าวปลอมที่อาจสร้างความเข้าใจผิดหรือความเสียหายตามมาได้

2. หาแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
ควรเลือกอ่านข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบข่าว เช่น Google Lens เพื่อช่วยตรวจสอบภาพประกอบข่าวว่าเป็นภาพจริงหรือภาพที่ถูกนำมาดัดแปลง เพื่อป้องกันการหลอกลวงหรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

3. อย่าเข้าใจผิดเพราะข้อมูลคล้ายกัน
บางครั้งข่าวที่คล้ายกันอาจถูกนำมาเปรียบเทียบหรือสับสนกันได้ เช่น กรณีบัตรเลือกตั้งสูญหายหรือบัตรเกินในเขตหนึ่ง อาจทำให้เข้าใจผิดว่ากรณีเดียวกันเกิดขึ้นในพื้นที่อื่น แต่ความจริงอาจเป็นคนละเหตุการณ์ การอ่านรายละเอียดและเช็คข้อมูลแต่ละกรณีอย่างรอบคอบจึงสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือกระจายข่าวผิด ๆ

4. ตั้งคำถามกับข้อมูลที่มีแนวโน้มจะปลุกกระแส
ถ้าข่าวหรือข้อมูลมีการใช้คำพูดที่รุนแรงหรือบิดเบือนเจตนา เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้คนรู้สึกโกรธ เครียด หรือหวาดกลัว ควรตั้งคำถามทันทีว่า ข่าวนี้มีเจตนาอะไร หรือมีหลักฐานอะไรยืนยันหรือไม่ เพราะข่าวประเภทนี้มักเป็นข่าวปลอมที่สร้างความสับสนและแบ่งแยกสังคม การใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ

5. แจ้งเตือนหากพบว่ามีการแชร์ข่าวปลอม
ถ้าพบว่ามีการแชร์ข้อมูลที่ยังไม่ได้ตรวจสอบหรือเป็นข่าวปลอม ควรแนะนำให้ตรวจสอบจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อช่วยกันลดการแพร่กระจายข่าวปลอม และช่วยสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากขึ้น